จะป่วยก็ช่าง จะตายก็เชิญ แต่กฎหมาย ต้องเป็นกฎหมาย

0
96

จะป่วยก็ช่าง จะตายก็เชิญ แต่กฎหมาย ต้องเป็นกฎหมาย
๒๗ เมษายน ๒๕๕๙270459-บทความ-จะป่วยก็ช่าง-จะตายก็เชิญ-แต่กฎหมาย-ต้องเป็นกฎหมาย

เห็นข่าวบรรดาพวกทาสอลัชชีออกมา ดราม่า เรียกร้องวิงวอนสังคม ขอความเห็นใจ อย่างน่าสงสาร

พร้อมนำรูปภาพขาเน่าใน ของเจ้าลัทธิ ต้นทาส ต้นธรรม ผู้ลงมาปราบมาร และหยั่งรู้ฟ้าดิน ออกมาโพสต์ เรียกคะแนนสงสาร

แถมตัดพ้อต่อว่า เจ้าหน้าที่และกระบวนการยุติธรรม

เหมือนกับพวกนักการเมือง กินรวบประเทศไทยบางคนที่หนีคดี

มิหนำซ้ำ ยังทำท่าจะไม่ยอมรับกฎหมาย และกระบวนการยุติธรรม

แต่พอทนายของลัทธิอลัชชี ยื่นเรื่องคัดค้านหมายจับต่อศาล

ศาลท่านเมตตา วินิจฉัยให้ยกคำร้องการขอหมายจับของดีเอสไอ

ด้วยคำวินิจฉัยว่า ผู้ต้องสงสัยไม่มีเจตนาจะหนี

เมื่อกระบวนการยุติธรรมเป็นไปดังใจของพวกทาสอลัชชี เช่นนี้

คงจะเลิกโทษ เลิกตำหนิ กระบวนการยุติธรรมของไทยกันไปพักหนึ่ง

หวังว่า วันข้างหน้า หากกระบวนการยุติธรรมของไทย ไม่เป็นไปดังใจของพวกอลัชชี คงจะไม่ออกมาโวยวาย ว่าไม่ยุติธรรมอีกนะจ๊ะ

เรื่องนี้ต้องมองเป็นสองมุม

มุมหนึ่งก็ให้กำลังเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ ที่ทำหน้าที่รักษากฎหมายอย่างตรงไปตรงมา โดยไม่เห็นแก่หน้าใคร

หวังว่าคงไม่ถอดใจ ไม่หมดกำลังใจเสียก่อนหล่ะ

พวกเราประชาชนคนรักความถูกต้อง อยากเห็นกระบวนการยุติธรรมเดินหน้า เอาคนผิดมาลงโทษให้ได้ โดยไม่มีการสะดุด

มองในมุมของพวกอลัชชี ก็ถือว่า ศาลท่านเมตตาให้โอกาสในการรักษา บรรเทา อาการเจ็บป่วย ตามกำลัง

จะได้ไม่มากล่าวหาว่า กระบวนการยุติธรรมไทย ช่างไร้เมตตา เอาคนป่วยใกล้ตาย ที่กำลังรักษาตัวมาขึ้นศาล

อีกทั้งจะได้สกัดแผนการอุบาทที่จะโพทนาต่อชาวโลกว่า กระบวนการยุติธรรมของไทย ละเมิดสิทธิผู้ต้องสงสัยที่กำลังป่วย

พวกที่เพ้อฝันว่า จะขอลี้ภัยให้กับเจ้าลัทธิอลัชชี ไปอยู่ต่างแดนคงจะล้มไป

หากภาพที่บรรดาทาสผู้ซื่อสัตว์ นำออกมาเผยแพร่ เป็นภาพจริง ไม่ได้ตัดต่อ แหกตา

ในฐานะที่เคยรักษาอาการเส้นเลือดอุดตัน จากผู้ป่วยที่เป็นเบาหวาน ถ้าเป็นหมอแผนปัจจุบัน ต้องตัดขา เพราะหากปล่อยทิ้งไว้ แผลที่เน่าในจะลามไปถึงต้นขา หรือไม่ก็เกิดอาการติดเชื้อในกระแสเลือด

ซึ่งผู้ป่วย เป็นเบาหวาน เป็นความดันอยู่ด้วย เชื้อจะลุกลามเข้าไปถึงอวัยวะต่างๆ ในร่างกาย มีโอกาสตายอย่างทรมานได้สูง

หากเป็นแพทย์แผนไทย ฉันจะใช้เปลือกมังคุดสด ทุบให้ละเอียด ผสมน้ำอุ่นแช่แผนไว้ครึ่งชั่วโมง เช้า – เย็น ทุกวัน

แล้วซับด้วยสำลีสะอาด

แล้วใช้น้ำมันมนต์ชโลมทั้งขา อย่าปิดแผล

หากจำเป็นต้องเปิดปากแผล ให้ใช้ยอดใบตองอ่อน มาเช็ดให้สะอาด แล้วนำมาพันแผลเอาไว้ จะช่วยให้แผลหายเร็วขึ้น สามารถลดอาการอักเสบได้ด้วย

