‘เมธาพันธ์’ เย้ยกลับ’ไพบูลย์’ ระวังแพ้ดีเบตเหมือนครั้งก่อน พร้อมบุกวัดอ้อน้อย ดีเบตกับ ‘พระพุทธอิสระ’

0
130

บทความ

‘เมธาพันธ์’ เย้ยกลับ’ไพบูลย์’ ระวังแพ้ดีเบตเหมือนครั้งก่อน พร้อมบุกวัดอ้อน้อย ดีเบตกับ ‘พระพุทธอิสระ’

มติชน วันที่: 29 มี.ค. 59 เวลา: 18:23 น.

300359-บทความ-เมธาพันธ์-เย้ยกลับไพบูลย์

เมื่อวันที่ 29 มีนาคม นายเมธาพันธ์ โพธิธีรโรจน์ เลขาธิการสมาคมนักวิชาการเพื่อพระพุทธศาสนา(สนพ) กล่าวถึงกรณีที่พระพุทธะอิสระ วัดอ้อน้อย รับคำท้าดีเบตของตน ว่า ตนยืนยันคำเดิมขอท้าดีเบต กับนายไพบูลย์ นิติตะวัน อดีตประธานคณะกรรมการปฏิรูปแนวทางและมาตรการปกป้องพิทักษ์พระพุทธศาสนา สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) และพระพุทธะอิสระ ส่วนเงื่อนไขการดีเบตของพระพุทธะอิสระ บางข้อ อาทิ พระพุทธะอิสระมองว่าตนถือศีลแค่ 5 ข้อ แต่พระพุทธะอิสระถือศีล 227 ข้อ ไม่เหมาะที่จะดีเบตกันเพราะศีลไม่เสมอกันนั้น เรื่องดังกล่าวตนมองว่า พระพุทธเจ้าทรงตรัสไว้ในโอวาทปาฏิโมกข์ ผู้ที่กล่าวอ้างจาบจ้วงทำร้ายผู้อื่นไม่ถือว่าเป็นพระ และการใช้เวทีกลางในการดีเบต ตนขอใช้เวทีใดก็ได้ ไม่จำเป็นต้องเป็นเวลาทีกลาง หรือจะไปที่วัดอ้อน้อยเลยก็ได้ อย่างไรก็ตาม ตนขอยืนยันหัวข้อในการดีเบต ยังอยู่ใน 4 ประเด็นเช่นเดิม เพราะตนมีหลักฐานที่จะยืนยันทุกประเด็น ส่วนกรณีที่นายไพบูลย์ อ้างว่าไม่ขอดีเบตกับตนเพราะเป็นมวยคนละรุ่นนั้น ขอแจงว่าตนเคยดีเบตกับนายไพบูลย์มาแล้วถึง 2 ครั้ง และเสียงส่วนใหญ่มองว่า นายไพบูลย์ กลัวแพ้ดีเบตเหมือนครั้งที่ผ่านมา จึงไม่กล้าดีเบตกับตน

(ขอบคุณข่าวจากมติชน)
https://www.matichon.co.th/news/88293
……………………………………………………

สัญชาติคางคก ยางหัวไม่ตก ไม่รู้สึก
๓๐ มีนาคม ๒๕๕๙

หลังจากนายเมธาพันธ์ โพธิธีรโรจน์ ทำปากกล้าขาสั่นออกมาท้าฉันและคุณไพบูลย์ดีเบตเหยงๆ

แต่พอพุทธะอิสระรับคำท้า

แล้วปรารถว่า หากจะดีเบตกับพวกกระล่อนที่ศีลห้ายังมีไม่ครบ แล้วจะมีอะไรรับรองว่าคำพูดของคนปลิ้นปล้อนจะมีคนรับผิดชอบ นี่ไม่ใช่เงื่อนไข และเป็นเพียงคำปรารถ
https://www.matichon.co.th/news/87785

และฉันก็คิดว่าใครๆ ก็คงจะอ่านและฟังรู้เรื่อง

ไม่คิดเลยว่าคนที่มีดีกรีเป็นถึงผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดอกเตอร์ด้านภาษาศาสตร์ รองคณบดีคณะมนุษย์ศาสตร์ และมหาเปรียญ ๖ จะอ่านและฟังไม่เข้าใจ

ส่วนเงื่อนไขจริงๆ นั้นคือ

๑. ไม่อาจนำเอารายละเอียดของคดีพระลิขิตและคดีทุจริตงบประมาณของมหาเถรและสำนักพุทธมาพูดคุยได้ ด้วยเพราะคดีอยู่ในขั้นตอนกระบวนการยุติธรรม

๒. การดีเบตครั้งนี้จะต้องยึดถือตามหลักพระธรรมวินัย โดยนำพระไตรปิฎกมาวางบนโต๊ะเฉพาะหน้า เปิดพระไตรปิฎกกันหน้าต่อหน้า

หากใครพูดผิด บิดเบือนและทำลายหลักการของพระบรมศาสดาจะต้องรับผิดชอบ

๓. ต้องเชิญกรรมการกลางโดยมีผู้ตรวจการแผ่นดินรัฐสภาและตัวแทนของสถาบันตุลาการมานั่งเป็นประธาน และทำการวินิจฉัยตัดสินว่าใครถูก ใครพูดผิดไปจากหลักธรรมวินัย

