คำถามที่ต้องมีคนตอบ
๓๐ เมษายน ๒๕๕๙
ถาม
ต้องการทราบความคืบหน้า ของการตรวจสอบการเบิกจ่ายเงินอุดหนุนสมเด็จพระสังฆราช และการเบิกจ่ายงบประมาณของสำนักพุทธฯ และงบอุดหนุนการศึกษาสงฆ์ ที่ให้ทั้งสองมหาวิทยาลัยสงฆ์
หลังจากคราวที่แล้ว ฉันได้มายื่นหนังสือให้คุณ
เมื่อวันที่ ๑๓ เมษายน ๒๕๕๙ เวลา ๐๑:๓๑ น. (ตามเวลาประเทศไทย) พระโสภณพุทธิวิเทศ หรือพระจิตติก์ ญาณชโย สังคมเฟซบุ๊กรู้จักกันในนาม เจ้าคุณเบอร์ลิน
ได้โพสต์ลงเฟซบุ๊กว่า
———————————————-
เขาได้มีโอกาสพูดคุยทางโทรศัทพ์กับผู้ใหญ่ระดับบิ๊กของ สตง. ท่านก็เลยได้เล่าให้ผมฟัง ถึงเหตุการณ์ในวันที่ พุทธะอิสระ เดินทางไปยื่นเรื่องที่ สตง.
เพื่อให้ สตง. ทำการตรวจสอบเงินอุดหนุนสังฆราช ฯ ปีละ ๒๐ กว่าล้านบาท ในเวลา ๑๓ ปี
รวมแล้วกว่า ๓๐๐ ล้านบาท นั่น ก็คือ ในช่วง ที่ สมเด็จพระญาณสังวร วัดบวร ท่านทรงประชวร ว่า.. “มีการเบิกจ่าย โปร่งใส ถูกต้องหรือไม่”
———————————————-
ช่วงหนึ่งของโพสต์ที่เจ้าคุณเบอร์ลินเขียน มีความว่า
———————————————-
ผมไม่อยากบอก หรือให้เข้าใจว่า ผู้ใหญ่ที่ผมคุยท่านนี้ ก็คือ “อาจจะ” เป็นผู้ที่มารับเรื่องในวันนั้น หรอกนะครับ
แต่พุทธอิสระ และทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ ในวันนั้น ในขณะนั้น ได้ยินกันชัดเจนทั้งสองหู เรื่องที่ว่านี้ ก็คือ…
ผู้ใหญ่ท่านนั้น ท่านพูดออกมาตรง ๆ ในขณะที่ซองเอกสารยังอยู่ที่มือของท่านเลยว่า
“จะให้ผมตอบตรง ๆ ตอนนี้เลยไหม ว่า
“ใครเบิกเงินส่วนนี้ไปใช้ และเอาไปทำอะไร”
แค่คำพูดไม่กี่ประโยคนี้ เล่นเอา พุทธอิสระตาเหลือกเลยครับ
เมื่อ พุทธอิสระ เจอไม้นี้แบบไม่คาดคิดเช่นนี้
ทราบไหมครับว่า…พุทธอิสระแกตอบว่าไง….
แกตอบว่า “ไม่ต้องการให้ตอบ – ไม่ต้องการให้พูดตอนนี้”
จากนั้นก็รีบเดินทางออกจาก สตง. โดยทันที
———————————————-
มิหนำซ้ำ เจ้าคุณเบอร์ลิน ยังโพสต์ต่อว่า
———————————————-
เมื่อพุทธอิสระเดินทางออกจาก สตง. กลับถึงวัด เท่านั้นแหละครับ ฟ้าผ่า ไฟก็ไหม้วัดอ้อน้อยทันที
เพราะปรากฏว่ามีสายด่วน เรียกมาจากคนที่เหนือขึ้นไป และเป็นคนแจกหมากให้ขบวนการนี้ไปเดินตลอดมา
เปิดฉากก็ “ใส่ ๆ ๆ ๆ และก็ใส่ เป็นชุด” จนแกหูชา และสายเกือบไหม้
———————————————-
ทีนี้มาดูว่า ความจริงมันคืออะไร
เพื่อลดข้อครหา ความเสียหาย ลดข้อหวาดระแวงสงสัยของประชาชน ที่จะเกิดขึ้นแก่การทำงานของท่านผู้ว่าฯ สตง.
