วันนี้ (๕ เม.ย. ๕๙) บ่ายโมงต้องเดินทางไปศาลแพ่งรัชดา
๖ เมษายน ๒๕๕๙
เจ้าออยพี่ชายเจ้าเฉาก๊วยมันเอารถมารับ
ขณะที่นั่งรถเดินทางเข้ากรุงเทพฯ เจ้าวารินรายงานว่าฝ่ายความมั่นคงจังหวัดได้แจ้งเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ให้ช่วยลาดตระเวนดูความสงบเรียบร้อยรอบๆ วัด ตลอด ๒๔ ชั่วโมง
ฉันให้เจ้าวารินโทรสั่งกองเลขาให้ตรวจสอบความเคลื่อนไหวของเฮียประสารและพวก
เจ้าออยถามฉันว่า ไหวไหมครับหลวงปู่
ฉันมองหน้ามันแล้วถามกลับไปว่า ถามทำไม
มันบอกว่า พวกลูกศิษย์ต่างเป็นห่วงหลวงปู่ครับ
ฉันจึงตอบมันไปว่า
เหตุที่กูเปิดศึกรอบด้านโดยไม่หวาดกลัวใดๆ ก็เพราะเรามีรัฐบาลที่ซื่อตรง
กล้าพูด กล้าทำ รักษาความถูกต้องมากกว่ารักษาผลประโยชน์ของตน
หากไม่กำจัดลัชชีตอนนี้ แล้วจะไปทำตอนไหน
อีกร้อยปีจะมีโอกาสได้ทำเช่นนี้หรือเปล่า
การที่ฉันออกไปสู้อยู่เวทีแจ้งวัฒนะก็เพื่อต้องการให้มีวันนี้
วันที่มีโอกาสกำจัดพวกอลัชชีเกาะกินพระธรรมวินัยนี้ให้สิ้นซากเสียที
ช่วงหนึ่งเจ้าออยมันนึกอะไรอยู่ไม่รู้
อยู่ดีๆ มันก็โพล่งออกมาว่า
หลวงปู่นี่น่าจะเป็นทนายได้เลยนะครับ เห็นบางเรื่องหลวงปู่ก็เก่งกว่าทนายอีก
ฉันมองหน้ามันแล้วถามว่า
มึงอยากให้กูเปลี่ยนไปทำอาชีพทนายแล้วหรือ
เจ้าออยพูดตอบว่า ไม่ใช่ครับ เพราะผมเห็นหลวงปู่แม่นข้อกฎหมายมาก จึงคิดว่าน่าจะไปเป็นทนายหรือที่ปรึกษาด้านกฎหมาย
ฉันจึงตอบมันว่า กฎหมายล้วนมีพื้นฐานมาจากพระธรรมวินัย
หากศึกษาเรียนรู้พระธรรมวินัยให้แตกฉานก็จะเข้าใจหลักการของกฎหมาย
ยิ่งถ้าได้ศึกษาข้อกฎหมายเพิ่มเติมก็ยิ่งเข้าใจถึงเจตนารมณ์ของกฎหมายนั้นๆ ได้ยิ่งขึ้น
พอเดินทางมาถึงศาล มีบรรดานักข่าวเข้ามารอสัมภาษณ์อยู่หลายสำนัก
เมื่อทุกคนพร้อมแล้วฉันจึงให้สัญญาณอนุญาตให้ถามได้
นักข่าวคนหนึ่งถามว่า
วันนี้ท่านมาศาลทำอะไรคะ
ตอบว่า ศาลท่านนัดมาเบิกความบรรยายฟ้องแก่เจ้าคุณพิพิธ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสุทัศนเทพวราราม
ในข้อหาละเมิดดูหมิ่นเหยียดหยาม ใส่ร้าย ทำให้เกิดความเกลียดชัง ด้วยข้อความอันเป็นเท็จ
นักข่าวถามว่า จะฟ้องอาญาด้วยหรือไม่
ตอบว่า ก็ฟ้องขำๆ แค่ต้องการสั่งสอนเจ้าคุณปากพล่อยได้รู้สำนึก
จะพูดจะจาอะไร ให้อยู่บนพื้นฐานของข้อมูลความจริง
ไม่ใช่แค่เอามันส์แต่ไม่รับผิดชอบ
นักข่าวถามว่า หากเจ้าคุณพิพิธมากราบขอโทษ ท่านจะถอนฟ้องไหม
ตอบว่า คนอย่างพุทธะอิสระไม่ได้ใจไม้ไส้ระกำ คับแคบ
หากเขาสำนึกผิดด้วยอย่างจริงใจแล้วมาขอขมาโทษ
พุทธะอิสระก็พร้อมที่จะให้อภัย
แต่หากยังดื้อรั้นดันทุรัง ไม่สำนึกผิดด้วยความจริงใจ
