ขออนุญาตแชร์นะจ๊ะ
ไม่แค่ไทย ‘โลกทั้งใบ’ ก็เปลี่ยน
๒๗ เมษายน ๒๕๕๙
สนใจเรื่อง “ธัมมชโย” ที่ศาลอาญายังไม่อนุมัติ “หมายจับ” ตามที่ DSI ร้องขอเมื่อวาน (๒๖ เม.ย.๕๙) กันใช่มั้ย?
นั่นแค่ “ปลาดิ้นปากแห”…….
ไม่ต้องกระวน-กระวายขายกระชังกันไปหรอก ไม่จับวันนี้ พรุ่งนี้-ปะรืนนี้ ก็ยังมีเวลาให้จับ
เว้นแต่ เหาะหนีขึ้นไปอยู่กับ “สตีฟ จอบส์” ได้เท่านั้น!
ดังนั้น เรื่องนี้เดี๋ยวค่อยคุย ตอนนี้ คุยเรื่องที่ระดับคนอ่านไทยโพสต์จำเป็นต้องรู้ไว้ก่อนดีกว่า
เจ๊ตู่ “คุณวรวรรณ ธาราภูมิ” เกจิเพาะเงินงอก เธอโพสต์เรื่อง “พลิกโลก” ไว้ ๓-๔ วันก่อน
จะลอกมาให้อ่านแต่วานซืน เผอิญฝอยเรื่องอื่น เลยหมดเนื้อที่ เก็บไว้นานจะบูดซะเปล่าๆ เอาซะเดี๋ยวนี้เลย
“เจ๊ตู่” นะครับ ไม่ใช่ “ลุงตู่” เธอเริ่มเรื่องว่า………ช่วงนี้มีข่าวใหญ่ 2 เรื่องที่ต้องติดตาม
๑.จีนประกาศเอาราคาทองคำมาเทียบค่ากับหยวนไปแล้ว เมื่อ ๑๙ เมษายน ๒๕๕๙ ในอัตรา ๒๕๗.๙๗ หยวน ต่อทองคำ ๑ กรัม
โดยให้ “ตลาดทองคำเซี่ยงไฮ้” เป็นศูนย์กลาง!
ซึ่งในที่สุดจีนทำได้สำเร็จ แม้ว่าก่อนหน้านี้ อเมริกาจะดิ้นรนด้วยการขยับแสนยานุภาพทางการทหารไปในหลายภูมิภาค โดยเฉพาะในทะเลจีนใต้ แถมยังระดมพันธมิตรมาฝึกซ้อมรบคอบร้าโกลด์
ซึ่งล้วนแต่ทำเพื่อกดดันจีน ……….
มิให้ปลดแอกหยวน ออกจาก “เปโตรดอลลาร์”!
ที่น่าสนใจคือ ล่าสุด ก่อนมีการประกาศเทียบค่าหยวนกับทองคำ จีนกับรัสเซีย ได้ออกแถลงการณ์ การลาดตระเวนทางทะเลร่วมกัน ในน่านน้ำสากล รวมทั้งมหาสมุทรแปซิฟิกและทะเลจีนใต้
ซึ่งเป็นครั้งแรก ที่รัสเซียส่งกองเรือประสิทธิภาพสูงยิ่ง เข้ามายังน่านน้ำแปซิฟิกกับทะเลจีนใต้
สิ่งเหล่านี้สะท้อนว่า จีนกับรัสเซีย กำลังผนึกกำลังแสดงให้โลกเห็นว่า มังกรกับหมีขาว พร้อมเผชิญหน้ากับพญาอินทรีและพันธมิตรของสหรัฐฯ แล้ว
รายงานข่าวแจ้งว่า หลังจากจีนประกาศเทียบค่าเงินหยวนกับทองคำไปได้ ๒ วัน สื่อตะวันตก รวมทั้งสื่อจากรัสเซีย อิหร่านและจีน ก็รายงานว่า
“ได้เกิดการเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่ในตลาดซื้อขายน้ำมันโลก คือมีการใช้เงินหยวน ในการซื้อน้ำมันมากกว่าสกุลเงินดอลลาร์ไปแล้ว”
โดยบางประเทศ เริ่มค้าขายด้วยสกุลเงินหยวน ไม่ค้าด้วยเงินดอลลาร์อีกแล้ว
เหลือแต่ซาอุฯ และประเทศในกลุ่มอาหรับไม่กี่ประเทศที่ผลิตน้ำมัน (ไม่ใช่อิหร่านแน่นอน) ที่ยังคงค้าขายด้วยสกุลเงินดอลลาร์อยู่
แต่ก็เปิดทางให้ค้าขายด้วย “สกุลเงินหยวน” ได้ด้วย!