ฉันจึงขอถามท่านว่า
ถามว่า
คุณเคยรู้จัก พระโสภณพุทธิวิเทศ หรือพระจิตติก์ ญาณชโย หรือ เจ้าคุณเบอร์ลิน หรือไม่
คำตอบ
ท่านผู้ว่าฯ สตง.: ไม่เคยครับ
หลวงปู่: คุณไม่เคยรู้จักพระองค์นี้เลยหรือ
ท่านผู้ว่าฯ สตง.: ไม่เคยครับ
ถามว่า
คุณเคยโทรศัพท์ไปหา เจ้าคุณเบอร์ลิน ที่ ประเทศเยอรมนี หรือไม่
คำตอบ
ท่านผู้ว่าฯ สตง.: ก็ไม่เคยเช่นเดียวกันครับ แล้วก็ถ้าพิจารณาจากที่ลงไว้ โดยเฉพาะประเด็นที่บอกว่า หลวงพ่อ มายื่นเรื่องราว แล้วช่วงที่เดินออกไปมีพูดอะไรอย่างเนี้ย ความจริง หลวงพ่อ ก็ยืนยันได้นะครับว่า สิ่งเหล่านี้มันก็ไม่ได้เป็นจริงอย่างที่ว่านี้ นะครับ
ช่วงที่เรามารับ ก็ไม่เห็นมีเรื่องราวอย่างนี้เลย ก็แสดงว่าเป็นเรื่อง มุสา กันครับ
ถามว่า
คุณได้นำเอารายละเอียด ในการร้องเรียน ไปแจ้งให้แก่เจ้าคุณเบอร์ลินรับรู้ หรือไม่
คำตอบ
ท่านผู้ว่าฯ สตง.: ก็ในเมื่อไม่รู้จัก แล้วก็ไม่รู้ว่าท่านอยู่ตรงไหนนะครับ แล้วก็เรื่องการโทรศัพท์เนี่ย มันเป็นเรื่องที่ตรวจสอบได้นะครับ เพราะว่า เบอร์โทรศัพท์ที่ผมใช้เนี่ย เป็นเบอร์โทรศัพท์ของราชการ นะครับ ค่าใช้จ่ายมันจะถูกโชว์ได้อยู่ในหลักฐานการเบิกจ่ายเงินค่าโทรศัพท์อยู่แล้วนะครับ ยังไงก็ไม่เคยมีการติดต่อโทรไปออกนอกประเทศ ใน โดยเฉพาะพระที่ว่า ไม่ทราบว่าอยู่ประเทศอะไรด้วย นะครับ
ถามว่า
คุณเคยใช้ให้ใคร โทรศัพท์ไปพูดคุย แจ้งรายละเอียดกับเจ้าคุณเบอร์ลิน ในเรื่องที่ฉันมาร้องเรียน หรือไม่
คำตอบ
ท่านผู้ว่าฯ สตง.: ไม่เคยเด็ดขาด เพราะว่า เรามีหน้าที่ตรวจ เราก็คือ เมื่อมอบประเด็นมานะฮะ เราก็ถือว่าเป็นความกรุณาที่มาช่วยชี้แนะ เราก็ เมื่อสังคมมีข้อสงสัย สตง. มีหน้าที่ตรวจสอบการเงินแผ่นดิน เราก็ต้องทำหน้าที่ตรวจสอบ
อย่างวันนี้ ท่านกรุณามาเนี่ย เพื่อมาติดตามผลคืบหน้า ทางผมก็เตรียมข้อเท็จจริง คืบหน้า หลายๆ ประเด็น ทั้งหมดประมาณ ๔ ประเด็น เพื่อมากราบนมัสการเรียนว่า มีความคืบหน้าอย่างไร ก็กราบเรียนอย่างตรงไปตรงมาว่า ตรวจได้แค่นี้ ยังอยู่ในระหว่างตรวจสอบเพิ่มเติมยังไง ก็ต้องกราบเรียนตามสภาพความเป็นจริง ไม่มีประเด็นอะไรที่เราจะต้องไปดำเนินการปกปิด หรือว่าไป เพื่อจะไปช่วยเหลือใคร
เพราะเรื่องเงินแผ่นดินนั้น เรามีหน้าที่อยู่ประการเดียวก็คือ ช่วยทำให้ประชาชนเนี่ย ซึ่งเป็นเจ้าของเงินแผ่นดินเนี่ย เงินที่เขาสละมาเพื่อประโยชน์ในการทำให้ประโยชน์ กับบ้านเมืองได้ประโยชน์อย่างเต็มที่เท่านั้นเองครับ
ถามว่า
