เอาล่ะซิ แล้วจะทำยังไงกันล่ะหลวงพี่แป๊ะ

0
81

บทความ

เอาล่ะซิ แล้วจะทำยังไงกันล่ะหลวงพี่แป๊ะ

๙ มีนาคม ๒๕๕๙

090359-บทความ-เอาล่ะซิ-แล้วจะทำยังไงกันล่ะหลวงพี่แป๊ะ

ขออนุญาตแชร์นะจ๊ะ

………………………….
อู่วิชาญร้องขอทนายสู้คดี “หลวงพี่แป๊ะ”ฟ้อง10ล้าน | เดลินิวส์

อู่วิชาญร้องขอทนายสู้คดี “หลวงพี่แป๊ะ”ฟ้อง10ล้าน เจ้าของ“อู่วิชาญ”ร้องกรมคุ้มครองสิทธิฯ ขอทนาย-คุ้มครองพยาน หลังถูกร้องเรียกค่าเสียหาย 10 ล้าน ฐานผู้ขายเบนซ์ผิดกฎหมายให้พระ ยันไม่ใช่คนขาย แค่คนซ่อม และไม่เคยมีชื่อเป็นเจ้าของรถ

วันอังคารที่ 8 มีนาคม 2559 เวลา 12:17 น.

เมื่อวันที่ 8 มี.ค. ที่กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ นายวิชาญรัษฐปานะ เจ้าของอู่วิชาญ เดินทางเข้ายื่นเรื่องขอรับความช่วยเหลือจากกรมคุ้มครองสิทธิฯ หลังถูก พระมหาศาสนมุนี หรือ หลวงพี่แป๊ะ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดปากน้ำภาษีเจริญ และเลขานุการสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ หรือสมเด็จช่วง ฟ้องเรียกค่าเสียหายต่อศาลจังหวัดตลิ่งชัน เป็นเงิน 10 ล้านบาทสืบเนื่องจากที่มีการระบุว่า นายวิชาญ เป็นผู้ขายรถที่ผิดกฎหมายให้ โดย นายวิชาญ กล่าวว่า วันนี้ตนได้ยื่นขอรับความช่วยเหลือเรื่องการจัดหาทนาย ค่าธรรมเนียมศาล และขอคุ้มครองพยาน เพราะไม่มั่นใจว่าการที่ตนถูกฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายครั้งนี้เป็นการคุกคามหรือไม่ ยืนยันว่าตนรับหน้าที่เพียงการซ่อมรถเท่านั้น ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการทำเอกสารเท็จในการยื่นจดประกอบไม่ได้เป็นเจ้าของเครื่องยนต์ ตัวถังอะไหล่ทั้งหมด ดังนั้นเมื่อตนไม่ได้เป็นเจ้าของรถ จึงไม่สามารถรับรถคืนมาได้ ย้ำว่าตนแค่รับจ้างซ่อมรถ ไม่เคยมีชื่อครอบครองรถ และไม่ได้เป็นผู้ขายรถให้ เงินค่าจ้างรวม 1.5 ล้านบาท ไม่ได้เป็นการจ่ายเพียงงวดเดียว แต่ทยอยจ่ายเป็นงวดตามรายการสั่งซ่อมหากข้อเท็จจริงตรงนี้เป็นความผิดก็ต้องฟ้องผู้ซ่อมทุกราย เพราะอู่วิชาญเป็นเพียงศูนย์กลางในการจ่ายงานไปยังอู่ต่างๆ เช่น ซ่อมตกแต่งเบาะ ซ่อมท่อไอเสีย ระบบช่วงล่าง ยางรถยนต์

นายวิชาญ กล่าวต่อว่า ถึงวันนี้ยังเชื่อว่าสมเด็จช่วง หลวงพี่แป๊ะ รวมถึงตนก็ไม่รู้ว่ารถผิดกฎหมาย เพราะทุกขั้นผ่านการตรวจสอบและรับรองจากกรมการขนส่งทางบกและกรมสรรพาสามิตการติดตั้งระบบก๊าซของรถยนต์ก็ทำอย่างถูกต้องตามขั้นตอนของกฎหมาย แต่เมื่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) มีหลักฐานระบุว่าในขั้นตอนการจดประกอบ มีการทำเอกสารเท็จ ก็ต้องไปดำเนินการกับผู้จัดทำเอกสาร ทั้งนี้ ขั้นตอนการจัดทำเอกสารเป็นขั้นตอนหลังรถออกจากอู่ไปแล้ว ดังนั้นจึงไม่เข้าใจว่าเหตุใดตนจึงถูกฟ้อง ขณะที่ หจก.อ๊อด 89 เอ็นเตอร์ไพรส์ ซึ่งเป็นผู้นำเข้าอะไหล่และตัวถังกลับไม่ถูกดำเนินการไปด้วย ที่ผ่านมาตนเคยเตือนว่ารถคันดังกล่าวเป็นรถของผู้ใหญ่ ควรดำเนินการให้ถูกต้องตามขั้นตอน ยืนยันว่าไม่เคยหลอกขายรถคันดังกล่าว เพราะตนไม่ใช่เจ้าของรถ การจ่ายเงินก็เป็นค่าซ่อมที่ทยอยจ่ายเป็นงวด เชื่อว่าเรื่องจริงก็คือเรื่องจริง

“วันหนึ่งเขามาพึ่งพาผมให้ผมซ่อมรถให้เขา อีกวันหนึ่งบอกผมเป็นโจรเอารถมาหลอกขาย วันหนึ่งมาให้ผมเป็นธุระเป็นตัวกลางรับเงินให้ไปจ่ายเพื่อให้เขาสะดวกจ่ายเงินจุดเดียว ผมไม่ใช่เจ้าของรถ ไม่มีสักวินาทีเดียวที่เป็นเจ้าของรถคันนี้ ผมไม่ใช่เจ้าของเครื่องยนต์และบอดี้รถ ไม่ได้ดำเนินการเรื่องจดประกอบ ทำแค่รับซ่อมให้รถใช้งานได้” นายวิชาญ กล่าว.“

(ขอขอบคุณข่าวจากเดลินิวส์)
https://www.dailynews.co.th/crime/384403
………………………….

ขอส่งสัญญาณบอกคุณวิชาญว่า หากไม่มีทนาย ฉันยินดีจัดหาให้โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใดๆ เลย

เพราะฉันเชื่อโดยบริสุทธิ์ใจว่าคุณบริสุทธิ์ และโดนฟ้องแก้เก้อเท่านั้น

แต่ไอ้ที่เลวร้ายก็คือ ผู้ฟ้องช่างไม่ละอาย ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่ารถคันนี้เป็นของใคร ซื้อมาจากไหน

อีกทั้งตนเองก็เคยออกมายอมรับว่า ตนเป็นผู้ซื้อรถคันนี้มาถวายแก่สมเด็จช่วงเจ้านายตนเอง

ผู้คนเขารู้กันไปทั่วแผ่นดิน

แต่พอมาวันนี้ เพื่อความอยู่รอดถึงขนาดต้องฟ้องแก้เก้อเพื่อเอาตัวรอด

แล้วมันจะรอดแน่ล่ะหรือ

ที่ฉันพูดฉันเขียนมานี้ เพราะฉันใช้สิทธิในการเป็นผู้ลงนามแจ้งความร้องทุกข์แก่ดีเอสไอ นะจะบอกให้

พุทธะอิสระ