บทความ
คุณเขียนได้ดีมาก ขอแจมนะจ๊ะ
พุทธะอิสระ
“เดินไม่ตรง” อย่าโทษ “ทางคด”
วันศุกร์ที่ 26 กุมภาพันธ์ 2559
เรื่องดีน่ะ ไม่มีหรอก โผล่มาทีไร เอาปูนคาดได้เลย ต้องเป็นเรื่องจัญไรต่อบ้านเมืองทีนั้น!
แล้วปีนี้อายุเท่าไหร่ล่ะ ถึงได้เลอะยังชื่อจิ๋ว ก็ดีอยู่……
คงอยากเปลี่ยนเป็นชื่อโฉลกซีท่า เห็นทักษิณแพลมเท่านั้นแหละ งกๆ เงิ่นๆ ออกมาหิ้วกระเป๋าตามทันที?
ที่บอกให้นายกฯ ประยุทธ์สละอำนาจ จัดให้มีเลือกตั้ง เพื่อให้มีรัฐบาลเลือกตั้งภายในปี ๒๕๕๙ โดยอ้างว่า……
“คสช.บริหารงานมาครบ ๒ ปี แนวโน้มนำไปสู่ความขัดแย้งในบ้านเมืองยิ่งขึ้น ทั้งเรื่องปัญหาเศรษฐกิจที่ประชาชนเดือดร้อน เศรษฐกิจเข้าสู่ยุคเงินฝืด ประชาชนขาดกำลังซื้อ การส่งออกลดลงอย่างรุนแรง” นั้น
จิ๋วเอาตูดพูดสอพลอแม้วหรือไง?
รู้เปล่า การเอาตูดพูด ทำให้คนที่กำลังเบื่อนายกฯ เจ้าอารมณ์ ต้องหันมาทำใจ “กอดขอนไม้” ไว้
เพราะยังไง ก็ยังดีกว่า เปิดช่องให้ “เหลือบฝูงเก่า” ลอดรู “เลือกตั้งใหม่” เข้ามาในช่วงเวลาขณะนี้!
ไขกระดูกผุจนหลงแล้วซีท่า จึงไม่อายปากที่ตำหนิรัฐบาล คสช.เรื่องเศรษฐกิจ?
จำไม่ได้หรือ “ต้มยำกุ้ง” ปี ๔๐ น่ะ…..
เหตุจากริยำตัวไหน?
นั่นก็ยังยกไว้ ที่น่าเชือดเหนียงตัวเองตายเป็นการ “ขมาโทษ” คนไทยทั้งประเทศ ก็ในกรณี……
หมาตัวไหนหน้าอูมๆ ปล่อยข้อมูลลับ “ลดค่าบาท” ที่รู้กันเฉพาะ ๒-๓ คน ไปถึงหูหมาตัวไหนหน้าเหลี่ยมๆ
แล้วใช้ข้อมูลลับนั้น เอาเงินบาทไปกว้านซื้อดอลลาร์ทั้งใน-นอกประเทศเป็นการใหญ่ เรียกว่า “ทุบค่าเงินบาท”!
พอรัฐบาลประกาศลดค่าบาทตูม เมื่อ ๒ ก.ค.๔๐ จาก ๑ เหรียญสหรัฐ ต่อ ๒๕-๒๖ บาทไทย
หล่นฮวบไปที่ ๑ เหรียญสหรัฐ ต่อ ๕๖ บาทไทย!
ล้มละลาย-ฉิบหาย “หนี้ท่วมหัว” กันทั้งประเทศ แต่กลับมีบริษัทหนึ่ง-แก๊งหนึ่ง รวยกันทันตาเห็นหลายพันล้านจากค่าแลกเปลี่ยนเงิน
จิ๋วเลอะเลือน จนจำไม่ได้แล้วซีท่า….
เรื่องจะด่า คสช.โดยไม่เข้าตัวมีเยอะแยะ ไม่หยิบมาด่า แต่คงด้วยสมองลากะโหลกไปนานแล้วนั่นแหละ ดันหยิบเอาเรื่องเศรษฐกิจมาด่า?
แล้วมัน “รักชาติ” หรือ “รกชาติ” ที่พูด….
“……ขณะนี้ ในพื้นที่ภาคใต้ มีองค์กรชื่อว่า “แบล็กสวอน” หรือ “เหยี่ยวดำ” เกิดขึ้น ทราบว่า เป็นของกลุ่มไอซิส ไม่รู้ว่า รัฐบาลทราบหรือยัง…..” นั่นน่ะ?
จะจริง-ไม่จริง เป็นอีกเรื่องหนึ่ง…..
ที่แน่ๆ มันสมควรมั้ย กับการนำมาพูด?