เมื่อเป็นเช่นนี้ ความเสียหายได้เกิดขึ้นกับหน่วยงาน โดยเฉพาะตัวคุณเอง โดยการมีการเอาตัวคุณไปแอบอ้าง กล่าวอ้าง ว่านำเอาความลับทางราชการ และการยื่นคดี ไปแจ้งแก่บุคคลที่สามได้ทราบ คุณมีวิธีการป้องกันการแอบอ้างของเจ้าคุณเบอร์ลิน ว่าที่คุณตอบ คุณคุยไปทางโทรศัพท์กับเจ้าคุณเบอร์ลิน อย่างไร
คำตอบ
ท่านผู้ว่าฯ สตง.: ครับ ก็ถ้าพูดถึงวิธีป้องกันเนี่ย เราคงไม่สามารถไปป้องกันอะไรได้ สำหรับคนที่จะกล่าว มุสา อะไรทั้งนั้นนะครับ
แต่สิ่งที่เราสามารถดำเนินการได้ ผมก็เพิ่งทราบจากท่านวันนี้นะครับว่า มีการไปโพสต์อะไรอย่างนี้ ซึ่งถ้าเผื่อว่าท่านเมตตาให้รายละเอียดมาเนี่ย ผมก็จะไปให้ทางฝ่ายกฎหมายของสำนักงานเนี่ย ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป เพื่อให้เกิดความถูกต้องเป็นธรรมกับทุกฝ่าย รวมทั้งหน่วยงานด้วยครับ
หลวงปู่: เพราะว่าเรื่องนี้เนี่ยมันเป็นเรื่องกระทบกระเทือนถึงการทำงาน ความซื่อตรงของ สตง. แล้วก็ตำแหน่งหน้าที่ว่า เขาอ้างว่า ท่านเป็นผู้ว่าฯ สตง. แต่นำเอาความลับทางราชการไปแจ้งให้กับบุคคลที่สาม คือตัวเขาเอง ซึ่งนี่คือข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น แล้วก็อยู่ในโลกแห่งเฟซบุ๊ก เดี๋ยวฉันจะให้ทนายเอาหลักฐานทั้งหมด เรื่องนี้ฉันยื่นฟ้องแล้ว แล้วถ้ายื่นฟ้องแล้วศาลรับฟ้อง แล้วก็จะมีหมายมาเชิญคุณไปให้ปากคำ
แต่ถ้าคุณป้องกันตัวคุณเองด้วยการที่คุณฟ้อง คือฟ้องด้วยตัวเอง แล้วก็ฟ้องเพื่อหน่วยงานและรักษาเครดิตของหน่วยงาน ก็จะเป็นเรื่องที่ดีมาก
เพราะนั่นก็เท่ากับว่า คนที่นำเอาความเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ก็จะรับโทษไป แล้วก็ใส่ร้ายป้ายสีกับบุคคลอื่น
ท่านผู้ว่าฯ สตง.: คือ กราบนมัสการเรียนว่า เรื่องที่พระคุณท่านมาให้ข้อมูลกับการตรวจสอบของ สตง. เนี่ย ความจริงดูแล้วก็ ไม่ได้เป็นความลับอะไร เพราะท่านก็มาโดยเปิดเผย โปร่งใส แล้วก็ขณะเดียวกันก็มีแสดงให้ผู้สื่อข่าวได้รับรู้รับทราบว่า มาร้องเรียนในเรื่องอะไร หรือมาให้ข้อมูลกับการตรวจสอบในเรื่องอะไร นะครับ
เพราะงั้น ไม่ใช่เรื่องเป็นความลับอะไรที่ผมจะต้องไปให้กับใครเป็นส่วนตัวเลยครับ ความจริงเขาก็สามารถรับรู้ประเด็นได้อยู่แล้ว
ทีนี้มาดูของจริงว่า วันที่ ๒๓ มีนาคม ๒๕๕๙ ที่ฉันไปยื่นหนังสือให้ท่านผู้ว่าฯ สตง. ตรวจสอบนั้น ท่านผู้ว่าฯ พูดว่าอย่างไรบ้าง จะเหมือนกับคำโกหกของอลัชชีเบอร์ลินหรือเปล่า
แท้จริงแล้วภายหลังจากที่ท่านผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดินได้รับซองเอกสารบรรจุหนังสือร้องขอให้ตรวจสอบฯ ของฉันแล้ว ท่านผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน ได้กล่าวกับฉันต่อหน้าสื่อสารมวลชนว่า
