ขอมา ก็จัดให้
๔ พฤษภาคม ๒๕๕๙
เห็นพวกลิ่วล้ออลัชชี ทุรนทุราย ร่ำร้อง ให้พุทธะอิสระ ติดตามทวงถาม เรื่องเงินอุดหนุนถวายเพื่อการปฏิบัติศาสนกิจของสมเด็จพระสังฆราช ปีละ ๒๓ ล้านบาท ว่ามีใครเบิกไปใช้บ้าง
เมื่อฉันเดินทางไปขอรับทราบความคืบหน้า ในการตรวจสอบ สตง. ทำให้ได้ทราบว่า หลังจากที่เจ้าพระคุณสมเด็จ พระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช ทรงพระประชวร จนถึงสิ้นพระชนม์ ได้มีการเบิกจ่ายเงินอุดหนุนดังกล่าวจริง โดยท่านผู้ว่าฯ สตง. ได้ตอบด้วยวาจา พร้อมเอกสารประกอบ ว่า
=================================
ท่านผู้ว่าฯ สตง.:
“กราบนมัสการว่า สำหรับเรื่องเงินอุดหนุนเพื่อปฏิบัติศาสนกิจของสมเด็จพระสังฆราช ในทางตรวจสอบนี่ ก็มีการเบิกจ่ายในช่วงที่มีการรักษาการ หรือปฏิบัติหน้าที่แทนสมเด็จพระสังฆราช จริง นะครับ
ทีนี้ประเด็นที่เราตรวจสอบมาขณะนี้ก็มี ประเด็นปัญหาข้อกฎหมาย ว่าจะสามารถนำไปใช้จ่ายได้หรือไม่
ซึ่งเรื่องนี้กรมบัญชีกลางก็ได้มีการตอบข้อหารือในการดำเนินการในเรื่องนี้ โดยมีความเห็นว่าต้องพิจารณาถึงมาตรา ๑๐ ของ พ.ร.บ. สงฆ์ฯ
ซึ่งในประเด็นมาตรา ๑๐ ของ พ.ร.บ. สงฆ์ฯ เพื่อให้มีความชัดเจน ว่าจะสามารถเบิกจ่ายได้หรือไม่ เรื่องนี้ก็จำเป็นจะต้องหาคำตอบไปที่หน่วยงานทางฝ่ายบริหารที่จะชี้ในเรื่องข้อกฎหมายตรงนี้ เพื่อจะได้เป็นแนวทางในการตรวจสอบในเรื่องนี้ต่อไป เพราะว่าในทางตรวจสอบนั้นต้องตรวจสอบตามระเบียบข้อกฎหมาย
ข้อเท็จจริงที่เราไปตรวจก็คือ มีการเอาไปใช้จ่าย แล้วก็การใช้จ่ายนั้นเราก็ไปตรวจติดตามข้อเท็จจริงว่า ข้อเท็จจริงเป็นไปตามวัตถุประสงค์ของการใช้จ่ายเงินนั้นหรือเปล่า นะครับ ก็ยังไม่มีข้อสังเกตที่ ยังบอกว่ามีอะไรที่มันผิดปกติ
แต่ว่าในส่วนที่ประเด็นปัญหาตอนขณะนี้ก็มีประเด็นเรื่องข้อกฎหมาย ที่จะต้องหาข้อยุติครับ”
หลวงปู่พุทธะอิสระ:
“แต่ว่าไม่มีการเบิกจ่ายแบบผิดระเบียบ หรือว่าผิดปกติ เพราะว่าช่วงที่เจ้าประคุณสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช ทรงประชวรเนี่ย ไม่สามารถจะเบิกจ่ายและทำการใช้จ่ายเงินก้อนนั้นได้เนี่ย ยังมีการเบิกจ่ายอยู่ จนถึงปี ๒๕๕๗
เงินก้อนนั้นน่ะ ที่ยังเบิกจ่ายอยู่ในขณะที่พระองค์ทรงประชวรน่ะ ใครเป็นผู้เบิกจ่าย และนำไปใช้อะไร อยากให้ตรวจสอบตรงนี้ด้วย”
ท่านผู้ว่าฯ สตง.