๒.ซาอุฯ มหามิตรสหรัฐฯ ซึ่งมั่งคั่งมานานจากการค้าน้ำมัน แล้วได้รับค่าซื้อเป็นเงินดอลลาร์ (เปโตรดอลลาร์)
ทำท่าจะเทขายพันธบัตรสหรัฐฯ นับแสนๆ ล้านดอลลาร์ (หากทำจริงก็ศพไม่สวยแน่นอน)
เรื่องนี้ น่าสนใจมาก………
เพราะ ส.ส.รีพับลิกันกับเดโมแครต ถูกกดดันจากภาคประชาชนที่ได้รับรู้ข่าวที่เปิดเผยโดย ก.ยุติธรรม ของรัฐบาลอเมริกันเอง ว่านักการทูตซาอุฯ หรือแม้แต่รัฐบาลซาอุฯ อาจรู้เห็นเป็นใจ มีส่วนเกี่ยวข้องกับปฏิบัติการ “ถล่มตึกเวิลด์เทรด”!
ดังนั้น ภาคประชาชนจึงออกมาผลักดันให้ออกกฎหมาย เพื่อให้คนอเมริกันฟ้องร้องเอาผิดรัฐบาลซาอุฯ ได้ และมีทีท่าจะสำเร็จได้ในเร็ววันนี้ เพราะมีเสียงหนุนจากทั้งเดโมแครตและรีพับลิกันเอง
ที่ ส.ส.เดโมแครต กับ รีพับลิกัน ต้องออกมาคล้อยตาม ก็เพราะเขาต้องรักษาฐานเสียงของตัวเองเอาไว้ แม้โอบามาจะออกมาบอกว่า ถ้าผ่านได้ก็จะ Veto สุดฤทธิ์ก็ตาม
แนวคิดต่อเนื่อง
ผลกระทบต่างๆ ในตลาดการเงิน การลงทุน และเศรษฐกิจโลก จะใช้เวลาช่วงหนึ่งในการเปลี่ยนผ่านไปเรื่อย ๆ
แต่มีการเปลี่ยนแปลงแน่ และสหรัฐฯ ยอมได้ยาก นี่แค่ผลการชก “ยกที่หนึ่ง”
อย่างไรก็ดี ในยกแรกของการต่อสู้นี้ การที่รัฐบาลจีนสามารถอดกลั้นต่อการยั่วยุในทะเลจีนใต้ของสหรัฐฯ ทำให้การนำหยวนผูกกับทองคำ และผงาดในเวทีการค้าโลกประสบผลสำเร็จได้อย่างสวยงาม
ท่ามกลางทั้งกองเชียร์และกองแช่งที่ลุ้นกันจนเหงื่อแตกซิก!
นี่คือเกมระดับโลกที่เราต้องเข้าใจ เมื่อเข้าใจภาพใหญ่แล้ว ก็จะมองปัญหาภายในประเทศเราเองได้ในระดับ Macro
ไม่ใช่มองภาพเล็กๆ “เฉพาะการเมืองในประเทศ”!
และอย่าลืมว่า นี่คือเรื่องที่ “ไม่เคยเกิดมาก่อน” พวกเราน่าจะไม่เคยมีประสบการณ์ในเรื่องแบบนี้กัน
วรวรรณ ธาราภูมิ
๒๔ เมษายน ๒๕๕๙
เอ้า…ตอนนี้ คุยเรื่องสมีโล้นเลาะคุกได้แล้ว ลำดับความตามท้องเรื่องได้ว่า
หลังจากดีเอสไอมีหมายเรียกให้ธัมมชโยมารับทราบข้อหาครั้งแรก แต่ขอเลื่อน อ้างติดงานวันเกิดตัวเอง
ดีเอสไอก็นัดครั้งที่สอง กำหนดคือ ๒๕ เม.ย. แต่ธัมมชโย “นัดแล้วไม่มา”!
