บทความ
เขียนได้เสียวไส้ติ่งตับมาก ขออนุญาติแชร์นะคุณ
พุทธะอิสระ
เมื่ออลัชชีประกาศ ‘เสือโล้นบุก’
วันพุธที่ 24 กุมภาพันธ์ 2559
เมื่อถูกคดีทางบ้านเมือง……….
“ถ้าเป็นพระ” ท่านจะใช้ “ทางธรรม” เข้าข่ม
“ถ้าเป็นอลัชชี” มันจะใช้ “ทางโจร” เข้าขย่ม!
กรณี ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค ๗ บอกจะเรียกผู้เกี่ยวข้องเหตุการณ์ชุมนุมที่พุทธมณฑล เมื่อ ๑๕ ก.พ.๕๙ มารับทราบข้อหา ๔ ข้อ
และในจำนวนนั้น อาจมี “เมธีธรรมาจารย์” หรือประสาร ผู้โล้นคลุมเหลืองให้เห็นว่าเป็นพระรวมอยู่ด้วย
เขาคนนี้ ทั้งไม่เคารพ ไม่เอื้อเฟื้อ ไม่เชื่อฟัง “คำสั่ง” พระบรมศาสดาเจ้า ที่ตรัสไว้ก่อนเสด็จดับขันธปรินิพพานว่า
“ธรรมก็ดี วินัยก็ดี ที่เราแสดงแล้ว บัญญัติแล้วแก่พวกเธอทั้งหลาย ธรรมวินัยนั้น จักเป็นศาสดาของพวกเธอทั้งหลายโดยกาลล่วงไปแห่งเรา”
แต่กลับประพฤติเยี่ยงอลัชชี……..
ไปฝักใฝ่ มั่วสุม เคารพ-เชื่อฟัง “ระบอบทักษิณ” ที่ประกาศล้มชาติ-ล้มสถาบัน เปลี่ยนประเทศเป็น “แดงทั้งแผ่นดิน”!
“ศีล-สมาธิ-ภาวนา” ไม่พร่ำบ่น!
แต่ดันไปปฏิบัติในหน้าที่นอกรีต-นอกรอยสมณะ รวมหัวดำ-หัวเหลือง ตั้งศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนา ให้เป็น “เนื้องอก” คณะสงฆ์ ตัวเองเป็นเลขาฯ
แล้วก็ใช้ศูนย์และตำแหน่งนอกรีตนั้น…….
เป็นไปเพื่อพิทักษ์ระบอบทักษิณ เป็นไปเพื่อพิทักษ์ธัมมชโย เป็นไปเพื่อพิทักษ์เจ้าของเบนซ์เถื่อน ขม ๙๙!
เหล่านี้น่ะเรอะ เป็นเนื้อ-เป็นแก่นพระพุทธศาสนา ที่พวกเจ้าใช้ศูนย์บ้า-ศูนย์บอนี้พิทักษ์?
ความจริง เห็นใช้เป็นแหล่งสุมหัว “แดงทั้งแผ่นดิน” กันมาตั้งแต่ปี ๕๓ แล้ว
เห็นตัวพ่อ “มหาเปรียญ” ที่สึกหาลาเพศไปเป็นทหาร เป็นครูบาอาจารย์กลุ่มหนึ่ง สุมหัวใช้ศูนย์นี้หนุนระบอบทักษิณทางวิทยุ ตายไปทีละคน-สองคน
ก็ยังไม่สำนึกในบาป-ในกรรมกัน?
เป็นพระ…..
กิจอันพึงทำให้แจ้งด้วย “ศีล-สมาธิ-ภาวนา” ในอริยสัจ ๔ ด้วยเคร่งครัดในพระธรรม-วินัย
นี้ คือ….
“การพิทักษ์พระพุทธศาสนา” โดยธรรม-โดยวินัย ตามพุทธบัญญัติโดยตรง!
ไม่ต้องเสือกเกินกรอบ……
ไปตั้งศูนย์เป็น “กองกำลังเหลืองนอกกิจสงฆ์” เพื่อให้ตัวเองมีตำแหน่งนอกพุทธบัญญัติ อย่างที่ทำอยู่หรอก!
อีกทั้ง พลิก พ.ร.บ.คณะสงฆ์ “ทุกฉบับ” ก็ไม่เห็นมีมาตราไหนว่าให้พระต้องไปตั้งศูนย์นั่น-ศูนย์นี่ ในความหมายเพื่อพิทักษ์พระพุทธศาสนา?
