บทความ
เหนื่อยไหมเฮีย เพลียไหมเสี่ย
๒๒ มกราคม ๒๕๕๙
เห็นบรรดาลิ่วล้อธรรมกาย ซึ่งมีทั้งนักบวชและฆราวาสออกมา เห่าหอน ข่มขู่ ไม่เว้นแต่ละวันแม้แต่ประธาน นปช. ก็กระโดดมาร่วมผายลม ด่าว่าฉันบ้ากับเขาด้วย
คงคิดหละซิว่า จะทำให้ฉัน เกรงกลัว สะดุ้งผวา หยุดเดินทาง กระชากไส้เน่าของอลัชชีที่ย่ำยีพระธรรมวินัย
ถึงกับมโนกันว่าฉันเป็นหนึ่งในขบวนการ ๓ พ.
ดูช่างเลิศหรู อลังการ งานสร้างสำหรับฉันอะไรขนาดนั้น
นี่ฉันคิดไม่ถึงเลยนะว่า แค่นักบวชบ้านนอกๆ ไร้การศึกษา ไม่มีสติปัญญา ยากจน ไร้ยศศักดิ์ ในสายตาของพวกคุณ
แต่กลับสามารถทำให้พวกคุณ ผู้มากไปด้วยบารมี ร่ำรวยดุจเศรษฐี ต้องมาทุรนทุราย เดือดร้อนกันมากมายถึงขนาดนี้
เริ่มตั้งแต่ ๓ เฮีย คือ เฮียโชว์ เฮียเมธี เฮียประสาร
ต้องออกมาประกาศขู่ระดมพล ปกป้องมหาเถร ปกป้องธรรมกาย และท้ายที่สุดปกป้องสมเด็จช่วง
ตามมาติดๆ ด้วยเจ้าคุณฮิตเลอร์ สายนายทักษิณแห่งนครเบอร์ลินและพวก ก็ออกแถลงการณ์ ปลุกระดม ข่มขู่รัฐบาลและพุทธะอิสระ
ตอกย้ำซ้ำเติมด้วยศูนย์พิทักษ์พุทธศาสนา มายุบรวมกับแก๊ง ๓ เฮีย ดั่งคำที่ว่า รวมกันเราอยู่ แยกกันอาจตายหมู่ เพื่อต่อกรกับฉัน
ถึงขนาด ผอ.ศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาแห่งวัดราชาฯ ยอมยกตำแหน่งผู้นำให้แก่เฮียเมธี เพื่อจะผนึกขุมกำลังเข้าด้วยกัน
คงกลัวว่า ศึกนี้หากไม่รวมกัน อาจจะเพลี่ยงพล้ำ
ตามมาด้วยภิกษุ นักศึกษาวิทยาเขตในจังหวัดต่างๆ ออกมาประกาศขู่จะเคลื่อนไหว เพื่อกดดันรัฐบาลให้กำจัดพุทธะอิสระและนำชื่อสมเด็จช่วงขึ้นทูลเกล้า
อีกทั้งพวกเผ่าพันธุ์ธรรมกาย ยังช่วยกันโหมกระหน่ำคอยกระทืบซ้ำฉันอยู่เป็นระยะ ตลอด ๒ ปีที่ผ่าน
ไม่เว้นแม้แต่ประธาน นปช. อย่างนายจตุพร พรหมพันธุ์ ผู้เป็นประธานของกลุ่มเผาเมือง ก็ออกมาร่วมวงละเมอผายลมด่าฉันออกสื่อเสื้อแดงกันให้สนั่น เรียกว่ารุมกันแบบหน้าด้านๆ
นี่ยังไม่นับรวมสื่อกระแสหลัก กระแสรอง ของพวกธรรมกายสายทักษิณ ที่มีนับสิบค่าย ที่เลือกจะเสนอข้อมูลแต่ในด้านบวกให้กับกลุ่มของตนเอง ส่วนด้านลบโยนให้พุทธะอิสระ
ทำไมคนพวกนี้ เขาถึงได้พากันกลัวฉันมากขนาดนี้
หรือว่าพวกเขาจะกลัวความจริงที่ฉันพูดฉันทำ
ชีวิตที่ไม่มีต้นทุนอย่างฉัน ทำไมสลักสำคัญ ถึงขนาดให้เฮียๆ อาเสี่ย ผู้มั่งคั่งทั้งหลาย ต้องมานอนฝันผวาถึงฉันได้ ไม่เข้าใจจริง..ๆ
