เป็นสิ่งที่ฉันรอคอยมานานแล้วคุณประยุทธ์

0
101

บทความ

เป็นสิ่งที่ฉันรอคอยมานานแล้วคุณประยุทธ์

๑๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙

170259 บทความ เป็นสิ่งที่ฉันรอคอยมานานแล้วคุณประยุทธ์

ขออนุญาตแชร์นะจ๊ะ

——————–
มติชนออนไลน์
วันที่: 17 ก.พ. 59 เวลา: 11:30 น.
‘บิ๊กตู่’ ชี้แต่งตั้งสังฆราชคือพระราชอำนาจ ไม่อยากให้รบกวนเบื้องพระยุคลบาท

 

“บิ๊กตู่”เตรียมแก้ปัญหาศึกผ้าเหลือง เชิญผู้เห็นต่างในทางพุทธศาสนา-พระสองฝ่ายดีเบตหาทางออก โยนประชาชนตัดสิน ลั่นรบกวนเบื้องพระยุคลบาท หวั่นศาสนาพุทธถูกทำลาย

 

เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์โดยยอมรับว่า มีความกังวลกรณีเครือข่ายคณะสงฆ์และองค์กรภาคีจัดประชุม ที่พุทธมณฑล เนื่องจากเป็นเรื่องที่รัฐบาลจะตัดสินหรือใช้การบังคับไม่ได้ เพราะเป็นเรื่องความศรัทธา และการแต่งตั้งสมเด็จพระสังฆราชถือเป็นพระราชอำนาจ ไม่อยากให้เป็นการรบกวนเบื้องพระยุคลบาท ทั้งนี้ เมื่อเดินทางกลับถึงประเทศไทยจะเชิญผู้ที่เห็นต่างมาพูดคุยแบบโต้วาที (ดีเบต) ให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสินใจ หากทุกคนหวังดีและต้องการให้ศาสนาพุทธซึ่งเป็นศาสนาประจำชาติ เป็นที่เคารพนับถือ โดยต้องหาทางออกตามแนวทางพระธรรมพระวินัยให้ได้ข้อยุติเพราะหากส่งเรื่องมายังรัฐบาลก็ต้องดำเนินการขั้นตอนของกฎหมายและขอให้ทุกฝ่ายอย่าพึ่งเคลื่อนไหว

 

“อีกเรื่องที่กังวลคือเรื่องพระยังไม่ตัดสินอะไรให้ใครไม่ได้ เพราะตราบใดก็ตามถ้ามีความขัดแย้งแบบนี้ก็เป็นปัญหา ถ้าเรื่องกฎวินัยสงฆ์ยังไม่เพียงพอก็ต้องไปว่ากันในข้อกฎหมาย ถ้าทุกคนหวังดีจริงๆ ต้องการให้ศาสนาพุทธซึ่งเป็นศาสนาหลักของชาติเรา ให้เป็นที่เคารพนับถือก็ต้องไปหาทางแก้ปัญหากันให้ได้ ไม่ว่าจะเป็นมหาเถรสมาคม (มส.) รัฐบาล กลุ่มผู้เห็นต่างอย่างไรก็แล้วแต่ ทั้งหมดต้องไปหาทางออกให้ได้ คือไม่อย่างนั้นก็จะโยนภาวะขึ้นมาและรัฐบาลก็ต้องเสนอไปตามกฎหมาย ผมเคยเรียนแล้วว่าถ้ามีผลกระทบไปถึงสถาบัน ผมต้องเคลียร์ให้จบก่อน เพราะว่าจะต้องเป็นพระราชอำนาจพระราชทานแต่งตั้งอะไรก็แล้วแต่ ต้องอย่าให้สิ่งต่างๆ เหล่านี้ขึ้นไปถึงพระองค์ท่านเลย พระองค์ท่านก็ทรงประชวรในขณะนี้ ผมรับไว้เองก็แล้วกัน นี่ผมกลับไปผมสั่งการไว้แล้ว หาทางเอาพระสองฝ่ายมาดีเบตกัน ในเมื่อเป็นพระแล้วแก้กันไม่ได้ ก็เอาสองฝั่งมาดีเบตให้ประชาชนฟังดูสิว่าเหตุผลเป็นอย่างไร เรื่องอะไรที่รัฐบาลเข้าไปเกี่ยวข้องก็จะตอบ ขอความร่วมมือกับท่านด้วยแล้วกัน กับบรรดาพระสงฆ์ ผมนับถือนะ พระสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ผมเป็นชาวพุทธไง ไม่อยากให้ศาสนาเสื่อมถอย และการบังคับมากๆ ก็เป็นปัญหาเรามันเป็นความเชื่อมั่นศรัทธาของประชาชน พูดจริงก็คือไม่ว่าใครจะมากจะน้อยแต่ก็คือพระ ส่วนหนึ่งฆราวาส ฆราวาสมีเยอะกว่านะ แต่ละฝ่ายเป็นล้านๆ เพราะฉะนั้นคิดว่านี่คือปัญหาใหญ่ที่จะเกิดต่อไป ผมอยากให้ยุติวันนี้ให้ได้ ถ้าคุยในทางสงฆ์ไม่ได้ต้องไปคุยในข้อกฎหมาย กลับไปจะรีบดำเนินการทันทีขออย่าเคลื่อนไหวมาเลย ไม่อยากไปใช้อำนาจอะไรกับพระ แม้กระทั่งกับฆราวาส แล้วศาสนาพุทธก็จะถูกทำลายด้วยพวกเรากันเองนี่แหละ” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