“ครับๆ”
=================================
ซึ่งที่ผู้ว่าฯ สตง. รับปากว่า จักทำการตรวจสอบต่อไปว่า มีการเบิกจ่ายถูกระเบียบหรือไม่
ในหนังสือชี้แจงของ สตง. ยังมีข้อความแจ้งแก่สำนักพุทธฯ ว่า ให้ทำเอกสารการเบิกจ่าย ให้ถูกระเบียบ นั่นก็แสดงว่าที่ผ่านมา มีการเบิกจ่ายโดยไม่ถูกระเบียบ
เพื่อให้ง่ายต่อการพิจารณา
วันนี้เลยเดินทางมายื่นเรื่องต่อ ผู้ตรวจการแผ่นดินรัฐสภา ให้ได้ช่วยตรวจสอบ ถึงอำนาจ หน้าที่ ของผู้รักษาการแทน และผู้ทำหน้าที่แทนพระสังฆราช ว่า มีศักดิ์และสิทธิ อำนาจ มากน้อยแค่ไหน เช่น
– ผู้ปฏิบัติแทนสมเด็จพระสังฆราชต้องได้รับพระมหากรุณาโปรดเกล้าแต่งตั้งด้วยหรือไม่
– ผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนสมเด็จพระสังฆราชมีอำนาจ ศักดิ์และสิทธิ์เท่าเทียมกับสมเด็จพระสังฆราชหรือไม่
– เงินงบประมาณที่รัฐถวายอุดหนุนศาสนกิจทั้งของสมเด็จพระสังฆราชและผู้ปฏิบัติหน้าที่แทน ถือว่าเป็นเงินประจำตำแหน่งหรือไม่
– ผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนสมเด็จพระสังฆราชมีสิทธิเบิกเงินอุดหนุนศาสนกิจของสมเด็จพระสังฆราชมาใช้จ่ายหรือไม่
– ผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนสมเด็จพระสังฆราช มีเงินประจำตำแหน่งหรือเงินอุดหนุนศาสนกิจหรือไม่ ถ้ามีได้ปีละเท่าไร
– เงินอุดหนุนการปฏิบัติศาสนกิจทั้งของสมเด็จพระสังฆราชและผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนสมเด็จพระสังฆราช มีระเบียบและวัตถุประสงค์ในการใช้อย่างไรบ้าง
ซึ่ง ท่านรักษเกชา แฉ่ฉาย เลขาธิการสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน ได้กรุณาออกมารับหนังสือ แจ้งว่า ขอให้ฉันเขียนหนังสือร้องเรียนมาอีกฉบับหนึ่ง พร้อมแนบเอกสารของผู้ตรวจเงินแผ่นดินมาให้ด้วย
หลังจากนั้น ฉันเดินทางไปพบท่านอัยการสูงสุด ซึ่งมีตัวแทนท่านอัยการสูงสุดและคณะ กรุณามารับหนังสือ
ซึ่งฉันนำเอาเรื่องที่เจ้าคุณเบอร์ลิน แอบอ้าง ที่มีเนื้อหาตอนหนึ่งว่า
——————————————————
– ดังนั้น ต่อมา รัฐมนตรีว่าการ. กระทรวงยุติธรรม อธิบดี ดีเอสไอ จึงได้เรียก อธิบดีกรมอัยการ มาปรึกษา.
– เพื่อจะให้รับฟ้องรถโบราณสมเด็จช่วงให้ได้.
– แต่ไม่เป็นดังหวัง เพราะทางอัยการเขาก็ยืนยันว่า
“มันฟ้องไม่ได้”.
– ฟ้องไปเขาก็เป็นคนผิดกฏหมายเสียเอง.
– หากถูกฟ้องกลับจะทำอย่างไร.
———————————————
– แต่ยังไม่หยุด ขบวนการชั่วก็ไม่ลดความพยายาม.
– ยังคงตั้งหน้าตั้งตาขะยั้นขะยอ จะให้อัยการฟ้อง หลวงพ่อสมเด็จช่วงให้ได้ โดยตั้งธงไว้ว่า..