กับที่ “จิ๋วรู้จริง-เห็นจริง-ทำจริง” ในพื้นที่ภาคใต้น่ะ ทำไมไม่พูด ไม่เล่าสู่กันฟังเป็นการสารภาพบาปมั่งล่ะ?
ทักษิณเคยสั่งให้ไปปราบ…..
สั่งเหมือนถุยน้ำลายใส่หน้าลูกพี่ที่กลายเป็นขี้ข้า…ไม่สำเร็จอย่ากลับมาให้เห็นหน้า นั่นน่ะ เรื่องตัวเองแท้ๆ ทำเลอะเลือนนะ?
เมื่อวาน จิ๋วพูดถึงตัวเองว่า “ในฐานะนายทหารรุ่นพี่”!
อืมมมมมม….น่าคิด-น่าเป็นห่วง
การยกความเป็นรุ่นพี่ทางทหารขึ้นมาอวด ทุกวันนี้…เป็นการอวด หรือการประจาน…ต้องคิดหนัก?
นายทหารนั้น เมื่ออยู่ในเครื่องแบบ-ในกองทัพ ทรงภูมิ ดูสง่า-น่าเกรงขาม
แต่มาก-ต่อมาก….
พอเข้ามาในแวดวงการเมือง อันเป็น “ภาคปฏิบัติ” แทนการ “สั่งปฏิบัติ” ที่ชินในภาคทหาร จะกลับตรงกันข้ามชนิด ๓๖๐ องศา
ไม่ต้องดูไกล เอาแค่ในยุคนี้แหละ……
อย่างพลเอกสนธิ บุณยรัตกลิน พลเอกชัยสิทธิ์ ชินวัตร พลเอกพัลลภ ปิ่นมณี และอีกหลายสิบนายพล เป็นตัวอย่าง
ฉะนั้น ก็หวังว่า อีก ๑๐-๒๐ ปีข้างหน้า….
นายพลตู่ อย่าเป็นอย่าง นายพลจิ๋ว ก็แล้วกัน จะเสียสถาบันกองทัพ เมื่อเข้าสู่สถาบันบริหารและรัฐสภาที่เรียก “การเมือง”!
เรื่อง “ร่างรัฐธรรมนูญ” สู่การเลือกตั้งปี ๖๐ นั้น ที่พัลวัน-พัลเก ทั้งที่ไม่ควรเป็นนั้น ผมดูแล้ว มาจากเหตุเดียว
เหตุจาก…คนไข้ คือ “คสช.”….
ไม่บอกอาการโรคกับหมอ คือ “กรธ.” แบบตรงๆ ว่าที่เป็น-ที่ต้องการให้รักษา มันคือแบบไหน-อะไร-ตรงไหน หมอเขาจะได้วินิจฉัยและประกอบยา-สั่งยา ให้ตรงกับโรคแต่แรก
ทำเป็นอ้ำๆ อึ้งๆ แบบ “สมภารกลัวบาป”…รัฐบาลไม่ยุ่ง-ไม่เกี่ยว-ไม่สั่ง ให้เขาไปร่างกันเองตามกรอบรัฐธรรมนูญชั่วคราวที่มีอยู่แล้ว
แต่ในใจ…..แล้วเขาจะเชือดไก่ใต้ถุนกุฏิแกงมาถวายหรือเปล่าน้อ…!?
เหตุนั้น กรธ.โดยอาจารย์มีชัย จึงปรุงยาที่เรียกว่า “ร่างรัฐธรรมนูญ” ไปตามสูตร ตามประสบการณ์ และมั่นใจว่า…
สูตรนี้กินกะได ทากะได หายแน่ ไม่ตายแล!
แต่พอจะเสร็จ-มิเสร็จแหล่ คนไข้ทำอู้อี้เหมือนถูกผีอำ กระซิบฝากไปถึงหมอ…ยังไม่อยากหาย ช่วยปรุงยาเลี้ยงไข้ไปซัก ๕ ปีได้มั้ย?
ต้องการแบบไหน แค่ไหน จะเอาอะไร บอกให้หมดเปลือกไปแต่แรก มันก็เรียบร้อยเขาชะโงกไปแล้ว
แต่นี่…ทีละขยัก-สองขยัก ปากก็โรดแมป บันได ๓ ขั้น ๔ ขั้น อาจารย์บวรศักดิ์เคยปรุงสูตร “กก.ยุทธศาสตร์” ให้ เหมือนถูกใจ แต่ยังไม่อยากมีเลือกตั้งตอนนั้น
เอ้า…ก็คว่ำกันไป ใคร-เป็นใคร บัญชาการ มีแต่งั่งเท่านั้นที่ดูไม่ออก!
