บทความ
วันนี้มาจัดให้ว่าที่สังฆราชและสำนักพุทธอีก ๑ ดอก
๒๓ มีนาคม ๒๕๕๙
นำเอาหลักฐานการเบิกจ่ายเงินอุดหนุนการปฏิบัติศาสนกิจประจำตำแหน่งสมเด็จพระสังฆราช ประจำปี ๕๖-๕๘ ปีละ ๒๓ ล้านบาท
ที่มีข้อสงสัยว่าจะเบิกจ่ายงบประมาณอย่างผิดระเบียบ
เพราะตั้งแต่ปี ๕๕ ต่อ ๕๖ และ ๕๗ เป็นที่ทราบทั่วกันว่า เจ้าพระคุณสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช ได้ทรงพระประชวร
และมีการตั้งองค์คณะผู้ปฏิบัติหน้าที่ขึ้นในปี๔๗
เงินอุดหนุนศาสนกิจประจำตำแหน่งที่ต้องได้รับพระกรุณาโปรดเกล้าแต่งตั้งนี้ ไม่ควรจะมีการเบิกจ่ายออกไป
เหตุด้วยองค์คณะผู้ปฏิบัติหน้าที่และผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนยังมิได้รับพระมหากรุณาโปรดเกล้าแต่งตั้งให้เป็นสมเด็จพระสังฆราช จึงยังไม่มีสิทธิที่จะใช้จ่ายเงินงบประมาณก้อนนี้ตามระเบียบการเบิกจ่ายเงินงบประมาณแผ่นดิน
แต่เท่าที่มีการโจทก์ขานกันว่า เงินอุดหนุนให้พระสังฆราชทรงปฏิบัติศาสนกิจได้ถูกเบิกจ่ายมาตั้งแต่ปี ๕๕-๕๘
จะจริงเท็จอย่างไร เรื่องนี้ฉันได้นำเอาข้อมูลหลักฐานไปยื่นให้ผู้ตรวจการเงินแผ่นดินทำการตรวจหาข้อเท็จจริง แล้วแจ้งให้สังคมได้รับทราบสืบไป
อีกทั้งได้ไปทวงถามในประเด็นที่มหาวิทยาลัยสงฆ์ทั้ง ๒ แห่ง ได้เบิกจ่ายงบประมาณนำไปใช้อย่างถูกต้องตามระเบียบการเบิกจ่ายเงินงบประมาณแผ่นดินหรือไม่
ซึ่งฉันได้ไปยื่นเรื่องเอาไว้ตั้งแต่ปีที่แล้ว วันนี้เลยถือโอกาสมาทวงถามและขอคำชี้แจงเป็นลายลักษณ์อักษร เพื่อจะได้นำเอาเอกสารไปดำเนินการยื่นให้ ป.ป.ช. ตรวจสอบอีกขั้นหนึ่ง
https://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1425628016
https://www.dailynews.co.th/politics/312839
แถมด้วยข้อมูลดิบของการเบิกจ่ายงบอุดหนุนวัดของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ โดยความเห็นชอบของมหาเถรสมาคม
มีข้อมูลว่า มีการอนุมัติงบกระจุกอยู่เฉพาะในส่วนกลางและวัดบางวัดที่มีสายสัมพันธ์อันดีกับกรรมการมหาเถรหรือสนิทสนมกับเจ้าหน้าที่สำนักพุทธ
แล้วมีการตามไปขอเงินทอน ๒๕-๕๐%
เรื่องนี้มีพยานบุคคลที่เป็นผู้เสียหายพร้อมที่จะเป็นพยานให้
คุณพิศิษฐ์ ลีลาวโรภาส ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน ได้กล่าวขึ้นท่ามกลางนักข่าวหลายสำนักว่า ไม่ใช่ ๒๕-๕๐% ครับ แต่มีการเรียกเงินทอนกันถึง ๘๐% ของเงินงบประมาณที่อนุมัติให้แต่ละวัดในภาคใต้
ท่านประธานตรวจเงินแผ่นดินยังกล่าวว่า เนื่องด้วยสถานการณ์ทางภาคใต้มีปัญหาเรื่องการดำรงชีพของพระภิกษุในแต่ละวัด
ทางภาครัฐจึงอนุมัติเงินอุดหนุนให้แต่ละวัดเป็นจำนวนมาก
แต่เงินนั้นถึงมือของพระแต่ละวัดแค่ ๒๐% ที่เหลือโดนเรียกเงินทอน
ซึ่งทาง สตง. เขาได้ทำการตรวจสอบและขยายผลจนสามารถจับกุมข้าราชการสำนักพุทธได้คาหนังคาเขาดังที่เป็นข่าว
https://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1440226321
วันนี้ท่านมาร้องเรียนเพิ่มเติม เราก็จะนำมาเปิดประเด็นตรวจสอบในทุกภูมิภาคต่อไป
ฉันได้ขอร้องท่านประธาน สตง. ว่า ช่วยกรุณาเร่งรัดนำหลักฐานเอกสารที่นำมาให้ไปพิจารณา เพื่อหาตัวคนผิดมาลงโทษให้ได้ดังเจตนารมณ์ของ สตง. ที่มีอยู่
พุทธะอิสระ
(ขอบคุณข่าวอ้างอิงจาก มติชน และ เดลินิวส์)