๔. ต้องทำการดีเบตในสถานที่ๆ เป็นส่วนกลาง ให้ผู้คนสามารถเข้ารับฟังได้

๕. ต้องมีการถ่ายทอดสดไปทั่วประเทศ โดยขอให้รัฐบาลเป็นเจ้าภาพ

๖. หากพุทธะอิสระพูดผิด บิดเบือนพระธรรมวินัย ยินรับผิดชอบในทุกกรณี

๗. หากนายเมธาพันธ์ พูดผิด บิดเบือนพระธรรมวินัย ก็ต้องรับผิดชอบในทุกกรณี

๘. ให้ทั้งสองฝ่ายทำหนังสือสัญญาก่อนเข้าดีเบต โดยมีใจความในหนังสือนั้นว่า

ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดหากพูดผิดบิดเบือน ผิดธรรม ผิดวินัย ไม่ตรงประเด็น

ถ้าเป็นความผิดพลาดของพุทธะอิสระ ก็พร้อมที่จะยุติการคัดค้านว่าที่ตำแหน่งพระสังฆราช และยินดีสึกจากความเป็นพระภิกษุในพระพุทธศาสนา พร้อมจะรักษาศีล ๘ ตลอดชีวิต

แต่หากนายเมธาพันธ์ โพธิธีรโรจน์ พูดผิดบิดเบือนคลาดเคลื่อนไปจากหลักธรรมวินัย นายเมธาพันธ์ก็ต้องรับผิดชอบ

โดยการลาออกจากทุกตำแหน่งของการเป็นอาจารย์สอนในมหาลัยสงฆ์ทั้ง ๒ แห่ง และห้ามเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับกระบวนการศึกษาของชาติตลอดชีวิต เพราะอาจจะนำเอาเชื้อมิจฉาทิฏฐิไปเสี้ยมสอนให้ผู้อื่นติดโรคมิจฉาทิฏฐิไปด้วย

เหล่านี้ต่างหากที่เป็นเงื่อนไข

ขอย้ำว่าการที่เฮียมีศีลห้าไม่ครบนั้น ไม่ใช่เงื่อนไข แต่เป็นเหตุให้ต้องตั้งเงื่อนไข

ถามเฮียจริงๆ เถิดว่า ตอนเฮียบวช เฮียไม่เคยศึกษาอริยสัจ ๔ และปฏิจสมุปปันธรรมเลยหรือ

จึงไม่รู้ว่าอะไรเป็นเหตุ อะไรเป็นผล

ฉันอดคิดต่อไม่ได้นะว่า คนระดับรองคณบดีอย่างเฮียเมธาพันธ์ไม่สามารถแยกแยะเหตุและผลได้ แล้วลูกศิษย์ของเฮียจะรู้เหตุรู้ผลกับเขาไหมล่ะเนี่ย

ไม่แปลกใจเลย ที่มีภิกษุอดีตนักศึกษาของมหาวิทยาลัยสงฆ์ทั้งสองแห่งบางรูปออกมาหลับหูหลับตาโชว์โง่จะขับไล่พุทธะอิสระออกจากสังฆมณฑล โดยใช้วิธีอุกเขปนียกรรม คือกรรมแห่งการวางเฉยต่อผู้ว่ายากสอนยาก

ทั้งที่มันผิดหลักธรรมวินัย แต่คนพวกนี้ก็ยังทำ ถ้างั้นก็เอาที่สบายใจแล้วกันนะเฮีย

มาพูดถึงการแถกแถของเฮียดีกว่า

ที่เฮียออกมาแถกแถพูดนี่โน่นนั่นเสียจนคนฟังเฮียเขาเริ่มงง

นี่คงจะเป็นกลอุบายของเฮียหรือเปล่า

หรือแค่โชว์โง่เฉยๆ

หรือว่าป๊อด

ไม่เห็นเฮียพูดถึงข้อเสนอเงื่อนไขที่ให้รับผิดชอบต่อคำพูดในการดีเบตของตนเลย

มิหนำซ้ำยังทำปากกล้าขาสั่นออกมาผายลมฟูดฟาดว่าจะยังต้องการดีเบตกับพุทธะอิสระ

แต่ก็อ้อมแอ้มไม่เต็มปากเต็มคำเหมือนเมื่อครั้งแรก

ที่จริงฉันคิดอยู่แล้วว่า การลดตัวลงมาเล่นกับพวกปลิ้นปล้อนอย่างพวกเฮียนี่มันไม่ต่างอะไรกับคำพังเพยที่ว่า

“เล่นกับหมา หมาเลียปาก
เล่นกับสาก สากตีหัว
เล่นกับขี้ ขี้เปื้อนตัว”

แต่ขอบอกพวกเฮียว่าคนอย่างพุทธะอิสระ พญาราชสีห์แห่งเวทีแจ้งวัฒนะ

ไม่เล่น แต่เอาจริง ต้องการกำจัดขยะแผ่นดิน ขยะพระธรรมวินัยจริงๆ

ขอแนะนำเฮียว่า หากไม่กล้าแลก

ก็ตีเนียนเงียบเฉยไปเถิด อย่าออกมาโชว์โง่และความขี้ขลาดอีกเลย อายเขา อายเขา

พุทธะอิสระ