https://www.matichon.co.th/news/41242
——————–

 

จะได้รู้กันเสียทีว่า อะไรเป็นธรรม เป็นวินัย อะไรมิใช่ธรรม มิใช่วินัย

 

สังคมจะได้หูตาสว่างรับรู้และตัดสินได้

 

หากรัฐบาลเป็นเจ้าภาพจัดการดีเบต หรือถกกันว่าอะไรเป็นธรรม อะไรไม่เป็นธรรม อะไรเป็นวินัย อะไรไม่ใช่วินัย

 

ถือว่ารัฐบาลทำคุณูปการให้แก่พระพุทธศาสนา

 

เอาเฉพาะผู้ที่เป็นคู่กรณีมานั่งถกกัน

รัฐเป็นผู้หยิบยกเอาประเด็นที่ขัดแย้ง ซึ่งให้แต่ละฝ่ายส่งมารวมไว้แก่รัฐบาล รัฐบาลจึงนำประเด็นนั้นมาตั้งเป็นญัตติถามแต่ละฝ่าย

 

มีรัฐบาลเป็นกรรมการกลาง เปิดการถ่ายทอดสดไปทั่วโลก

 

แล้วให้แต่ละฝ่ายได้อธิบายในญัตตินั้นๆ เพื่อให้สังคมได้รับรู้

 

ถือเป็นการเผยแพร่ให้ปัญญาแก่สาธารณชนไปด้วยในตัว

 

ประเด็นความขัดแย้งทุกประเด็นในธรรมในวินัย ก็ให้คู่ขัดแย้งมานั่งถกกันเพื่อหาข้อยุติ

 

ทั้งยังเปิดโอกาสให้ประชาชนทั่วไปร่วมตั้งคำถามด้วย และควรกำหนดให้ชัดว่าจะถามได้กี่คำถาม

 

ส่วนประเด็นขัดแย้งที่เกี่ยวกับด้านกฎหมาย ก็ให้คู่ขัดแย้งหรือผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายของแผ่นดินมาเป็นผู้ถก

 

หากรัฐบาลคุณประยุทธ์ทำได้เช่นนี้ ถือว่าเป็นการทำบุญด้วยปัญญาให้กับคนทั้งประเทศเลยล่ะ

 

นับว่าเป็นการสังคายนาระดับประเทศได้เช่นกัน

 

ถ้าสามารถทำได้ จักทำให้สังคมรับรู้ว่าสัทธรรมปฏิรูป แตกต่างอย่างไรกับพุทธธรรม

 

โดยรัฐบาลไม่ต้องเปลืองแรงจัดการอลัชชี สังคมเขาจะจัดการเอง

 

และถ้าหากฝ่ายใดละเมิดกฎหมาย ก็เป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่จะดำเนินการต่อไป

 

พุทธะอิสระ