ให้ทนายมายื่นหนังสือ อ้างป่วยด้วยสารพัดโรค โดยมีหนังสือรับรองจากแพทย์คลินิกวัด
แต่ดีเอสไอวิเคราะห์แล้ว นั่น “ข้ออ้าง” ประวิงเวลามากกว่า เพราะงานวันเกิด ๒๒ เม.ย.จากวิดีโอ ธัมมชโยยังเดินเหิน กรีดนิ้วสั่งการโน่น-นี่ได้
ดีเอสไอ โดย พ.ต.ท.ปกรณ์ สุชีวกุล ผู้บัญชาการสำนักคดีการเงินการธนาคาร จึงยื่นคำร้องต่อศาลอาญา “ขอหมายจับ” ธัมมชโย
ในคดีความผิดฐานสมคบกันฟอกเงินและร่วมกันฟอกเงิน และร่วมกันรับของโจร มีชื่อเป็นผู้รับเช็คบริจาค จากนายศุภชัย ศรีศุภอักษร
“นายสัมพันธ์ เสริมชีพ” ทนายธัมมชโย ยื่นคำร้องคัดค้าน ศาลมีคำสั่งให้ “ยกคำร้อง” ดีเอสไอ คือยังไม่อนุมัติหมายจับ
นี่…เรื่องราวมาถึงขั้นตอนนี้ ระหว่างทนายยื่นคัดค้านต่อศาล ทางโฆษกธัมมชโย ก็เอารูปถ่ายเฉพาะช่วงขาและเท้ามาแสดงว่า
ผ่านงานวันเกิดแล้ว ธัมมชโยก็ “ป่วยมากมาย” มาไม่ได้จริงๆ
ขาซ้าย ตั้งแต่โคนยันปลาย บวมเป่ง เท้าบวมอืด เหมือนปลาเค็มครึ่งสด-ครึ่งเน่า กำลังฉุเลือด-ฉุหนอง
ทั้งเนื้อ-ทั้งเล็บ ยังกะขี้เรื้อนกุฏฐัง เลือดคั่งสีกะหล่ำปลีม่วง ข้างตาตุ่มส้นเท้า เป็นแผลพุพอง เฟะน้ำเหลือง
คงเห็นรูปกันแล้ว ถ้าใครเป็นลักษณะนี้ อนาคตมี ๒ ทางเลือกคือ ทางแรก ตัดขา ทางที่สอง จองศาลา!
แต่ ภาพนั้น เห็นเฉพาะท่อนล่าง ส่วนท่อนบน “หน้า-ตา” ว่าใครคือเจ้าของขาและเท้า เขาไม่ถ่ายให้เห็น
พระโฆษกยืนยัน…นี่ “ขาจริง-เท้าจริง” ธัมมชโย!
ก็ไม่รู้นะ เขาว่างั้น แต่ผมมโนจากผิวและขนาดท่อนขากับเท้า เปรียบเทียบกับรูปลักษณ์ธัมมชโยแล้ว น่าจะเป็น “คนละคนเดียวกัน” มากกว่า?
ยิ่งดูผ้าปูเตียง เบาะรองขา โทรมๆ เหมือนผ้าขี้ริ้ว ต่างกับเสื้อผ้า-หน้าผม-ผิว อันเป็น “ท่อนบน” ธัมมชโย ที่ฟรุ้งฟริ้ง สะอาดสะอ้าน หรูแฟ่
ยิ่งสภาพแผลพุพองที่เท้า ระดับธัมมชโย นักจัดสรรนรก-สวรรค์ขาย รวยระดับแสนล้าน กระจอกงอกง่อย ปล่อยสารพัดโรครุมเร้าโดยไม่รักษาได้หรือ?
โดยเฉพาะกับเบาหวาน พระกินเพื่ออยู่ แล้วนี่ ตะกลามอะไรไม่บันยะบันยัง จนถึงขั้นพุพองไม่หายเหมือนคนเป็นเอดส์
แล้วยังกะเอาผงร่มชูชีพโรยซับน้ำเหลืองแค่นั้น ดูอนาถากระยาจก ผิดวิสัยเจ้าลัทธิจานบิน ที่สำอางกรุยกราย สวมถุงเท้ายาวหุ้มตีนตลอด?
ก็ตามดูกันต่อไป ศาลท่านบอก “ธัมมชโยไม่มีพฤติกรรมหลบหนี”
จากนี้ ดีเอสไอ ก็จะออกหมายเรียกครั้งที่ ๓ ให้ธัมมชโยมารับทราบข้อหาวันที่ ๑๖ พฤษภา!
ถ้าครั้งที่ ๓ ยังไม่มา ตานี้แหละ “ไม่มา-ไม่หนี-มีจับ” แน่ เว้นแต่ป่วยมากมาย พิสูจน์ได้จริง นั่นก็อีกเรื่อง
ด้วยหลัก “สุทธิ อสุทธิ ปัจจัตตัง” บริสุทธิ์หรือไม่บริสุทธิ์ ตัวเองนั่นแหละรู้ดีที่สุด
จึงไม่เพียงธัมมชโยเท่านั้น กระทั่งคนทั้งหลาย ใครรู้ตัว ทำ “กรรมดี-กรรมชั่ว” อย่างใดไว้ กับสังคมชาติบ้านเมือง
จงเตรียมตัว ถ้าดี…ดีนั้น ถึงวาระ พลันสนอง และถ้าชั่ว…ชั่วนั้น ก็ถึงวาระ พลันสนองเช่นกัน
ฟ้า-ดิน, นรก-สวรรค์ “จริง-ไม่จริง” รู้กัน รอบนี้แหละ!?
[ที่มา: https://www.thaipost.net/?q=%E0%B9%84%E0%B8%A1%E0%B9%88%E]