“แค่ขอให้แค่รับฟ้องไว้ก่อนเท่านั้น ก็ยังดี”
———————————————
จากบทความ ที่เจ้าคุณลวงโลก จอมโกหก นำมาโพสต์ลงเฟสบุ๊ค เรื่องนี้ ฉันจึงนำไปสอบถาม ท่านอัยการสูงสุด
ได้คำตอบว่า เรื่องนี้ยังอยู่ในชั้นพนักงานสอบสวน ซึ่งมีอัยการเข้าไปร่วมทำหน้าที่สอบสวนด้วย
ยังไม่มีการสั่งฟ้องใดๆ จึงเป็นไปไม่ได้ที่ทางอัยการจะปฏิเสธไม่ฟ้อง
ฉันจึงนำหลักฐาน การมดเท็จ ของเจ้าคุณเบอร์ลิน มอบให้แก่อัยการ ให้ดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรมสืบไป ในฐานะเป็นผู้เสียหาย
ซึ่งฉันได้ส่งหนังสือร้องเรียนให้แก่ท่านอัยการสูงสุด มีใจความดังนี้
==========================================
เรื่อง ท่านถูก ผู้ที่ใช้นามว่า เจ้าคุณเบอร์ลิน หรือ พระโสภณพุทธิวิเทศ กล่าวอ้างว่าท่านมีส่วนในคดีรถหรู ในลักษณะที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
เจริญพร ท่านร้อยตำรวจตรี พงษ์นิวัฒน์ ยุทธภัณฑ์บริภาร อัยการสูงสุด
สิ่งที่ส่งมาด้วย หลักฐานข้อมูลพาดพิงจากเฟสบุ๊คเจ้าคุณเบอร์ลิน
ผู้ใช้นามว่า เจ้าคุณเบอร์ลิน หรือ พระโสภณพุทธิวิเทศ (จิตติก์ ญาณชโย น.ธ.เอก, ป.ธ.๓, พธ.บ., พธ.ม.กิตติมศักดิ์) เจ้าอาวาสวัดพุทธาราม เบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี พระธรรมทูตสายต่างประเทศ ผู้สังกัดอยู่ในความดูแลของ พระพรหมสิทธิ (ธงชัย สุขญาโณ) เจ้าอาวาสวัดสระเกศ ราชวรมหาวิหาร เจ้าคณะภาค 10 ประธานสำนักงานกับดูแลพระธรรมทูตไปต่างประเทศ ได้โพสต์ลงในเฟสบุ๊คส่วนตัว เมื่อวันที่ ๑๕ เมษายน ๒๕๕๙ เวลา ๐๐:๓๒ น. (ตามเวลาประเทศไทย) ซึ่งมีการโพสต์บทความที่มีเนื้อหาตอนหนึ่งว่า
——————————————————
– ดังนั้น ต่อมา รัฐมนตรีว่าการ. กระทรวงยุติธรรม อธิบดี ดีเอสไอ จึงได้เรียก อธิบดีกรมอัยการ มาปรึกษา.
– เพื่อจะให้รับฟ้องรถโบราณสมเด็จช่วงให้ได้.
– แต่ไม่เป็นดังหวัง เพราะทางอัยการเขาก็ยืนยันว่า
“มันฟ้องไม่ได้”.
– ฟ้องไปเขาก็เป็นคนผิดกฏหมายเสียเอง.
– หากถูกฟ้องกลับจะทำอย่างไร.
———————————————
– แต่ยังไม่หยุด ขบวนการชั่วก็ไม่ลดความพยายาม.
– ยังคงตั้งหน้าตั้งตาขะยั้นขะยอ จะให้อัยการฟ้อง หลวงพ่อสมเด็จช่วงให้ได้ โดยตั้งธงไว้ว่า..
