บทความ
เรียกร้องให้มีการปฏิรูปกฎหมายคณะสงฆ์ การปกครองคณะสงฆ์ และกิจการพระพุทธศาสนา
วันที่ ๑๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙
เขียนที่ วัดอ้อน้อย (ธรรมอิสระ) ต.ห้วยขวางอ.กำแพงแสน จ.นครปฐม ๗๓๑๔๐
เรื่อง เรียกร้องให้มีการปฏิรูปกฎหมายคณะสงฆ์ การปกครองคณะสงฆ์ และกิจการพระพุทธศาสนา
เจริญพร ศาสตราจารย์เกียรติคุณ ร้อยเอก ดร.ทินพันธุ์ นาคะตะ
ประธานสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ
จากวิกฤติศรัทธาที่เกิดขึ้นแก่มหาเถรสมาคมซึ่งเป็นองค์กรปกครองสงฆ์สูงสุดและคณะสงฆ์ สืบเนื่องจากพฤติกรรมของคณะสงฆ์ที่แสดงออกด้วยการรับใช้นักการเมือง นักการเมืองอวยประโยชน์ให้แก่คณะสงฆ์ พฤติกรรมชุมนุมของพระสงฆ์จีวรแดงผู้ฝักใฝ่อำนาจรัฐและสนับสนุนพรรคการเมือง นักการเมือง
การเป็นแกนนำเวทีของพุทธะอิสระที่แจ้งวัฒนะ ผู้เรียกร้องการปฏิรูปทั้งศาสนจักรและอาณาจักร
การที่สมเด็จพระสังฆราชทรงชี้มูลความผิดของธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ในข้อหาเป็นเจ้าพนักงานยักยอกเงินวัด ๙๓๙ ล้านบาท และอวดอุตริมนุสธรรม ทำการบิดเบือนคำสอนในพระธรรมวินัย เป็นอนันตริยกรรม ทำให้สงฆ์แตกกัน
และกรณีภิกษุผู้ละเมิดพระวินัยตั้งแต่อย่างเบาจนถึงอย่างหนัก แต่องค์กรปกครองสงฆ์ไม่สามารถเอาผิดได้ ซ้ำร้ายผู้ปกครองสงฆ์ในแต่ละลำดับยังพยายามออกมาปกป้องกันอีก เช่นกรณีพระผู้ใหญ่ ระดับเจ้าคณะจังหวัดในภาคตะวันออก ส่งเสียเลี้ยงดูเด็กผู้หญิงเอาไว้เสพเมถุน ตั้งแต่เด็กอายุ ๑๕-๑๖ จนเด็กคนนั้นมีอายุถึง ๔๐ ปี
แล้วเจ้าคณะจังหวัดคนนี้จะทิ้งเพราะผู้หญิงแก่และอ้วน จนผู้หญิงแอบถ่ายคลิปเอาไว้ พอเรื่องแดง ผู้ปกครองสงฆ์เหนือเจ้าคณะจังหวัดทำได้แค่แนะนำให้ลาออกและหลบไปอยู่ภาคอีสาน เพื่อรอให้เรื่องเงียบค่อยกลับมา
เหตุการณ์ล่าสุด ว่าที่สังฆราชเข้าไปมีส่วนพัวพันกับคดีรถหรูและมีชื่อเป็นผู้ครอบครองรถหรูที่ผิดกฎหมายและรับของโจร ทั้งยังมีข่าวว่าซื้อรถแจกนางพยาบาลที่คอยปฏิบัติรับใช้
ต่อมามีการประชุมลับสนับสนุนให้สมเด็จช่วงผู้มีมลทินทางพระธรรมวินัย ด้วยเพราะมีมติสวนพระวินิจฉัยสมเด็จพระสังฆราชว่า ธัมมชโยไม่เป็นอาบัติปาราชิก
ถือว่าเป็นการปฏิเสธพระราชอำนาจโดยสิ้นเชิง
และล่าสุดพระเมธีธรรมาจารย์ และพระมหาโชว์ ทัสสนีโย และนักศึกษาต่างด้าวที่อยู่ในมหาวิทยาลัยจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย และมหามกุฏราชวิทยาลัย ร่วมมือกับเครือข่ายธรรมกาย เข้าร่วมชุมนุมอย่างผิดกฎหมายเพื่อกดดันรัฐบาลให้นำชื่อสมเด็จช่วงขึ้นทูลเกล้า เพื่อทรงโปรดเกล้าแต่งตั้งเป็นสังฆราชและมีภิกษุเขาไปล็อคคอทำร้ายเจ้าหน้าที่และขัดขวางการทำงานของเจ้าหน้าที่รัฐ
