บทความ
ความเหมือนที่แตกต่าง
๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙
กรณีทันตแพทย์หญิง ดลฤดี จำลองราษฏร์ ชักดาบไม่จ่ายเงินชดใช้ทุนร่ำเรียนหนี้รวมเบี้ยปรับบานปลาย ๓๐ ล้านบาท
โดยที่ หน่วยงานต้นสังกัด ม.มหิดล และ สกอ.ได้ดำเนินการแจ้งความฟ้องร้องเมื่อ ๑๒ พ.ย. ๒๕๔๗ จนศาลปกครองได้มีคำสั่งพิพากษาให้ชำระหนี้ ในวันที่ ๑๔ ก.พ. ๒๕๔๙ (คดีมีอายุความ ๑๐ ปี) ซึ่งผู้ค้ำประกันทั้ง ๔ คนได้ขอลดหย่อนภาระหนี้และได้ชำระหนี้ครบหมดแล้วรวม ๘ ล้านบาท
ส่วนอดีตทันตแพทย์ไม่ยอมชดใช้เงิน ซึ่งเป็นคดีแพ่ง มีมูลคดีเกิดขึ้นภายในราชอาณาจักร ไม่สามารถติดตามบังคับคดีนอกอาณาจักรได้
แทนที่หน่วยงานผู้รับผิดชอบ จะดำเนินการในทุกมิติเพื่อให้สังคมรับรู้ จักได้ช่วยกันประณามให้ถึงที่สุด กลับปล่อยเวลาล่วงเลย จนทำให้คนดีพลอยเดือดร้อนไปด้วย
มีเหตุการณ์เช่นนี้ วันข้างหน้าใครจะกล้าช่วยเหลือค้ำประกันให้คนที่ขัดสนอนาถาแล้วต้องการจะเรียนหนังสือ
เช่นนี้จะไม่เรียกว่าปิดโอกาสคนดีกระนั้นหรือ
บ้านเมืองเรามันเป็นเสียอย่างนี้แหละ
หาคนกล้าผู้มีหัวใจรักความเป็นธรรม เสียสละเพื่อส่วนรวมยากเต็มที หรือเป็นเพราะคนไทยเป็นคนขี้เกรงใจก็ไม่รู้
จึงเป็นเหตุให้ผู้มีอำนาจหน้าที่รับผิดชอบตามกฎหมายกลายเป็นผู้ละเลยละเว้น ไม่ปฏิบัติหน้าที่ ไม่ทำตามกฎหมาย จนปัญหาคาราคาซัง เป็นดินพอกหางหมู สังคมจึงอยู่กันอย่างไม่เป็นสุข ต้องมารับเคราะห์กรรมจากคนชั่วทุจริตเดือดร้อนเสียหายกันมากมาย
เช่นกรณีสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนที่เกิดจากวัดธรรมกาย โดยนายศุภชัย ศรีศุภอักษร ไวยาวัจกรของวัดธรรมกาย และธัมมชโย เจ้าสำนักผู้ต้องอาบัติปาราชิกตั้งแต่ ๑๗ ปีที่แล้ว
หากสำนักพุทธไม่ละเลย ไม่ละเว้นที่จะเอาตัวอลัชชีมาลงโทษตั้งแต่ปี ๔๒
วันนี้สมาชิกสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคงจะไม่ทุกข์ยากลำบาก เพราะถูกคนชั่วพวกนี้โกงเงินหรอก
ดังมีแถลงการณ์ของรองอธิบดีดีเอสไอเผยว่า
เตรียมสอบปมฟอกเงิน – รับของโจร พร้อมแยกสอบแบบเจาะราย ๖ กลุ่ม และเครือข่ายธรรมกาย – พระ ๒๐ รูป กรณีรับเช็คไม่มีมูลหนี้ ๒ พันล้านบาท พร้อมแจ้งข้อหาร่วมกันลักทรัพย์ ๔ ราย อายัดทรัพย์ศุภชัยเพิ่ม ๔๐๐ ล้านบาท
นี่คือผลพวงจากผู้มีหน้าที่ไม่ทำหน้าที่ ความอัปปรีย์จึงเกิดขึ้น
อ้าว.. ได้ยินข่าวมาว่าเจ๊ธัมมี่แกจะนั่งจานบินส่วนตัวไปรักษาขาที่เป็นทั้งเบาหวาน ความดัน และเส้นเลือดอุดตัน แว่วๆ มาว่าอาจถึงขนาดต้องตัดขาทิ้ง
พี่น้องเพื่อนพ้องไทยที่มีหัวใจเป็นธรรม ลองช่วยกันตรวจสอบให้หน่อยว่าเท็จจริงประการใด
และขอแจ้งให้เจ้าหน้าที่ผู้ทำคดี ทั้ง สภอ.ปทุมฯ กองปราบฯ ดีเอสไอ สำนักพุทธฯ สำนักนายกรัฐมนตรีในฐานะกำกับดูแลสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ
ต้องทำทุกวิถีทางที่จะสกัดกั้นไม่ให้อลัชชีหนีคดี ไปหลบอยู่ในประเทศปาราชิกได้เชียวนะ ไม่งั้นอาจมีเฮิร์ท
เพราะพุทธะอิสระให้ทนายส่งหนังสือแจ้งความร้องทุกข์ให้ตรวจสอบและคัดค้านแล้ว หากเจ้าหน้าที่ยังทำเฉยเมยปล่อยปละละเลยอีก ถือว่าเป็นความบกพร่องที่ปล่อยให้ผู้ต้องหาที่มีคดีหนีออกต่างประเทศได้
พุทธะอิสระ