ยังงั้นก็ต้องดำเนินคดีให้ถึงที่สุดทั้งแพ่งและอาญา
หลังจากให้สัมภาษณ์นักข่าวแล้ว บรรดาแม่ยกลูกยกทั้งหลายทยอยกันมาพอให้ได้เห็นหน้าว่าพุทธะอิสระไม่ได้ต่อสู้อยู่คนเดียว
หันมามองรอบๆ ตัว เห็นทั้ง ตำรวจ ทหาร เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย กันมากหน้าหลายตา
โดยเฉพาะดาบแจ้กับดาบสุรางค์ วันนี้มันแต่งใส่สูท รองเท้าหนัง แถมใส่เสื้อเชิ้ตซับในแขนยาวสีขาว ในขณะที่อุณหภูมิ ๓๙ องศา
ฉันเห็นพวกมันแล้วอยากพาไปเดินกลางแดดซักครึ่งชั่วโมง คงจะดูดีพิลึก
ฉันบอกให้ไอ้วารินไปหาชะลอมหรือกระสอบปุ๋ยให้ไอ้แจ้มันถือซักใบหนึ่ง เผื่อจะดูเท่ขึ้นมาบ้าง
วันนี้แถลงเปิดคดีใช้เวลาไม่นานนัก เพราะเอกสารหลักฐานการกระทำความผิดของจำเลยที่ยื่นให้แก่ศาลนั้นชัดเจนอยู่ในตัวแล้ว
ทนายขอความเมตตาจากศาลฟ้องอนาถา เพราะฉันไม่มีเงิน ๒๐๐,๐๐๐ บาทไปวางศาล
ศาลรับเรื่องแล้วกลับเข้าไปประชุมกัน ใช้เวลาประมาณ ๔๕ นาที
จึงออกมาแจงว่าอนุญาตให้ฟ้องโดยลดค่าธรรมเนียมวางศาลร้อยละ ๒ บาท รวมเป็นเงิน ๒๐๐,๐๐๐ บาท ให้เหลือ ๔๐,๐๐๐ บาท โดยให้นำเงินมาจ่าย ภายในวันที่ ๒๐ เมษานี้
วันนี้ขณะเดินทาง เจ้าวารินนำโทรศัพท์มายื่นให้แก่ฉัน บอกว่าสถานีโทรทัศน์ไทยรัฐทีวีโทรมาหลายเที่ยวแล้ว
เขาขออนุญาตจัดดีเบตที่ไทยรัฐทีวีโดยมีการถ่ายทอดสด โดยมีคุณจอมขวัญเป็นพิธีกร
ฉันจึงถามนักข่าวกลับไปว่า ไทยรัฐทีวีเตรียมห้องประชุมและเชิญคณะกรรมการกลาง เช่นผู้ตรวจการแผ่นดินรัฐสภาและตัวแทนฝ่ายตุลาการ ให้มาเป็นกรรมการชี้ขาดแล้วหรือ
อีกทั้งห้องประชุมสามารถจุคนได้มากพอหรือเปล่า
และฝ่ายเจ้าคุณเมธีได้เซ็นเอกสารสัญญารับผิดชอบต่อความผิดพลาดคลาดเคลื่อนจากพระธรรมวินัยแล้วหรือยัง
ผู้สื่อข่าวแจ้งว่ายัง
ฉันจึงแจ้งกับผู้สื่อข่าวว่า ขอให้ไปเปิดดูรายละเอียดในกติกาทั้ง ๘ ข้อในบทความของฉันที่ลงเฟสบุ๊ค
หากทำตามนั้นได้เมื่อไหร่ก็นัดมา
ขณะที่ออกมาจากห้องพิจารณาคดี ฉันจึงสั่งให้หมวดเม้าท์นำถุงก๊อปแก๊ปหูหิ้ว มีน้ำสองขวดส่งให้ดาบแจ้ถือแล้วเดินตามมา
ฉันเดินออกมานอกอาคารศาลแพ่ง เห็นนักข่าวกลุ่มหนึ่งที่ยังยืนตั้งกล้องรออยู่เพื่อถ่ายรูปและให้สัมภาษณ์
ฉันหยุดยืนอยู่บนบันได หมวดกุดและดาบแจ้ยืนกระหนาบข้างซ้ายขวา
นักข่าวจึงโบกมือไล่ดาบแจ้ให้ออกไปห่างๆ
ดาบแจ้ยืนรีรออยู่พัก นักข่าวจึงพูดไล่ว่า “พี่ๆ ถอยออกห่างหลวงปู่หน่อย” โบกมือไล่
เจ้าแจ้เดินส่ายหัวออกไป
พอมันเดินทางกลับมาวัด
เจ้าแจ้มาออดอ้อนกับฉันว่า “ปู่ครับ วันนี้เสียหายหลายแสน แต่งสูทแต่ดันหิ้วถุงก๊อปแก๊ป แหมมันดูขัดเขินกับชุดที่ใส่ จะทำให้มีผลกระทบมาถึงองค์หลวงปู่ด้วยนะครับ”
