คนที่โกหกเป็นนิสัย แม้จะสู้รบกับใคร ก็ใช้วิธีโกหก
๒๘ เมษายน ๒๕๕๙
หลังจากมีข่าว คณะสงฆ์กรุงเทพมหานครและภาคกลาง ประกอบด้วย จังหวัดนนทบุรี ปทุมธานี พระนครศรีอยุธยา นครปฐม สมุทรปราการ สมุทรสาคร สมุทรสงคราม ราชบุรี เพชรบุรี สุพรรณบุรี กาญจนบุรี สระบุรี อ่างทอง สิงห์บุรี ชัยนาท อุทัยธานี และลพบุรี จำนวน ๕๐๐ รูป
ในวันที่ ๒๓ เมษายนที่ผ่านมา มารวมตัวกันที่วัดพระปฐมเจดีย์
เพื่อสวดลงอุกเขปนียกรรมแก่พุทธะอิสระ
วันรุ่งขึ้น ฉันได้โทรไปถามเจ้าคุณแย้ม รองเจ้าคณะจังหวัด แห่งวัดไร่ขิง
ถามท่านว่า ท่านเจ้าคุณ งานนี้ใครเป็นโต้โผ
เจ้าคุณแย้มตอบว่า นั่นนะซิ มันมากันอย่างไร ไม่มีใครรู้
ถามเจ้าคุณว่า เจ้าอาวาสวัดพระปฐมเจดีย์รู้เห็นด้วยหรือเปล่า
เจ้าคุณแย้มตอบว่า เจ้าอาวาสวัดพระปฐมเจดีย์นอนป่วยอยู่โรงพยาบาล ท่านไม่รู้เรื่อง
ฉันถามว่า แล้วท่านเจ้าคณะจังหวัดหละ
เจ้าคุณแย้มตอบว่า ท่านเจ้าคณะจังหวัดอยู่กับผมนี่ ท่านก็ไม่รู้เรื่อง
ฉันจึงร้องขอว่าในฐานะที่เรื่องนี้เกิดขึ้นในเขตรับผิดชอบของเจ้าอาวาสวัดพระปฐมเจดีย์และเจ้าคณะจังหวัดนครปฐม
ขอให้ทำหนังสือชี้แจงแสดงความบริสุทธิ์ใจมาว่าไม่มีส่วนรู้เห็น
และช่วยกรุณาให้ผู้ที่รู้เห็นเหตุการณ์ชี้แจงความจริงแก่ทนายฉันด้วย
วันพรุ่งนี้จะส่งทนายไปสอบถามรายละเอียดกับเจ้าหน้าที่ดูแลในองค์พระปฐมเจดีย์
เจ้าคุณแย้มตอบว่า ได้เดี๋ยวจะโทรไปสั่งเลขาเจ้าอาวาสวัดพระปฐมเจดีย์และผู้เกี่ยวข้องให้เร่งดำเนินการ
วันรุ่งขึ้น ทนายได้เดินทางไปซักถามหาข้อมูลจากเจ้าหน้าที่ในวัดพระปฐมเจดีย์ จนได้รายละเอียดโดยสรุป ดังนี้
๑. ได้เข้าพบคุณสุรเชน จันทร์คูณ ไวยาวัจกรวัดพระปฐมเจดีย์ และในฐานะหัวหน้าสำนักงานจัดประโยชน์และรักษาองค์พระปฐมเจดีย์ โดยได้รับมอบหมายจาก ท่านเจ้าคณะจังหวัด และเจ้าคณะภาค ๑๕ ได้รับอนุญาตให้สัมภาษณ์กับทางสถานีอิสระธรรม ความว่า
๑.๑ เกี่ยวกับกรณีพระสงฆ์จำนวน ๕๐๐ รูป มาประกาศอุกเขปนียกรรม เมื่อวันที่ ๒๓ เมษายน ๒๕๕๙ คุณสุรเชน ให้คำตอบว่า ทางวัดพระปฐมเจดีย์ และเจ้าหน้าที่ทุกคนของวัดพระปฐมเจดีย์ ไม่ทราบการมาจัดกิจกรรมดังกล่าวแต่อย่างใด
๑.๒ ในวันและเวลาดังกล่าว คุณสุรเชน ติดธุระอยู่ภายนอก และเดินทางกลับเข้ามยังวัดพระปฐมเจดีย์ ในเวลา ๑๐:๐๐ น.