“ครับ สำหรับประเด็นที่ ท่านได้เมตตา (หลวงปู่: มายื่นไว้) ได้ข้อชี้แนะต่างๆ ให้ทางสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินนำไปสู่การตรวจสอบนั้น ในขั้นต้นนี้กราบเรียนว่า
ประเด็นที่ท่านได้ตั้งประเด็นมาเพื่อประกอบการตรวจสอบนั้น เป็นเรื่องของการใช้จ่ายเงินนะฮะ ซึ่งอยู่ในอำนาจหน้าที่ที่ สตง. ต้องตรวจสอบนะครับ ก็จะรับไว้ไปดำเนินการตรวจสอบ
โดยแนวทางก็คือ เราต้องรวบรวมหลักฐานข้อเท็จจริงในเรื่องการเบิกจ่าย เพื่อตอบตามประเด็นต่างๆ นะฮะ แล้วก็คงจะสรุปเป็นประเด็นนำเสนอคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดินวินิจฉัยชี้ขาดต่อไปนะครับ อันนี้ก็เป็นประการแรก
สำหรับประเด็นที่เพิ่มเติมมาจากแต่เดิมนะครับ ที่เคยมีนะครับ ก็เราก็จะเร่งดำเนินการให้โดยเร็วที่สุดนะครับ ตามกระบวนการตรวจสอบนะครับ ก็ในชั้นนี้ก็อาจจะยังไม่ได้ดูในแง่รายละเอียดหลักฐานข้อเท็จจริงว่ามันพร้อมมูลยังไงนะครับ ก็อาจจะขอเวลาที่จะไปรวบรวมหลักฐานข้อเท็จจริง แล้วก็เร่งดำเนินการนะครับ เพราะว่าเรื่องนี้ท่านก็ได้เมตตากรุณามา (หลวงปู่: ครั้งที่ ๓ แล้วนะ) ยื่นมานะครับ
ทีนี้ส่วนที่ครั้งก่อนนั้นนะครับ ที่เป็นเรื่องของการใช้จ่ายเงินของสถาบันการศึกษาสงฆ์ นะครับ อันนั้นเป็นเรื่องที่เรานำไปประกอบเรื่องการตรวจสอบบัญชีการเงินตามประเด็นที่กำหนดไว้นะฮะ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องการเดินทางไปศึกษาดูงานต่างประเทศเนี่ยนะครับ ก็เป็นส่วนหนึ่งของการประกอบการตรวจสอบหลักฐานการเงิน ใบสำคัญต่างๆ นะครับ แล้วก็เป็นเรื่องการประกอบความเห็นกับงบการเงินนะครับ
ซึ่งเดี๋ยวผมจะสั่งการให้สรุปที่ตรวจมาได้นั้นแล้วเนี่ย (หลวงปู่: ช่วยแจ้งเป็นลายลักษณ์อักษร) กราบเรียนไปให้ทราบด้วยนะครับ ครับๆๆ
ส่วนอันนี้เราก็จะรับไปดำเนินการ นะครับ ครับ ก็ขอเรียนไว้ตามนี้นะครับว่า (หลวงปู่: ขอบคุณมาก) ทางสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินจะรับไปดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ให้โดยเร็วที่สุดนะครับ”
———————————————-
เมื่อความจริงปรากฏแล้ว บรรดาสาวกเจ้าคุณลวงโลก จะว่าอย่างไร
ที่นี้ก็ถึงคิวของนักข่าวบ้าง
เจ้าคุณเบอร์ลิน ได้โพสต์ เมื่อวันที่ ๑๕ เมษายน ๒๕๕๙ กรณีนักข่าวที่มาทำข่าวในวันนั้นว่า
———————————————-
นักข่าวที่มาล้วนเป็นพวกพ้องของพุทธะอิสระ เพื่อตีข่าวให้เกิดความเสียหายแก่วงการคณะสงฆ์เท่านั้น
ถ้าใครอยากรู้จัก นักข่าวที่ถูกจัดตั้งให้สร้างเรื่องชั่วในพระศาสนา นั้น ว่ามีใครบ้าง.
