บทความ
เอ้าพวกไทยใจทาสบางคน ลองดูมุมมองของฝรั่งต่างชาติที่เขารู้เรื่องเมืองไทยดูบ้าง
๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๘
Michael Yon
Thailand: Protest at US Embassy today
ประเทศไทย: การประท้วงที่สถานทูตสหรัฐฯ วันนี้
การประท้วงนี้เป็นผลมาจากการที่เอกอัครราชทูตเดวีส์เข้ามาก้าวก่ายเรื่องราวภายในประเทศของไทย คนไทยมีมิตรไมตรีต่อคนอเมริกันมาก แต่ก็กำลังโกรธมากขึ้นๆ เพราะการเข้ามาก้าวก่ายเรื่องราวภายในของท่านทูต การก้าวก่ายอื่นๆของรัฐบาลสหรัฐฯ และ การออกมาดูถูกต่อหน้าสาธารณะชน
และคนไทยก็ทำถูก ผมรู้ผมเห็น และคนอเมริกันอีกหลายคนก็เห็นเช่นกัน เอกอัครราชทูตคนก่อน ท่านทูตเคนนี่ ได้ทวิตภาพรองเท้า ทวิตภาพข้อความแบบสาววัยรุ่นอื่นๆ เธอเป็นความน่าอับอาย แต่โชคดีที่คนไทยส่วนใหญ่ไม่ค่อยให้ค่าเธอมากนัก นั่นเป็นเพราะว่า เธอนั้นดูเหมือนหลุดๆไปหน่อย ไม่ค่อยจะเต็มนัก แต่ก็มีความคิดเห็นต่างๆที่ออกมาจากกระทรวงการต่างประเทศของรัฐบาลสหรัฐฯ และ ความคิดเห็นเหล่านั้นก็ทำให้เกิดปัญหาตามมามากมาย
ตอนนั้นเราเข้าข้างสนับสนุนพวกที่ก่อเหตุรุนแรงในประเทศไทย พวกเราไม่ได้ปิดบัง แต่ ผู้ที่สังเกตก็ต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดจึงจะสังเกตเห็นและเข้าใจความเป็นไปเป็นมาได้
แล้วก็มีประเด็นปัจจุบันในตอนนี้ เรื่องที่ท่านเอกอัครราชทูตแสดงความเห็นเกี่ยวกับมาตรา 112 หรือ กฏหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ซึ่งมีบทลงโทษจำคุกเป็นระยะเวลานาน สำหรับผู้กระทำการหมิ่นพระราชวงศ์
กฏหมายนี้เป็นกฏหมายเก่าแก่ และ มีบทลงโทษที่เข้มงวดรุนแรง แต่ ก็ไม่ใช่ธุระอะไรของเรา ผมรู้สึกว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวคงทรงมีพระดำริในพระราชหฤทัยของพระองค์เองว่ากฎหมายนี้ก็ไม่เข้ากับยุคปัจจุบันอยู่เช่นกัน แต่ไม่ว่าอย่างไร นี่ก็เป็นเรื่องภายในของไทย ไม่ใช่ธุระกงการอะไรของเราเลย
ประเทศไทยเป็นประเทศอิสระมีเสรีภาพ เว้นแต่มาตรา 112 ผู้สื่อข่าวสามารถเดินทางเข้าออกโดยไม่ต้องขอวีซ่าพิเศษ และ เดินทางไปยังหมู่บ้านใดก็ได้ จังหวัดไหนก็ได้ โดยไม่มีใครขัดข้อง อิสระเต็มร้อย
แล้วพวกเราจะบ่นเกี่ยวกับประเด็นเดียวประเด็นนี้ไปเพื่ออะไร ในขณะที่ไม่ยุ่งไม่เกี่ยวกับประเทศซาอุฯ ปล่อยให้ยังคงประหารคนในข้อหาดูหมิ่น และ ข้อหาการเป็นพ่อมดหมอผี ได้อยู่
ประเทศไทยเป็นมิตรประเทศที่ดีต่อเรามาร่วมสองศตวรรษ แม้กระทั่งในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่ไทยอยู่ฝ่ายอักษะ ฝ่ายเดียวกับญี่ปุ่น พวกเรา(สหรัฐฯ)ก็ไม่ยอมรับคำประกาศที่ไทยประกาศทำสงครามกับสหรัฐฯ พวกเราเป็นมิตรต่อกันแม้แต่ตอนที่เราควรจะทำสงครามกันอยู่เสียด้วยซ้ำ พวกเราเคยทิ้งระเบิดประเทศไทย แต่หลังจากนั้น เราก็ขับไล่กองทัพฝรั่งเศส และ กองทัพอังกฤษ ที่ต้องการครอบครองพื้นที่ส่วนใหญ่ของไทยให้พ้นไปจากแผ่นดินไทย
เรื่องนี้ทำให้ประเทศไทยรู้สึกเจ็บปวดเป็นพิเศษ นั่นก็เพราะเราทั้งสองประเทศมีสายสัมพันธ์ที่แนบแน่นต่อกันมาก่อน และ เห็นการเข้าแทรกแซงครั้งนี้เป็นเหมือนการทรยศหักหลัง ประเทศไทยย่อมต้องเดินตามทางเดินของตัวเองและในแบบของไทยเอง นี่คือประเทศไทย — และ คำแนะนำเกี่ยวกับกฏหมายกับประชาธิปไตยของสหรัฐฯ ปัจจุบันนี้ก็ไม่ค่อยจะมีประเทศไหนยอมรับฟังกันแล้ว