๑.๓ เมื่อมาถึง นักข่าวของสำนักข่าวแห่งหนึ่ง ได้ติดต่อสอบถามว่า ทางคุณสุรเชน ได้ทราบเรื่องของพระสงฆ์จำนวน ๕๐๐ รูป นั้นหรือไม่ คุณสุรเชน ก็ตอบตามที่ปรากฏในข้อ ๑.๑
๑.๔ ถัดจากนั้น คุณสุรเชน ได้เรียก พนักงานรักษาความปลอดภัย (รปภ.) ใกล้จุดที่พระสงฆ์รวมตัวกัน บริเวณด้านทิศตะวันออกขององค์พระปฐมเจดีย์
๑.๕ รปภ. แจ้งกับคุณสุรเชน ว่า เมื่อเวลาประมาณ ๖:๓๐ น. ได้มีพระสงฆ์จำนวน ไม่เกิน ๓๐ รูป ได้ขึ้นมาทางประตูด้านทิศตะวันออก ผ่านเก๋งจีน ขึ้นมาบริเวณคดระเบียงด้านทิศตะวันออก รปภ. ได้เข้าไปสอบถามแล้ว ว่ามาด้วยกิจอันใด กลุ่มพระสงฆ์ดังกล่าว ไม่ตอบ
รปภ. แจ้งกับคุณสุรเชน อีกว่า เท่าที่สังเกต พระสงฆ์บางรูป น่าจะพูดภาษาไทยไม่ได้ รปภ. จึงได้เดินกลับไปประจำจุด
ถัดจากนั้นประมาณเวลา ๗:๐๐ น. พระสงฆ์จำนวนดังกล่าวได้กลับออกไป
ในระหว่างการจัดกิจกรรมนั้น ทาง รปภ. มิได้อยู่ฟังคำสวดแต่อย่างใด
ส่วนคำประกาศ หรือคำแถลงการณ์ใดๆ ก็มิได้มีการเผยแพร่ทิ้งไว้
๑.๖ ทางคุณสุรเชน แจ้งอีกว่า นักข่าวของสำนักข่าวแห่งหนึ่ง ได้นำรูปถ่ายให้ดู ทางคุณสุรเชน จึงทราบได้ว่าจุดที่ทำกิจกรรมนั้นอยู่บริเวณใด (เท่าที่สังเกตดูภาพถ่าย เข้าใจว่าเป็นภาพเก่า มิใช่ภาพการรวมตัวของพระสงฆ์ในวันดังกล่าว)
๒. คุณสุรเชน แจ้งว่า ทางวัดพระปฐมเจดีย์ ได้มอบหมายให้ตอบหนังสือ หลวงปู่พุทธะอิสระ เป็นลายลักษณ์อักษร ซึ่งจะส่งให้ในวันที่ ๒๗ เมษายน ๒๕๕๙ เวลา ๑๓:๐๐ น.
๓. ได้ไปประสานงานกับ สถานีตำรวจภูธรจังหวัดนครปฐม เพื่อขอทราบข้อเท็จจริงอื่นๆ
ทางคณะสอบสวนแจ้งว่า การสอบสวนยังไม่แล้วเสร็จ ทางทนายจึงได้แจ้งให้คณะสอบสวนทราบว่า บริเวณทางขึ้นองค์พระปฐมด้านทิศตะวันออกนั้น มีกล้องวงจรปิดจำนวน ๓ จุด จึงขอให้คณะสอบสวนติดตามประสานขอภาพจากกล้องวงจรปิดทั้ง ๓ จุดนั้น ให้ด้วย
คณะสอบสวน รับว่า จะเร่งดำเนินการให้
หมายเหตุ: ทางวัดพระปฐมเจดีย์ เชื่อว่าพระสงฆ์จำนวนดังกล่าวในวันดังกล่าวที่มีจำนวนไม่เกิน ๓๐ รูป ได้มาสวดมนต์เพื่อถวายองค์พระปฐมเจดีย์ตามปกติ จึงไม่ได้ติดใจสงสัย โดยส่วนข่าวที่ได้แพร่หลายออกไปนั้น จึงไม่น่าจะตรงกับความเป็นจริง
—————————————————–
ในเวลาต่อมา ฉันโทรไปพูดคุยกับเจ้าคุณแย้ม