ครั้นอาจารย์มีชัยเข้ามาประกอบยาใหม่ ด้วยสูตร ๖-๔-๖-๔
อ้าว…ไม่เอา ไม่ชอบ อยากให้เป็นสูตร ๕-๕-๕-๕ ขึ้นมาอีก!
แบบนี้……..
หลวงพี่แป๊ะ เดาใจสมเด็จช่วงได้…
แต่หลวงพี่มีชัยและหลวงน้องวิษณุ พายเรือตามแป๊ะ ไม่ได้-ไม่ถูกจริงๆ!
จริงที่เป็นจริง….
ในหลัก “ทำ” การเมือง เพื่อ “สร้างบ้าน-สร้างเมือง” ไม่ใช่ “เล่น” การเมือง เพื่อ “กินบ้าน-กินเมือง”
ไม่ต้องให้เขาไปร่างประชาธิปไตย ๒ ขยัก ๓ ขยักหรอก ปล่อยให้มันเป็นไปตามธรรมชาติ ให้ กรธ.คณะอาจารย์มีชัยเขา “ปล่อยของ”
เลือกตั้งกันกลางหรือปลายปี ๖๐ ด้วยร่างรัฐธรรมนูญ “ประชาธิปไตยขยักเดียว” อย่างที่เขาร่างกันมานี่แหละ!
ในความเห็นผม ร่างให้เสร็จ แล้วให้ประชาชนลงประชามติ “เอา-ไม่เอา” กันตามกำหนด
ไม่ต้องไปมีนั่งร้าน ๕ ปี ๑๐ ปี ครอบรัฐบาลเลือกตั้งให้ทุเรศ-ทุรังหรอก เหตุผลของผมคือ
ประชามติครั้งนี้ “เอา-ไม่เอา” ร่างรัฐธรรมนูญ เป็นเหตุผลรอง
เหตุผลหลัก ๙๙.๙๙ เปอร์เซ็นต์ คือ
“เอา-ไม่เอา” รัฐบาล คสช. คือพลเอกประยุทธ์
เอา-ไม่เอา “ระบอบทักษิณ” คือนายทักษิณ!
เนี่ย…ง่ายๆ ชัดๆ ตรงๆ ไม่ต้องอ้อมค้อม-โยกโย้ ให้น่ารำคาญ การทำประชามติในร่างรัฐธรรมนูญ ถ้ามีในเดือนกรกฎา-สิงหา นี้
ชัดๆ คือแบบนี้!
ดังนั้น ถ้ารัฐบาล คสช.ต้องการ “ทำ” การเมืองเพื่อสร้างบ้าน-สร้างเมืองจากที่เริ่มไว้แต่ ๒๒ พ.ค.๕๗ ไม่ให้เสียของ
หน้าตั้ง อกตึง ไหล่ผึ่ง ดึงเป้า แล้วเดินหน้า…ลุยไปเลย!
ตั้งพรรคการเมือง ประกาศเจตนารมณ์ จะส่งคนลงแข่งขันในสนามเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญ ฉบับที่ผ่านประชามตินั่นแหละ
ได้ยินพูดทุกวัน…….
ร่างรัฐธรรมนูญเพื่อสนองชีวิตความเป็นอยู่ประชาชน จึงฟังประชาชน ไม่ฟังนักเลือกตั้ง ๒ พรรค ๓ พรรค หรือพวกออกแขกขาประจำที่เวียนอยู่ไม่กี่คน
เมื่อแน่ใจว่าประชาชนเอาเรา…ประชาชนสนับสนุนนายกฯ ลุงตู่ อย่างที่เห็นตามโพล ผลออกมาทีไร เอาลุงตู่ ๗๐-๘๐% ขึ้นทั้งนั้น
ฉะนั้น…ด้วย “ทำ” การเมือง กับ “เล่น” การเมือง
ลงสนามเลือกตั้ง ให้ประชาชนชี้ขาดไปเลย อยากให้นายกฯ ประยุทธ์อยู่ต่อ-ทำต่อ เลือกพรรคประยุทธ์
อยากให้ระบอบทักษิณกลับเข้ามา “เล่น” การเมือง เพื่อกินบ้าน-กินเมือง เลือกพรรคระบอบทักษิณ
เท่าเนี้ย…สะเด็ดน้ำกันไป เมื่อประชาชนตัดสินใจเลือก รัฐบาลจากรัฐธรรมนูญจะทำอะไร-แบบไหนตามนโยบาย “ด้วยสุจริตเป็นที่ตั้ง”
ใครวอแว…คราวนี้ ไม่ต้องวีนผ่านนักข่าว
กระทืบ “ตรงตัว” มันไปเลย!!
(ขอขอบคุณบทความจาก เปลว สีเงิน และ ไทยโพสต์)