วงการคนทำข่าวชี้ว่า ก็ให้ดูหน้าในวันที่พุทธอิสระไป สตง.จะ เห็นนักข่าวที่ถูกจัดตั้งมาทั้งนั้น
เรื่องนี้นักข่าวสาย สตง. ที่เขาประจำที่นั้น
เขาต่างเอือมระอากับพวกนักข่าวชั่วสายพุทธอิสระ กันทั้งนั้น
เขาแจ้งกับผมตั้งแต่คราวนั้นมาว่า
“เจ้าคุณครับ ที่ออกข่าวไปวันพุทธอิสระไป สตง. ไม่ใช่พวกผมนะครับ”
เป็นนักข่าวพวกมันจัดตั้งกันมาทั้งนั้น
กลุ่มผมยังสังเกตดูเหมือนท่านผู้ว่า สตง. จะแจ้งพุทธอิสระว่า …
“จะให้ตอบเลยไหม ว่า ..จะดำเนินการตรวจสอบอย่างเต็มที่ ไม่ต้องกลัวเสื่อมพระเกียรติ”
แต่พุทธอิสระกลับตอบท่านผู้ว่า สตง. ไปว่า ..
“ไม่ต้องๆ ยังไม่ต้องตอบอะไร
แค่มายื่นหนังสือ ”
———————————————-
เจ้าคุณเบอร์ลิน ยังโพสต์ต่อว่า
———————————————-
ถามว่า “ในโลกนึ้ คนพันธุ์นี้ มันยังมีหลงเหลืออยู่อีกหรือครับ”
จากนั้น พุทธอิสระ ก็ชวนนักข่าวไปนั่งแถลงข่าว พวกผมก็งงว่า “มันคืออะไร”
ทั้งหมดนี้คือคำพูดนักข่าวประจำ สตง. ที่เขามาเล่าให้ฟัง แบบระอาๆ ทั้งคนมายื่นทั้งนักข่าวจัดตั้ง
———————————————-
ยัง… ยังไม่หมด ลีลาลวงโลก ของไอ้เจ้าคุณเด็กเลี้ยงแกะแอ๊ะแอ๋ ตัวนี้ ยังมีอีก
มันยังโกหกแบบไม่เกรงกลัวฟ้าดิน ไร้ยางอายต่ออีกว่า
———————————————-
เวรกรรมนักข่าวจริงๆ
– ผมจะบอกนักข่าวพวกนี้ ไว้ ให้จงจำคำพูดของผม ชื่อเจ้าคุณเบอร์ลินไว้ ว่”อย่าเอาแต่สนุกกุข่าวชั่วให้พระศาสนามัวหมอง อยู่เลย”
– เพราะมันจะเป็นทิฏฐธรรมเวทนียกรรม คือ ประสบกรรมทันตาเห็น.