ไม่ควรให้ผู้ป่วยนั่งห้อยเท้า เวลานอนยกขาหาหมอนหนุน หรือเชือกผูกขาห้อยให้สูง

เลือดจะได้ไม่ไปอัดแน่นอยู่ที่ขามากเกินไป จะได้ไม่เจ็บปวด

แต่เท่าที่ดูจากรูปแล้ว อาการยังพอรักษาได้

ขายังไม่เน่ามาก

แต่ต้องคุมอาหาร ดื่มน้ำสะอาดมากๆ

ถ้าเป็นไปได้ หากแผลเน่ามากๆ และลึก

ควรหาหนอนแมลงวัน ที่แพทย์ทางเลือกเขาเลี้ยงเอาไว้

นำมาใส่ลงในแผล เพื่อให้กินเนื้อ เลือด หรือหนองที่เน่าเสีย ของผู้ป่วยเบาหวาน

เอามาปล่อยให้กัดกินเนื้อเน่าจนหมด แล้วจึงใช้น้ำอุ่นที่ใส่เปลือกมังคุดชะล้างทุกวัน

สิ่งสำคัญอย่าใช้แอลกอฮอร์ หรือยาฆ่าเชื้อที่เป็นกรด ชะล้างแผล จะทำให้เนื้อเยื่ออ่อนระคายเคือง และเกิดขึ้นใหม่ยาก

สำหรับยากิน ไม่ควรกินยาปฏิชีวนะ หากไม่จำเป็น

จะมีผลต่อไต และตับ และมีผลต่อเม็ดเลือดขาว ที่ทำหน้าที่ต้านทานเชื้อโรคที่เข้าทางบาดแผล

ควรหายาละลายลิ่มเลือด ขยายหลอดเลือด กินทุกวัน เช้า – เย็น

จะช่วยให้เลือดไหลไปเลี้ยงปลายประสาทได้ดี ทำให้แผลหายเร็วขึ้น

ควรออกกำลังกาย โดยการนอนราบกับพื้น ยกขาสลับไปมา ครั้งละ ๕ ถึง ๑๐ นาที วันละ ๓ เวลา

ที่บอกนี่ เพราะว่าสงสารหรอกนะ

ถือเป็นวิทยาทานแก่ผู้ป่วยอื่นๆ ด้วย

เพราะหากเป็นจริงดังภาพ นั่นแสดงว่า ผลแห่งกรรมชั่วกำลังให้ผลอย่างเผ็ดร้อนแล้ว

วิบากกรรมที่ย่ำยีพระธรรมวินัย มันจะกลายเป็นเชื้อโรคร้าย ค่อยๆ กัดกินเลือด เนื้อ กระดูก และชีวิต จนกว่าจะตายอย่างทรมาน

เช่นนี้เรียกกว่า อยู่ก็ไม่ได้ ตายก็ไม่ได้

คงเป็นเพราะผู้คนที่เขาเดือดร้อน จากการกระทำของผู้ป่วยตนนี้ คงจะสาปแช่ง อยู่ตลอดเวลา

ได้ยินมาว่า คนแก่ๆ หลายคน ที่นำเงินก้อนสุดท้าย ไปบริจาคให้กับลัทธินี้ ต้องหมดเนื้อหมด แล้วกลับมารับจ้างขายแรงงาน หาเงินเลี้ยงตัวเองไปวันๆ อย่างน่าเวทนา

เพราะสมบัติถูกหลอกให้บริจาคแก่เจ้าลัทธินี้หมดแล้ว ทั้งเงินสด บ้าน ที่ดิน

เจ้ากรรมนายเวรของอลัชชีต้นธาตุ ต้นธรรม ผู้หยั่งรู้ฟ้าดิน อีกกลุ่มหนึ่ง คือ

สมาชิกสหกรณ์เคดิตยูเนี่ยนฯ จำนวน ๕๐,๐๐๐ กว่าคน ที่ล้วนแล้วแต่เป็นคนแก่ปลดเกษียน เอาเงินที่ทำงานเก็บสะสมมาทั้งชีวิต ไปฝากแก่สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนฯ

หวังจะเอาไว้เลี้ยงชีวิต ยามแก่ชราเจ็บป่วย

เมื่อถูกโกงเงินไปแล้ว พวกเขาไม่มีแม้แต่ค่ารถไปหาหมอคราวเจ็บป่วย บางคนต้องไปขอกู้หนี้ยืมสินเพื่อนบ้าน พี่น้อง มาประทังชีวิต

บางคนเดินทางมาหาฉัน ร้องห่มร้องไห้ ขอให้ช่วยทวงเงินของเขาให้ด้วย

อุตสาห์ฝากเงิน หวังจะเอาไว้บวชลูกชาย หลานชาย สุดท้ายเหลือแต่สมุดฝาก จนวันนี้ ก็ยังไม่เห็นเงิน

ความทุกข์ยาก เดือดร้อน แร้นแค้น ของคนที่ถูกอลัชชีตนนี้และพวกกระทำต่อเขา

มันมากมาย สุดคณานับ สิ่งที่เกิดแก่อลัชชีตนนี้ ยังน้อยนิด

ผลกรรมที่กระทำเอาไว้ต่อพระธรรมวินัย และทำลายประโยชน์ชาวบ้าน

ยังคงต้องให้ผลกรรมที่เผ็ดร้อนมากกว่านี้อีกเป็นแสนพันล้านทวี

ซึ่งไม่รู้ว่าจะต้องชดใช้ไป อีกกี่กัปกี่กัลป์

นึกแล้วก็ช่างน่าสมเพชยิ่งนัก

อย่างนี้กระมัง ที่โบราณท่านเรียกว่า “สว่างมา แต่มืดไป”

หรือไม่ “ต้นตรง แต่ปลายคด”

ฉันแถมให้อีกหน่อยว่า

“ไม้คด ทำขอ
เหล็กงอ ทำเคียว
คนคด ลดเลี้ยว
ขอ เคียว ทำไม่ได้เลย
อยู่ก็รกโลก”

พุทธะอิสระ