เมื่อว่าที่สังฆราชองค์ที่ ๒๐ กลายเป็นนักสะสม แล้วสังฆมณฑลควรจะทำตัวอย่างไร

0
75

บทความ

เมื่อว่าที่สังฆราชองค์ที่ ๒๐ กลายเป็นนักสะสม แล้วสังฆมณฑลควรจะทำตัวอย่างไร

๒๐ มกราคม ๒๕๕๙

200159 บทความ เมื่อว่าที่สังฆราชองค์ที่ ๒๐ กลายเป็นนักสะสม แล้วสังฆมณฑลควรจะทำตัวอย่างไร

เมื่อ DSI เข้าตรวจสอบรถหรูที่ตกเป็นคดีของสมเด็จช่วง แห่งวัดปากน้ำ ในวันอังคารที่ผ่านมา

 

ซึ่งมีไวยาวัจกรวัดปากน้ำออกมาให้ข้อมูลต่อเจ้าหน้าที่ พร้อมกับให้สัมภาษณ์แก่สื่อ ตอนหนึ่งว่า

 

“วัดมีเจตนาจะสะสมวัตถุโบราณเพื่อให้คนรุ่นหลังได้มาศึกษาเยี่ยมชมและได้เห็นรถเก่าแก่ ซึ่งรถที่กำลังอยู่ระหว่างถูกตรวจสอบเป็นรถยนต์เก่า ไม่ใช่รถหรูตามที่ถูกวิจารณ์ ยืนยันว่า สมเด็จฯ ได้มาจากการถวาย ไม่ได้ใช้เงินซื้อ และเป็นรถจดประกอบ มีเอกสารยืนยัน คือ สมุดจดทะเบียนใช้รถยนต์กับกรมการขนส่งทางบก ซึ่งได้มอบให้พนักงานสอบสวนนำไปตรวจสอบ สำหรับวัดคงรู้สึกอะไรไม่ได้ เพราะเป็นวัดต้องนิ่ง ประเด็นที่สำคัญขณะนี้คือ ถูกหรือผิด ก็ต้องพิสูจน์ให้ได้ข้อเท็จจริง เมื่อผลออกมาอย่างไรก็พร้อมยอมรับ ส่วนรายละเอียดของผู้ที่ถวายรถรวมถึงขั้นตอนการนำเข้า ไม่ขอเปิดเผย แต่บอกได้เพียงว่ารถคันดังกล่าวนำเข้ามาตั้งแต่ปี ๒๕๕๔”

 

เพิ่งจะรู้นะว่า วัดนี้ที่มีคนจองกฐินตลอดจนถึง ๑๐๐ ปี ข้างหน้า เขาจึงมีเงินทองเหลือเฟือจึงสามารถซื้อรถหรู ของเก่า ของโบราณมาสะสม ทำพิพิธภัณฑ์ให้คนศึกษา

 

หรือมันจะถึงยุคที่วัดและนักบวชในวัดไม่สามารถมีธรรมใดๆ ให้ประชาชนเขามาศึกษาได้แล้ว ถึงต้องอาศัยศาสดารถหรูช่วยให้การศึกษา

 

อยากถามพวกนักบวชอาเสี่ยทั้งหลายว่า บวชเข้ามาเพื่อสะสมหรือไงเฮีย

 

หน้าที่ของนักบวชสมัยนี้ต้องสะสมทรัพย์สมบัติหรือยศถาบรรดาศักดิ์ใช่ไหม

 

ทำไม่ไม่คิดถึงความทุกข์ยากลำบากแร้นแค้นของชาวบ้าน ที่เขาให้ข้าวให้น้ำกินกันบ้างนะพวกอาเสี่ย

 

ไม่รู้หรือยังไงว่าทุกวันนี้ชาวบ้านเขาลำบาก อดอยากทุกยากกันขนาดไหน ทั้งร้อนทั้งแล้ง หรือแสร้งไม่รู้ หรือรู้แต่ธุระไม่ใช่

 

ฉันไม่อยากคิดเลยว่า หากสมเด็จอาเสี่ยนักสะสมของคนพวกนี้ ได้ขึ้นเป็นสังฆราช แล้วบรรดาภิกษุสงฆ์ในสังฆมณทลจะกลายเป็นอาเสี่ยนักสะสมไปด้วยหรือเปล่า

 

คิดแล้วทำให้รู้สึกสงสารพวกชาวบ้านที่เขาศรัทธา สู้อุตส่าห์หาเงินงกๆ ลำบากเลือดตาแทบกระเด็นนำมาให้บรรดานักบวชอาเสี่ย

 

แทนที่อาเสี่ยเหล่านี้จักนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อสมณสารูป และเป็นประโยชน์ต่อสังคมพุทธศาสนา

 

แต่กลับเป็นการสร้างความมั่งคั่งร่ำรวย ให้บรรดาอาเสี่ยห่มเหลืองไปเสียนี่

 

นึกไม่ออกเลยว่า ชาวบ้านที่เขาให้ข้าวให้น้ำ ทรัพย์สินเงินทอง มาปรนเปรอพวกอาเสี่ยเหล่านี้ เขาจะได้อะไร

 

พุทธะอิสระ