– วันหนึ่งข้างหน้า ท่านจะประสบชะตากรรมที่แสนเจ็บปวด เป็นโรคร้าย ถูกใส่ความ ทรัพย์สมบัติสูญหาย ตายอย่างทารุณ
– สมดังที่พระพุทธดำรัสของพระพุทธองค์ที่ทรงสอนไว้มีคคิเป็นหนึ่ง ไม่มีสอง
– บอกไว้ก่อน ตรงนี้ พวกนักข่าวทั้งหลาย อย่าเป็นเครื่องมือให้กับผู้ถือหอก อย่าถูกพุทธอิสระหลอกใช้
– อย่าได้ล้อเล่นกับกรรม หากไม่เชื่อผม ก็คงช่วยพวกท่านได้เพียงแนะนำได้เท่านี้แหละครับ
———————————————-
ขณะที่ฉันอ่านบทความนี้จบ ท่านผู้ว่า จึงได้ถามนักข่าวว่า สตง. เรา มีนักข่าวประจำด้วยหรือ
ได้รับคำตอบว่า “ไม่มีครับ”
คงไม่ต้องบรรยายอีกแล้วหล่ะพี่น้อง ว่าสิ่งที่เจ้าคุณอลัชชีคนนี้ มันโพสต์ มันเขียน มันพูด ล้วนแล้วแต่เป็นความโกหก หลอกลวงทั้งนั้น
ขอบคุณทุกท่าน วันนี้สังคมจะได้รู้ว่า พระโสภณพุทธิวิเทศ หรือพระจิตติก์ ญาณชโย หรือ เจ้าคุณเบอร์ลิน เจ้าอาวาสวัดพุทธาราม นครเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี เป็นลูกศิษย์สมเด็จเกี่ยว แห่งวัดสระเกศ เป็นคนลวงโลก โกหก ปั้นน้ำเป็นตัว เป็นเด็กเลี้ยงแกะ และนำความเท็จ เข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์อย่างไร
ถามว่า ทำไมเจ้าคุณลวงโลกตัวนี้ มันถึงได้เดือดเนื้อร้อนใจ ในเรื่องที่ไปยื่นให้ผู้ว่าฯ สตง. ตรวจสอบเงินอุดหนุนฯ สมเด็จพระสังฆราช มากนัก
เพราะว่าในปีงบประมาณ ๒๕๕๗ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ได้พิจารณาเบิกจ่ายเงินอุดหนุนเพื่อการปฏิบัติศาสนกิจของสมเด็จพระสังฆราช จำนวน ๒๓ ล้านบาท ถวายแก่สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ ในฐานะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช
ต่อมาในปีงบประมาณ ๒๕๕๘ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติได้หารือการเบิกจ่ายเงินอุดหนุนการปฏิบัติศาสนกิจของสมเด็จพระสังฆราช ถวายแก่สมเด็จมหารัชมังคลาจารย์ ในฐานะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช ได้หรือไม่ อย่างไร ซึ่งกรมบัญชีกลางได้ตอบข้อหารือว่าการใช้จ่ายเงินงบประมาณของส่วนราชการต้องเป็นไปตามวัตถุประสงค์ของงบประมาณ และต้องพิจารณาตามมาตรา ๑๐ แห่งพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ ประกอบด้วย
ซึ่งความคืบหน้าในการตรวจสอบ อยู่ระหว่างส่งจดหมายบันทึกขอทราบวัตถุประสงค์ของเงินอุดหนุนดังกล่าว รวมทั้งขอทราบขอบเขตการใช้จ่ายจากเงินอุดหนุนในการปฏิบัติศาสนกิจ และประสานให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ขอเอกสารประกอบการเบิกจ่ายตามขอบเขตการจ่ายตามที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติได้ให้การสนับสนุน
ข้อมูลเหล่านี้ ฉันได้รับมาจากท่านผู้ว่าฯ สตง. เป็นผู้ทำบทสรุปมาให้
เจ้าคุณลวงโลกคนนี้ ซึ่งมีสถานะตำแหน่งเป็นทั้งธรรมทูตสายต่างประเทศ และเจ้าอาวาสวัดพุทธาราม ในนครเบอร์ลิน
