คนมีปัญญา ไม่ว่าจะอยู่ในอิริยาบถใด สถานที่ไหน ก็เข้าถึงธรรมได้
๒๐ เมษายน ๒๕๕๙
วัดได้ทำการขุดลอกสระเก่า เพื่อเก็บกักน้ำในฤดูฝน เอาไว้ใช้ในฤดูแล้ง ฉันเดินไปเห็น รถแมคโคร ขุดลอกเอาขี้เลนก้นสระ ที่สะสมมานานเกือบ ๓๐ ปี ขึ้นมากองไว้ริมสระ
เห็นหอยกาบน้ำจืด ที่หายาก กำลังจะถูกแดดเผาตาย เห็นแล้วให้รู้สึกสงสารยิ่งนัก
เลยลงมือลุยโคลน จับหอยใส่กระป๋อง เอาไปปล่อยสระใหญ่ของวัด แต่จำนวนมันมีมากเหลือเกิน
ไหนโคลนจะดูด ก้มๆ เงยๆ ปวดหลัง หน้ามืด ตามประสาคนอายุ ๖๐ ขึ้น
เลยเรียกคนงานมาช่วยสองคน แต่ก็ยังไม่ทันการ
จึงให้เจ้าวารินทร์ไปบอกพระพี่เลี้ยง หากมีชั่วโมงกิจกรรมพิเศษ หรือขั่วโมงปฏิบัติธรรม
ก็ขอให้ส่งพระเณรใหม่ทั้งหมด มาช่วยโปรดหอยกาบกันหน่อย
หลังจากพระเณรมาแล้ว
ฉันจึงประชุมชี้แจงว่า
วันนี้พวกเรา จะช่วยกันโปรดสัตว์ เจริญเมตตา ฝึกสติกันหน่อย
พร้อมทั้งสาธิตให้สามเณรและพระใหม่ได้ดูว่า
เราต้องใช้มือกวนลงไปในขี้เลน เมื่อนิ้วมือสัมผัสตัวหอย ก็จับขึ้นมาใส่กระป๋อง แช่น้ำไว้
เห็นว่าได้มากแล้ว รีบนำไปปล่อยลงน้ำ
อย่าให้แออัดมากเกินไป เดี๋ยวหอยขาดอากาศหายใจตาย
ฉันยังอธิบายให้เณรได้รู้ว่า
หอยชนิดนี้ เรียกว่า หอยกาบน้ำจืด
สมัยก่อน ตอนที่ฉันมาสร้างวัดใหม่ๆ ตามลำคลอง และสระต่างๆ จะมีแยะมาก ทั้งหอยกาบ หอยขม หอยเชอรี่
แต่พอชาวบ้าน เปลี่ยนพฤติกรรม ทำนาจากที่ไม่เคยใช้สารเคมี ก็หันมาใช้สารเคมีสารพัดชนิด
จนสารเคมีนั้น ตกค้างไหลลงไปรวมอยู่ในลำคลอง หนองบึง สัตว์น้ำทุกชนิดต่างล้มตาย ไม่เว้นแม้แต่หอย เต่า และปู ปลาไหล ปลาหลด ซึ่งเป็นสัตว์ที่อาศัยอยู่ในขี้เลนและหน้าดิน
ต่างพากันสูญหายตายจาก บางพวกก็หนีเข้ามาอาศัยอยู่ในสระของวัด ซึ่งมีทั้งหมด ๗ สระ เต็มไปด้วยสัตว์ที่หนีจากข้างนอกมาอาศัยอยู่ในวัดทั้งนั้น
วันนี้ สระวัดลูกนี้ น้ำเริ่มแห้ง จึงมีการขุดลอก หอยพวกนี้มันติดมากับขี้เลน หากทิ้งเอาไว้มันจะตาย
พวกเราเป็นพระ เป็นเณร เมื่อเห็นสัตว์ทุกข์ยากกำลังจะตายอยู่ตรงหน้า ควรที่จะต้องยื่นมือเข้าไปช่วย จนสุดความสามารถ
หากช่วยจนเต็มที่แล้ว ยังช่วยไม่ได้
ก็ต้องยกให้เป็นเรื่องของกรรม ที่สัตว์นั้นๆ ได้กระทำเอาไว้แต่กาลก่อน
เมื่อพระเณรฟังเข้าแล้ว
ฉันจึงสั่งให้ลงมือโปรดหอยกาบ ดังที่เห็น
พุทธะอิสระ