เจ้าคุณแย้ม แจ้งว่า สมเด็จหนกลาง พิชยญาติการามวรวิหาร โทรมาสั่งกำชับให้สอบว่า กลุ่มภิกษุใด ที่มาอ้างว่า มาจากคณะสงฆ์ภาคกลางบ้าง หาตัวมาสอบถามให้ได้ความจริง เพื่อดำเนินการต่อไป
ต่อมา ทนายนำหนังสืออธิบายความ ของวัดพระปฐมเจดีย์ โดยไวยาวัจกรของวัด เป็นผู้ลงนามในเอกสาร ชี้แจงดังนี้
สำนักงานจัดประโยชน์และรักษาองค์พระปฐมเจดีย์
วัดพระปฐมเจดีย์ อำเภอเมือง จังหวัดนครปฐม
วันที่ ๒๗ เมษายน ๒๕๕๙
เรื่อง ขอชี้แจงการประกาศอุปเขปนียกรรม
เรียน นายธีรยุทธ สุวรรเกษร
ตามหนังสือวัดอ้อน้อย ตำบลห้วยขวาง อำเภอกำแพงแสน จังหวัดนครปฐม ลงวันที่ ๒๔ เมษายน ๒๕๕๙ เรื่อง ขอพระคุณท่านได้ตรวจสอบการประกาศอุปเขปนียกรรม ต่อพระพุทธะอิสระ โดยรายงานข่าวากหนังสือพิมพ์มติชนออนไลน์ และไทยรัฐออนไลน์ เมื่อวันที่ ๒๓ เมษายน ๒๕๕๙ ณ ลานโพธิ์ วัดพระปฐมเจดีย์ องค์พระปฐมเจดีย์ จังหวัดนครปฐม จำนวนพระสงฆ์ ๕๐๐ รูป นั้น
กระผม นายสุรเชน จันทร์คูณ ในนายไวยาวัจกรวัดพระปฐมเจดีย์ และหัวหน้าสำนักงานจัดประโยชน์ และ รักษาองค์พระปฐมเจดีย์ ซึ่งเป็นผู้แทนของวัดโดยตรง ขอเรียนชี้แจงให้ทราบ ตามหนังสือของท่าน รวม ๔ ข้อ ดังนี้ :-
๑. เมื่อวันที่ ๒๓ เมษายน ๒๕๕๙ มีการประกาศอุปเขปนียกรรม จริงหรือไม่
ตอบ ไม่มี
๒. มีพระสงฆ์จำนวน ๕๐๐ รูปร่วมอยู่ในวันนั้น ริงหรือไม่
ตอบ ไม่มีพระสงฆ์จำนวนดังกล่าวร่วมอยู่ในวันนั้นเลย
๓. การใช้สถานที่ประกาศอุปเขปนียกรรมในวันดังกล่าว ได้รับอนุญาตหรือยินยอมจากวัดพระปฐมเจดีย์ หรือไม่
ตอบ วัดพระปฐมเจดีย์ ไม่ได้อนุญาตหรือยินยอม
๔. พระสงฆ์ที่เป็นผู้นำพระ ๕๐๐ รูปมานั้น เป็ฯพระภิกษุรูปใด
ตอบ ไม่ทราบ เนื่องจากไม่เห็นมีพระสงฆ์จำนวนดังกล่าว ตามที่อ้างถึง
ในส่วนที่ท่านขอเมตตาขออนุญาตให้เจ้าหน้าที่ของวัดฯ จัดทำสำเนาวีดีอากกล้องวงจรปิดภายในบริเวณของวัดที่ปรากฏภาพของพระสงฆ์ที่เข้ามาทำกิจกรรมดังกล่าวนั้น ขอเรียนว่าบริเวณลานโพธิ์นั้น ทางวัดไม่ได้ติดตั้งกล้องวงจรปิดไป ติดตั้งเฉพาะ ที่สำนักงานจัดประโยชน์และรักษาองค์พระปฐมเจดีย์ จึงไม่สามารถดำเนินการในเรื่องนี้ได้
จึงเรียนมาเพื่อทราบ
ขอแสดงความนับถือ
(นายสุรเชน จันทร์คูณ)
หังหน้าสำนักงานจัดประโยชน์และรักษาองค์พระปฐมเจดีย์
และไวยาวัจกรวัดพระปฐมเจดีย์
—————————————————–
พุทธะอิสระ