และเป็นผู้อยู่ในบังคับบัญชาของ สมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสโณ) อดีตเจ้าอาวาสวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร อดีตผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช ประธานคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช
ในปัจจุบัน อยู่ภายใต้บังคับบัญชาของ พระพรหมสิทธิ (ธงชัย สุขญาโณ) เจ้าอาวาสวัดสระเกศ ราชวรมหาวิหาร เจ้าคณะภาค 10 ประธานสำนักงานกับดูแลพระธรรมทูตไปต่างประเทศ ที่สมเด็จช่วง สั่งคืนตำแหน่งดูแลภูเขาทองให้ แล้วยังแต่งตั้งให้เป็นกรรมการมหาเถรสมาคมอีก
การที่เจ้าคุณลวงโลกออกมา เห่าหอน ก็เพื่อจะปกป้องนายมัน
มันกลัวนายมันต้องเจอคดี ใช้เงินที่มิใช่ของตน
เพราะเป็นเงินอุดหนุนในการปฏิบัติศาสนกิจของสมเด็จพระสังฆราช ผู้ที่จะใช้ได้ต้องได้รับพระมหากรุณาโปรดเกล้าสถาปนาแต่งตั้งเท่านั้น
เมื่อสมเด็จเกี่ยว (ขณะยังมีชีวิตอยู่) ก็เบิกเงินอุดหนุนในการปฏิบัติศาสนกิจของเจ้าประคุณสมเด็จพระสังฆราชมาใช้ ทั้งที่ยังไม่ได้รับพระมหากรุณาโปรดเกล้า และสมเด็จช่วง ที่ยังไม่ได้รับสถาปนาแต่งตั้ง แต่นำเงินอุดหนุนถวายเพื่อการปฏิบัติศาสนกิจของสมเด็จพระสังฆราช จำนวน ๒๓ ล้านบาท มาใช้
โดยหากนำมาใช้ผิดวัตถุประสงค์ของงบประมาณจัดสรรและการเบิกจ่าย ก็จะถือว่าเป็นการทุจริต อีกทั้งขณะนี้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ต้องส่งเอกสารประกอบการเบิกจ่ายตามขอบเขตการใช้จ่าย ตามที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติได้เพื่อให้แก่ สตง. ตรวจสอบ
และหากผิดวัตถุประสงค์ในการเบิกจ่าย ก็จะมีความผิดทั้งทางแพ่งและอาญา
ว่าตามพระวินัย ถือว่า หากมีไถยจิต หรือเจตนา ถือเอาทรัพย์ที่ไม่ใช่ของตนมาเกิน ๕ มาสก (เท่ากับทองคำ ๒๐ เมล็ดข้าวเปลือก หรือ ๑ บาท) ต้องอาบัติปาราชิก
เอา พวกลิ่วล้อผู้มืดบอดทั้งหลาย ทีนี้พอจะกระจ่างแจ้งแล้วหรือยัง เห็นกระเหี้ยนกระหือรือ ทวงถามตามคำบัญชาของเจ้าคุณลวงโลกกันนัก ที่นี้หาย โง่ หรือยัง
อย่าลืมบอกเจ้าคุณลวงโลกด้วยก็แล้วกันว่า เตรียมรับหมายศาลเรียกมาให้ปากคำก็แล้วกัน
อย่าคิดว่าซุกหัวอยู่เยอรมัน แล้วจะไม่สามารถนำตัวมาลงโทษได้
มุกป่วย มุกติดภารกิจ และมุกป๊อด มุกขาเน่าน่ะ ใช้ไม่ได้แล้วนะ
งานนี้หมายศาลคงหลายใบหน่อย ทั้งหมายศาลของพุทธะอิสระ ซึ่งมีอยู่หลายใบ เพราะที่โพสต์มาล้วนโกหกหลอกลวงทั้งนั้น
และหมายศาลของ สตง. ที่ให้ฝ่ายกฎหมายกำลังพิจารณา รวบรวมหลักฐานฟ้อง
นี่ยังไม่รวมหมายศาลของบุคคล ที่เจ้าคุณลวงโลกนี้ พาดพิงถึงอีก
งานนี้คงได้ผัวในคุกเพิ่มขึ้นแน่
พุทธะอิสระ
[๒๙ เมษายน ๒๕๕๙ เวลา ๐๙:๐๐ น. หลวงปู่พุทธะอิสระ เดินทางไป สตง. เพื่อสอบถามความคืบหน้าฯ]
https://www.youtube.com/watch?v=3LKVG1rsdZU&feature=youtu.be
*** แก้ไขตัวสะกด และเนื้อหา โดยแอดมิน ๙:๑๓ น.