ส่วนเรื่องขบวนการ ๓ พ. ที่พวกนี้มโนขึ้นนั้น
สารภาพตรงๆ เลยว่า ชั่วชีวิตฉัน มีโอกาสพบคุณไพศาล พืชมงคล แค่ ๒ ครั้ง
และได้พูดคุยโทรศัพท์ กันแค่ ๑ ครั้ง เมื่อเขาโทรมาหา
เรื่องที่พูดคุยกัน ก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเรื่องศาสนจักรเลย
สำหรับคุณไพบูลย์นั้น เป็นเพื่อนร่วมรบ ร่วมสู้กันมา ผู้มีอุดมการณ์เดียวกัน
แต่พวก ๓ เฮีย หลายอาเสี่ย ต่างมโนว่า ฉันรวมหัวกัน
อีกทั้งยังมโนกันไปว่า ขบวนการ ๓ พ. พยายามร่วมมือกัน สกัดกั้นไม่ให้มหานิกายเป็นสังฆราช
มโนกันถึงขนาดมันจะเอาตำแหน่งสังฆราช ไปให้พระเถระพวกของมัน
พุทธะอิสระ มันก็จะเป็นสังฆราชเสียเอง
ฟังดูแล้วคนพวกนี้ เขามีอะไรอยู่ในหัว รู้ไหมพี่น้อง
ทำไมเขาคิดได้แค่นี้
สรุปรวมๆว่า หากพวกอาเฮีย อาเสี่ย ทั้งหลาย อยากได้เก้าอี้สังฆราชกันนัก
เรื่องมันก็ไม่ยาก
แค่บอกให้สมเด็จช่วงอาเสี่ยใหญ่ของพวกคุณ ไปจัดการจับธัมมชโยสึก ตามพระวินิจฉัยของสมเด็จพระสังฆราช และกวาดล้างอลัชชีในสังฆมณฑลให้หมดสิ้นไป
ทำให้พระธรรมวินัยอยู่เหนือกฎหมาย
ทำให้พระธรรมคำสั่งสอนของพระผู้มีพระภาคเจ้าศักดิ์สิทธิ์ เป็นที่ยอมรับกันไปทั้งแผ่นดิน
ทุกวัด ทุกสำนัก ต้องปฏิบัติธรรมตามพระไตรปิฎก
หากรับปาก ทำได้ตามนี้
พุทธะอิสระ จะไม่ขัดขวางการนั่งเก้าอี้สังฆราชของสมเด็จอาเสี่ยพวกคุณเลย และยังจะไปถอนแจ้งความเรื่องคดีรถหรูในดีเอสไอให้อีก
เอาไหมล่ะ กล้าไหม ให้เวลาคิดกัน ๑๕ วัน
หาไม่ก็อย่ามาพูดอีกว่า ฉันไม่มีเมตตา
และขอบอกว่า ที่พวกอาเสี่ยออกมาลอยหน้าลอยตาพูดว่า สมเด็จอาเสี่ยของคุณมีเมตตาให้ถอนแจ้งความที่จะเล่นงานฉัน ฐานทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงนั้น
ฉันคิดว่าไม่ใช่มีเมตตาหรอก แต่กลัวว่าจะเร่งปิดคดีรถหรูให้จบเร็วขึ้น โดยที่ฉันไม่ต้องเสียเวลาฟ้องเอง
เพราะเมื่อสมเด็จพวกคุณฟ้องฉัน ฉันก็ต้องอ้างสาเหตุแห่งการพูดจาว่ามีที่มาที่ไปอย่างไร ทีนี้แหล่ะ อะไรๆ มันคงง่ายขึ้น
อ้อ ไม่ใช่รถหรูอย่างเดียวนะ ยังมี มาตรา ๑๕๗, ๑๑๒ และความผิดจรรยาพระสังฆาธิการที่บัญญัติไว้ในข้อ ๕๔ และข้อ ๕๕ (๑) รวมถึงการเรี่ยราย
ข้อกฎหมายเหล่านี้ กำลังจะย้อนกลับมาเล่นงานต่อบรรดาพวกอาเสี่ยทั้งหลาย หากยังดื้อรั้น ดันทุรัง อุ้มขี้เอาไว้
เรื่องนี้ไม่เชื่อ ก็อย่าลบหลู่นะ ขอบอก
พุทธะอิสระ