ด้วยเหตุการณ์เหล่านี้ จึงเป็นที่มาของวิกฤตศรัทธาต่อองค์กรปกครองคณะสงฆ์และมหาเถรสมาคม คณะสงฆ์
รวมทั้งไม่เชื่อถือในการทำงานของมหาเถรสมาคมและสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติที่ขาดความเป็นกลาง ไม่โปร่งใส มีพฤติกรรมปกป้องคนผิดมากกว่าปกป้องพระธรรมวินัยและกฎหมายปกครองคณะสงฆ์
อีกทั้ง พรบ.คณะสงฆ์มีหลายมาตรา ที่ทำให้พระธรรมวินัยอ่อนแอ เช่นกรณีการลงโทษคนผิด จะต้องผ่านกระบวนการนิคหกรรม ซึ่งมีวิธีปฏิบัติที่มีปัญหา ยุ่งยาก ซับซ้อน และไม่สามารถนำคนผิดมาลงโทษได้จริงทั้งที่มีภิกษุนอกรีตเกิดขึ้นตลอดเวลาและมากมาย
อีกทั้งอำนาจการปกครองคณะสงฆ์เป็นการรวมศูนย์อำนาจอยู่ในส่วนกลางมากเกินไป จนไม่สามารถปกครองบริหารกิจการคณะสงฆ์ทั่วประเทศให้อยู่ในหลักพระธรรมวินัยอย่างครัดได้
หากปล่อยปละละเลยให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ไปเรื่อยๆ ความเสื่อมศรัทธาจะเกิดขึ้นแก่พระศาสนาและคณะสงฆ์ไทยเป็นทวีคูณมากขึ้น อาจจะลุกลามบานปลายไปจนกลายเป็นความแตกแยกและกระทบกระเทือนถึงความมั่นคงของอาณาจักรและศาสนจักร
จึงใคร่ขอร้องให้คุณพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ได้กรุณาหยิบยกเอาปัญหาของศาสนจักรขึ้นมาทำการพิจารณาหาทางแก้ไขและปฏิรูปให้พระธรรมวินัยกลับมามีผลบังคับใช้ได้อย่างแข็งแรงยั่งยืนสืบไป
ฉันขอร้องพวกคุณทั้งหลายได้โปรดหาวิธีคิดอ่านทำให้พระธรรมวินัยมีผลบังคับใช้ดังกฎหมายและกฎหมายต้องสามารถสนับสนุนให้พระธรรมวินัยกลายเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ อีกทั้งนักบวชในพระธรรมวินัยนี้ต้องเป็นผู้เคร่งครัดซื่อตรงต่อพระธรรมวินัยอย่างแท้จริง และช่วยกรุณาหาวิธีกำจัดอลัชชีที่ปลอมปนเข้ามาหากินกับพระธรรมวินัยให้หมดสิ้นไปเสียที
ถือว่าคุณกำลังสร้างบุญใหญ่ให้แก่แผ่นดิน มีผลมาก อานิสงห์ดีมาก สังคมจะได้มีต้นแบบทางจิตวิญญาณที่งดงามเสียที
สิ่งที่ส่งมาด้วยคือร่างกฎหมายปฏิรูปการปกครองคณะสงฆ์ ส่วนหนึ่งจะนำมาส่งมอบเพิ่มเติมให้อีกในครั้งต่อไป
สุดท้ายฉันได้ยินมาว่าคณะกรรมาธิการปฏิรูปพระพุทธศาสนาล้วนแต่เป็นบุคคลที่อยู่ในเครือข่ายของวัดพระธรรมกายแทบทั้งสิ้น
จึงใคร่ขอให้ทบทวนดูปูมหลังของคณะกรรมาธิการชุดปฏิรูปวัฒนธรรมและพระพุทธศาสนาดู ว่าเป็นกลาง โปร่งใส มีความเหมาะสมที่จะเข้ามาปฏิรูปสถาบันพระพุทธศาสนาหรือไม่
เจริญพร
…………………………………..
(พระสุวิทย์ธีรธมฺโม)