“ธัมโม หะเว รักขะติ ธัมมจาริง”
“ธรรมย่อมรักษาผู้ประพฤติธรรม”
นั่นแค่กระทู้สำหรับนักธรรมชั้นตรี ผมท่องตอนเป็นเณร ยังจำได้ แต่จำไม่มีค่าเท่าทำ
ประสารเป็นอาจารย์มหาจุฬาฯ ใช่มั้ย เป็นรองเจ้าอาวาสวัดมหาธาตุฯ ใช่มั้ย เป็นมหาเปรียญใช่มั้ย เป็นหัวหน้าแก๊งโล้นยกรถทหารใช่มั้ย?
แล้วแค่โศลกธรรมแค่นี้ ยังไม่รู้..ไม่เข้าใจ..ไม่เข้าถึง
ยังจะทะลึ่งอ้าง ที่ทำนอกรีต-นอกรอย “ซึ่งทำลาย” พระพุทธศาสนาแท้ๆ นั้น ว่าเป็นการพิทักษ์พระพุทธศาสนา
แกมันโล้นเขาเกก….
ถ้าต้องการพิทักษ์พุทธศาสนาจริง กลับวัดมหาธาตุฯ ไป!
แล้วสมัครเข้าฝึกอบรมจิต เรียกใจแห่งสมณะคืน ที่คณะไหนผมก็ลืมไปแล้ว เคยแวะไปทำบุญอยู่ เขาเปิดสอนวิปัสสนา-กรรมฐาน ประเสริฐแท้
เบื้องหน้าคือหุบเหว กลับหลังหันคือฟากฝั่ง ประสาร…..
ดู หน้า-ตา, หัว-หู ตัวเองซิ มีราศีราสัน สมเป็นพระสงฆ์องคเจ้ากับเขาซะที่ไหน อย่างผมน่ะ ถ้าจะตกนรก ก็แค่สัญชีวมหานรก
แต่บวชเป็นพระ กลับประพฤติอลัชชี นอกรีต-นอกรอยพระธรรมวินัย ยิ่งฝักใฝ่เอาศาสนาไปรองรับโจรบ้าน-โจรเมือง และกิเลสบ้า-ตัณหาพระด้วยแล้ว
ต่อให้เป็นสมเด็จพัดยศร้อยยอด ถ้าทำตัวเป็นด้วงศาสนา ในจำนวน ๔๕๗ ขุมนรก
ลึกสุด “โลกันตรนรก” นั่นละ…จะไปตั้งสมาคม-ตั้งศูนย์กันอยู่ที่นั่น!
ไปคุกเข่าสำนึกบาปที่หน้าองค์ “พระศรีสรรเพชญ์” พระประธานในโบสถ์ ๗ วัน ๗ คืน นั่นเถอะ ไป๊…!
ที่กร่างอยู่เวลานี้ ยิ่งนับวัน ยิ่งหาธรรมไม่เจอ มีแต่ห่าทำ
ตำรวจเขาจะเรียกไปรับทราบข้อหา…..
โดยปกติ ขนาดโจรห้าร้อย อย่างเก่งก็หนี ที่จะหนังหนา-หน้าด้าน ใช้สันดานโจร “อหังการ-ราวี” กับอำนาจรัฐ ให้เป็นตัวอย่างเลว
โจรให้เกียรติกฎหมาย…ไม่ทำ
แต่ประสาร ที่เอาผ้าเหลืองคลุมร่าง ไม่ละอาย…ทำ!?
ดูเขาพูดก็ได้….เมื่อตำรวจบอกจะเรียกไปรับทราบ ๔ ข้อหา
๑.ละเมิด พ.ร.บ.ชุมนุมสาธารณะ
๒.ใช้เครื่องขยายเสียงโดยไม่ได้รับอนุญาต
๓.ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และ
๔.หมิ่นประมาท
ประสารเปรี้ยงทันที……….
“ถ้ามีหมายเรียกมาถึงอาตมาเมื่อไร วันไหน พระทุกรูปจะขอไปแสดงตนให้ล้นโรงพักพุทธมณฑล ในวันนั้น เพื่อจะไปแสดงตนเป็นพระผู้ต้องหาร่วมกันในคดีเจริญพระพุทธมนต์ดังกล่าว และยอมให้จับกุมคุมขังพระสงฆ์หมู่ใหญ่ด้วยกันทั้งหมดในวันนั้น จึงได้แต่หวังว่า รัฐบาลจะมีสติ ไตร่ตรอง ใคร่ครวญมองอะไรให้รอบคอบ เพื่อจะได้ไม่กลายเป็นน้ำผึ้งหยดเดียวไปในที่สุด”
คลุมเหลือง มาสันดานเดียวกับคลุมแดงเป๊ะ…
เก่งเดี่ยวไม่กล้า ต้องเก่งหมู่ ใช้ “พวกมาก” เข้าขู่ แถมยกเรื่องที่ตัวเองทำเป็น “น้ำผึ้ง” แบบนี้ไม่มีใครเขาแย่ง-เขาอยากได้กันหรอก
เพราะมันเป็น…..”น้ำผึ้งผี”!