ลองนึกภาพว่ามีเอกอัครราชทูตของไทย — หรือของชาติไหนก็ได้ — มาประจำที่สหรัฐฯแล้วก็สั่งสอนเราเรื่อง 2nd Amendment, เรื่องเชื้อชาติ แล้วก็เรื่องประชาธิปไตย คนอเมริกันคงจะบอกเอกอัครราชทูตคนนั้นว่า มาทางไหนก็กลับไปทางนั้นได้เลย ไม่ต้องกลับมาให้เห็นอีก พวกเราไม่ต้องการคำแนะนำจากคนภายนอก ประเทศไทยก็ไม่ต้องการคำแนะนำจากคนนอกในเรื่องแบบนั้นเช่นกัน
แต่ ตอนนี้เรามีเอกอัครราชทูตสองท่าน ที่มาประจำการที่ประเทศไทยและสอนสั่งในหัวข้อเรื่องราวที่ท่านทูตของเราทั้งสองท่านไม่รู้ไม่เข้าใจ ดังนั้น มันก็เหมือนว่า ท่านทูตนั้นกำลังพยายามยั่วยุให้เกิดความร้าวฉาน
วันนี้ มีการตอบโต้เล็กๆน้อยจากโดยที่มีคนไทยออกมาประท้วง แต่ เชื่อผม จากการที่เป็นผู้สังเกตการณ์จากภายใน ที่เห็นนี่เป็นแค่กลุ่มควันปะทุเหนือปล่องภูเขาไฟที่กำลังปะทุและพร้อมจะระเบิดได้ทุกเมื่อ คนไทยนั้นมีความอดทนสูงอย่างไม่น่าเชื่อ แต่ ความอดทนต่อการเข้ามาวุ่นวายของสหรัฐฯ ที่เป็นเพื่อนรักกันมานาน กำลังจะหมดลง
มีการประท้วงเล็กๆเกิดขึ้นในวันนี้ ในกรุงเทพฯ ตัวผมเองไม่ได้อยู่ที่นั่น อยู่ห่างออกไปราว 650 กิโลเมตร เพื่อนร่วมงานที่ผมไว้ใจ เราทำงานร่วมกันกับกลุ่มผู้ชุมนุมประท้วงหลายๆกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็น กปปส., คปท., เสื้อแดง, พุทธอิสระ และ อื่นๆ เป็นระยะเวลานานหลายเดือน เพื่อนร่วมงานคนนี้ได้เดินทางไปสังเกตการณ์ที่สถานทูต
เพื่อนร่วมงานผมรายงานว่า พบปะกับผู้ชุมนุมราว 100 คน [จำนวนผู้ชุมนุมมากกว่านั้น] ส่วนใหญ่นั้นเป็นกลุ่มของท่านพุทธอิสระ ตัวท่านพุทธอิสระ และ มวลชนของท่านนั้นไม่มีความรุนแรง –พวกเราได้เข้าไปคลุกคลีกับพวกเขาอยู่หลายครั้ง — แต่พวกเขาก็อึดและพลิกตามสถานการณ์ได้ดี พวกเขาสู้ไม่มีถอย พวกเขาเป็นคนที่มีเหตุผล ใช้เหตุและผล ไม่ใช่พวกผู้ก่อการร้ายที่ก่อความรุนแรง เอกอัครราชทูตของเราสามารถเดินร่วมทางไปกับพวกเขาได้โดยไม่มีรอยขีดข่วน อย่างมากก็แค่หูชา
แต่ จำนวนผู้ชุมนุมหลักร้อยในวันนี้ — พวกเขาเป็นตัวแทนความรู้สึกของชาวไทยหลายล้านคน ผมเชื่อมั่นว่า จะไม่มีการเรียกร้องให้กระทำความรุนแรงออกจากปากของท่านพุทธอิสระ — ท่านจะเรียกร้องให้เคลื่อนไหวอย่างสันติ (เป็นการคาดการณ์ของผม — ท่านเป็นคนดี เหมือนกันกับคุณสุเทพ)
แต่ผมรู้สึกสังหรณ์ใจ เหมือนกับจะมีเรื่องราวไม่ดีเกิดขึ้น ท้ายที่สุดอาจจะมีเหตุการณ์ความรุนแรงเกิดขึ้นต่อเอกอัครราชทูตของเราก็ได้ ไม่ได้เกิดจากฝีมือของคนจากกลุ่มใด — ท่านพุทธอิสระ และ กลุ่มอื่นๆ ที่อยู่ทางฝั่ง”เหลือง” จะไม่ก่อความรุนแรง — ผมเชื่อมั่นอย่างมากว่า ท่านพุทธอิสระและกลุ่มอื่นๆยังคงจะเคลื่อนไหวอย่างสันติ
ผมรู้สึกว่า อันตรายที่จะมาจากปัจเจกบุคคลที่บ้าคลั่งนั้นกำลังเพิ่มมากขึ้น แบบเดียวกับที่พวกเราได้เจอ ในเหตุการณ์การทำร้ายเอกอัครราชทูต Lippert ที่เกาหลีเมื่อไม่นานมานี้
อย่าได้ประเมินการประท้วงเล็กๆวันนี้ตำ่ไป นี่เป็นควันเหนือปล่องภูเขาไฟที่กำลังปะทุ เหตุความรุนแรงที่จะมีต่อคนอเมริกันทั่วไปจากสาเหตุของเรื่องการเมืองนั้นมีโอกาสเกิดขึ้นน้อยมากๆ คนไทยไม่ฝักใฝ่ความรุนแรง
แต่โอกาสที่จะมีผู้ที่บ้าคลั่งอาละวาดนั้นมีสูง ผมรับรู้ได้ ถึงเวลาที่จะใช้วาทะโวหารให้น้อยลงแล้ว