“แค่ขอให้แค่รับฟ้องไว้ก่อนเท่านั้น ก็ยังดี”
———————————————
ด้วยบทความนี้ ทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวางขึ้นในสังคม อาจจะทำให้เกิดความเสียหาย เสื่อมเสียแก่ท่าน และหน่วยงานที่รับผิดชอบด้านความยุติธรรม
ซึ่งจะมีผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของการทำงาน ในเรื่องความโปร่งใส และความน่าเชื่อถือ
ในฐานะที่ฉันเป็นผู้แจ้งความร้องทุกข์ ในกรณีคดีรถหรู รู้สึกเป็นกังวล และอาจจะมีผลกระทบต่อรูปคดี
จึงใคร่ขอรับการชี้แจงว่า
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม อธิบดี ดีเอสไอ ได้เรียกอธิบดีกรมอัยการ มาปรึกษา เพื่อให้รับฟ้องรถโบราณสมเด็จช่วงให้ได้ ดังที่เจ้าคุณเบอร์ลินนำมาโพสต์จริงหรือไม่
อธิบดีกรมอัยการ ยืนยันว่า “มันฟ้องไม่ได้” จริงหรือไม่
ท่านรัฐมนตรี และอธิบดี ดีเอสไอ ได้คะยั้นคะยอให้อัยการฟ้องคดีรถหรูให้ได้ โดยตั้งธงไว้ว่า ขอแค่รับฟ้องไว้ก่อนเท่านั้น ดังที่เจ้าคุณเบอร์ลินนำมาโพสต์ จริงหรือไม่
ข้อกังขาเหล่านี้ มีความสำคัญต่อขบวนการเชื่อถือ ยอมรับ ของการทำงานในกระบวนการยุติธรรมของไทย
หากมิได้รับการชี้แจงข้อเท็จจริง จนเป็นที่ประจักษ์ชัด
อาจจะนำมาซึ่งความเสื่อมเสียของขบวนการยุติธรรม และมีผลต่อการยอมรับ หรือไม่ยอมรับในขบวนการนี้ ของสังคมทั่วโลก
ฉันจึงใคร่ขอความกรุณา ท่านช่วยชี้แจงเป็นลายลักษณ์อักษร แล้วเผยแพร่ลงสู่สังคมเฟสบุ๊ค หรือสาธารณะ ให้สังคมได้รับรู้ความจริง
จึงเรียนมา เพื่อกรุณาชี้แจง
เจริญพร
(พระสุวิทย์ ธีรธมฺโม หรือ พระพุทธะอิสระ)
==========================================
ต่อจากนั้นฉันเดินทางไปยื่นหนังสือให้ท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา
ซึ่งมีเจ้าหน้าที่มารับหนังสือแทน
เจ้าหน้าที่กระทรวงยุติธรรมได้รับเรื่องแล้วรับปากว่า หลังจากท่านรัฐมนตรีกลับมาแล้ว จักนำเอกสารพร้อมหลักฐานการกระทำผิดของผู้ถูกกล่าวหาให้ท่านรัฐมนตรีได้พิจารณา
ฉันออกเดินเท้ามาที่อาคารทำการของดีเอสไอเพื่อทำ ๔ เรื่องคือ
๑. สอบถามความคืบหน้าของคดีความผิดพรบ.คอมพิวเตอร์กรณีสตีฟ จ๊อฟส์
๒. แจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษเพิ่มเติมอีกคดีในกรณีสตีฟ จ๊อฟส์
๓. กรณีเจ้าคุณเบอร์ลินนำความเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ และทำให้กระบวนการยุติธรรมเสียหาย
๔. ขอสำเนาคดีพระลิขิตที่ผู้ตรวจการแผ่นดินรัฐสภาและดีเอสไอมีคำวินิจฉัยว่า พระลิขิตมีผลบังคับใช้ทางกฎหมาย ผู้มีหน้าที่เกี่ยวข้องต้องเร่งดำเนินการให้เป็นไปตามหลักกฎหมายและพระธรรมวินัย
ฉันจะนำสำเนาขึ้นมาแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษต่อศาลสงฆ์ให้พิจารณาสอบสวนลงโทษ ปรับอาบัติปาราชิกแก่ ธัมมชโย ซึ่ง ดีเอสไอ รับเรื่องไว้ แล้วจะดำเนินการต่อไป
พุทธะอิสระ