บทความ
อดใจรอดูเดี๋ยวก็จะรู้ว่าใครจะจนตาตาย
๒๖ มกราคม ๒๕๕๙
ขอบอกกับบรรดากองเชียร์ทั้งหลายว่าทำไมต้องเยิ่นเย้อมานานถึง ๒ ปีเศษ
โถ… จะเอาอะไรกับฉันนักหนา
ฉันก็แค่นักบวชบ้านนอกธรรมดาๆ ที่ไม่มีทั้งเงิน ทั้งอำนาจ และบริวารจะไปหักโหมรุกกระหน่ำเพียงเพื่อความสะใจ แต่ไม่รู้แน่ว่าจะแพ้หรือชนะ
ขอสารภาพว่างานนี้ฉันวางหมากเอาไว้ตั้งแต่ที่เจ้าพระคุณสมเด็จพระสังฆราชทรงเสด็จมาปรารภถึงปัญหาอลัชชีธัมมชโยแล้ว ว่าไม่มีใครทำอะไรเขาได้ เพราะฝ่ายการเมืองคุ้มครองเขาอยู่
และด้วยพระวาจานี้ พุทธะอิสระจึงต้องกลายเป็นพญาราชสีห์แห่งเวทีแจ้งวัฒนะเพียงเพื่อจะมีวันนี้
หากลงทุนขนาดนี้แล้วยังทำอะไรอลัชชีไม่ได้ งั้นก็อย่าอยู่ร่วมกันในสังฆมณฑลเลย
เพราะฉะนั้นสองปีที่ผ่านมาฉันก็แค่พยายามทำให้สังคมได้รับรู้ความจริง เข้าใจเรื่องจริง และทำสิ่งที่เห็นว่าควรทำ ตามครรลองของพระธรรมวินัยและกฎหมายที่เปิดช่องให้ทำได้
ที่จริงพวกเรามีวันนี้ได้ต้องถือว่าเป็นความผิดพลาดของพรรคการเมืองที่คุ้มกะลาหัวอลัชชีธัมมชโยไว้ พวกนักการเมืองพวกนี้ดันตะกรุมตะกรามตะกละ และมักมากอยากได้เองจึงถึงกาลวิบัติ เลยเปิดช่องให้ฉันได้ทำสิ่งที่รับปากแก่เจ้าพระคุณสมเด็จเอาไว้ได้ในวันนี้
พวกคุณต้องมีสติปัญญาร่วมต่อสู้กับศึกครั้งนี้
ขอร้องว่าทุกย่างก้าวอย่าผลีผลามประมาท ไม่เช่นนั้น หมากทั้งหลายที่ฉันวางดักเอาไว้อาจผิดพลาดได้ จักเสียการใหญ่ อย่าให้ฉันต้องเหนื่อยฟรี ต้องระลึกถึงคำสอนที่ฉันสอนเอาไว้ว่า
“ลูกรัก… สัจจะและความจริงใจ คือเครื่องเสริมสร้างบุคลิกภาพและความสำเร็จ”
วันนี้ดีเอสไอเชิญตัวฉันไปให้ปากคำเพิ่มเติมในคดีที่แจ้งความเอาไว้ทั้ง ๑๑ ประเด็น ว่ามีประเด็นใดบ้างที่ควรจะถอน ควรจะสืบสวนสอบสวนต่อ
ฉันเลยถือโอกาสถอนประเด็นที่เกี่ยวข้องกับเจ้าคุณเสนาะที่ผูกคอตายไปแล้วออกจากสารบบคดี
ก็ยังคงเหลือคดีที่สำคัญๆ ที่เกี่ยวข้องกับสำนักพุทธ มหาเถร และธัมมชโย คงเอาไว้
วันพฤหัสบดีนี้ก็ต้องไปให้ปากคำเพิ่มเติมอีกรอบ
เอาเป็นว่างานนี้ต้องเห็นความถูกต้องปรากฏ ความจริงต้องไม่ถูกบิดเบือน ไม่เช่นนั้น ไม่เลิกรา
พุทธะอิสระ