“ให้รัฐบาลมีสติ ไตร่ตรอง” คนพูดนั่นแหละ ควรใช้สติไตร่ตรองก่อน เอะอะก็อ้าง “พระไปเจริญพระพุทธมนต์”
พระนะ…ไม่ใช่ขอทาน ที่จะไปเที่ยวร้องเพลงแลกข้าว-แลกไข่ได้ทุกที่ตามใจชอบ
กิริยาเจริญพระพุทธมนต์ กับกิริยาการชุมนุม ประสารแยกไม่ออกเลยหรือ ถึงได้อ้างโง่ๆ อย่างนั้น?
อีกอย่าง พระนั้น จะเที่ยวไปเจริญพระพุทธมนต์ โดยไม่มีใครนิมนต์ และไม่มีใครอาราธนาพระปริตร ในสถานที่และในกาลอันเหมาะสมไม่ได้
คนสำนักพุทธก็แก๊งเดียวกัน ไม่สอน-ไม่บอกหรือ?
ที่ว่า “พระมากันเอง” เมื่อวันที่ ๑๕ กุมภานั่น…พูดปดหน้าด้านๆ ถ้าเป็นพระ จะถูกอาบัติกินกระบาล
คนในคราบโล้นคลุมเหลืองเป็นหมื่น โดยไม่มีใครนัดหมาย มาพร้อมกันเอง ในวัน-เวลาเดียวกัน
ประสาร “อมสมเด็จช่วง” มาพูด จ้างก็ไม่มีใครเชื่อ?
ถ้ามากันเอง แล้วรสบัสคันใหญ่มากมาย ขนใครมา มากันโดย “จานบินดลใจ” ในวัน-เวลาเดียวกัน ให้เป็นที่อัศจรรย์หรืออย่างไร?
แล้วเหมือนประสารมีฤทธิ์นะ….
ฟังที่ออกโทรทัศน์ดิจิทัลช่อง นิวทีวี เห็นอ้างว่า ประสารเตรียมเสบียงกรังมา แต่ทหารกั้นไม่ให้รถขนอาหารเข้าไปในพุทธมณฑล
เมื่อมากันเอง ไม่ได้ระดมพลโล้นเหลืองมาชุมนุม แล้วประสารรู้ได้ไง ถึงเตรียมอาหง-อาหารพร้อมสำหรับโล้นเป็นหมื่น
จำยุทธศาสตร์-ยุทธวิธีพวกเสื้อแดงตอนชุมนุมมาละซี?
หยุดเถอะน่ะ…ประสาร!
อย่าดึงพระ-ดึงศาสนาที่บริสุทธิ์ทั้งหลาย ซึ่งท่านไม่รู้-ไม่เห็น-ไม่อนุโมทนาด้วย ไปเป็นสมุน เป็นเครื่องมือตัวเอง………
เพื่อธัมมชโย เพื่อธรรมกาย เพื่อดุนตูดสมเด็จฯ ขึ้นแท่นเลย!
ทั้ง ๔ ข้อหาน่ะ ผมดูแล้ว เบากว่าที่หลวงปู่พุทธอิสระโดนไม่รู้กี่ร้อยเท่า ไปเหอะ ไม่ต้องปลุก “พระนอกกรุ” ไปแขวนคอให้รุงรัง
เห็นแก่หัวโล้น ตำรวจเขาคงไม่เอาหนังสติ๊กรัดไข่หรอก โทษตามข้อหานั้น ดีดติ่งหูแทนค่าปรับ ก็จบแล้ว
แต่ถ้าจะระดมหัวโล้นไปกันวันนั้นจริงๆ…ก็ดี ทราบว่า งานนี้ “ตำรวจ-ทหาร” เตรียมอำนวยความสะดวกให้เต็มที่
แค่ตรวจ “ใบสุทธิ” ทุกโล้นที่มาเท่านั้น ถ้าโล้นไหนไม่มี จะได้ช่วยจับเห็บ-จับโลนให้ประสารไงล่ะ
หัวโล้น “คุก” หัวโตกันบ้างละทีนี้!
(ขอขอบคุณบทความจาก เปลว สีเงิน และ ไทยโพสต์)
https://www.thaipost.net/…