“ดูตัวอย่างวันนี้ ผมโดนนักข่าวมันไล่ ไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน มันคงนึกว่าผมเป็นยามแน่เลย”
ฉันมองหน้ามันแล้วระเบิดเสียงหัวเราะออกมาลั่นทุ่ง
พร้อมบอกว่า “ก็เพราะกูเห็นความสำคัญของภาพลักษณ์ของมึงไง กูจึงให้ช่วยถือถุงหูหิ้ว ไม่งั้นก็ให้ถือกระสอบปุ๋ยแล้วซิ”
“วันนี้กูบอกให้ไอ้ออยมันเอาเนคไทมาบริจาคให้มึงแล้ว เห็นมันบอกว่าของมันมีมากหลายสิบชิ้น วันหน้ามึงได้แต่งครบสูตรแน่ ไอ้แจ้เอ๋ย”
เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา เจ้าไก่อดีตการ์ดของเวทีแจ้งวัฒนะมาเยี่ยมที่วัด ขณะที่ฉันกำลังแสดงธรรมอยู่ในศาลาตั้งแต่บ่ายโมงถึง ๕ โมงเย็น
ฉันออกมาจากศาลา มันพาลูกเมียมากราบ เห็นหน้าลูกชายมันบ้องแบ๊ว จึงย้อนรำลึกไปถึงตอนที่อยู่เวที
เมียเจ้าไก่ท้องโย้อุ้ยอ้าย ตามผัวมาอยู่เวที
ฉันเจอหน้าอีหนูท้องโย้ทุกวัน
มีอยู่ครั้งหนึ่ง หลังจากมีเอ็ม ๗๙ ยิงมาตกใกล้ๆ ที่พักของมัน
เช้าขึ้นมา ขณะฉันเดินตรวจดูความเรียบร้อยตามแนวเขตเวที
เจ้าไก่พาเมียเข้ามากราบ บอกว่าเมื่อคืนเมียปวดท้อง ลูกในท้องดิ้นทุรนทุราย เพราะแม่มันตกใจตอนระเบิดเอ็ม ๗๙ มาลงใกล้ๆ
“เมียผมมันนอนปวดท้องทั้งคืน ผมกลัวว่าลูกจะแท้งหรือไม่แข็งแรง เป็นท้องแรกด้วย”
ฉันจึงหันไปมองหน้าอีหนูเมียมัน พร้อมพูดว่า “อีหนู เอ็งคงตกใจกลัว ลูกเอ็งรับความรู้สึกตกใจไปด้วย”
“ไปหาดอกบัวหลวงมาซัก ๔-๕ ดอก เอาแต่เกสรและดอกชั้นในต้มน้ำ ๑ ขัน ดื่มต่างน้ำซัก ๒ วัน เป็นยาบำรุงครรภ์ จะทำให้ลูกในท้องสงบลงและแข็งแรง”
“และดูท่าจะเป็นคนเจ้าอารมณ์ด้วย”
แต่ที่แน่ๆ เห็นสภาพพ่อแม่มันที่มาหาฉันทำให้รู้ว่าครอบครัวเจ้าไก่คงจะอยู่อย่างลำบาก
ทั้งที่ก่อนจะยุติเวที ฉันได้ให้เงินมันไปก้อนหนึ่ง เพื่อไปเป็นทุนประกอบอาชีพ
มาวันนี้ ทราบว่าเจ้าไก่ต้องไปรับจ้างขับรถตู้ รายได้ไม่มากนัก
เจ้าดำมันมาบอกว่า เมียเจ้าไก่มันอยากขายน้ำปั่นหน้าบ้าน เพื่อหารายได้จุนเจือครอบครัว
วันนี้มาศาล จึงสั่งให้เจ้าดำโทรบอกไอ้ไก่หรือเมียมันก็ได้มารอที่ศาลเพ่ง แล้วยังให้ขอเบิกข้าวสารจากคลังสงฆ์ติดรถไปให้มัน ๑ กระสอบๆ ละ ๕๐ กิโลกรัม
ส่วนฉันรวบรวมเงินที่คนงานวัด เขาขายผัก เห็ด มะเขือเทศ พริก ได้ในวันอาทิตย์ประมาณ ๒๕,๐๐๐ บาท เอาไปมอบให้มันเพื่อเป็นทุน ขายน้ำผลไม้ปั่นต่อไป
พอศาลเรียกเงินวางศาล ๔๐,๐๐๐ บาท ฉันหันมาถามเล่นๆ กับหมวดเม้าท์ว่า
“เม้าท์มึงไปดูซิ อีหนูเมียไอ้ไก่มันกลับไปหรือยังวะ บอกมันว่า ยืมเงินก้อนนั้นมาวางศาลก่อนได้ไหม”
ทุกคนที่นั่งอยู่ต่างพากันหัวเราะ
พุทธะอิสระ