พวกวัวสันหลังหวะ แค่ได้ยินเสียงแมลงหวี่แมลงวันก็สะดุ้งสะเทือนจนรนรานกันทั้งคอก ตอนที่ ๑

0
229

บทความ

พวกวัวสันหลังหวะ แค่ได้ยินเสียงแมลงหวี่แมลงวันก็สะดุ้งสะเทือนจนรนรานกันทั้งคอก ตอนที่ ๑

๑๘ มกราคม ๒๕๕๙

180159 พวกวัวสันหลังหวะ ตอนที่ ๑ (1)

มีการปล่อยข่าวจากผู้ไม่หวังดีต่อชาติ ว่าดีเอสไอจะบุกจู่โจมตรวจสอบค้นรถหรูในวัดปากน้ำภาษีเจริญ

พอข่าวนี้แพร่ออกไป บรรดาพวกลิ่วล้อสมเด็จช่วงและวัดธรรมกายต่างพากันโวยวายแซแซดกันในโลกออนไลน์ให้วุ่น

เรียกร้องให้ช่วยกันออกมาปกป้องสมเด็จช่วงแห่งวัดปากน้ำ

ถึงขนาดขู่จะระดมทั้งคนทั้งนักบวชมาปิดล้อมกรอบเจ้าหน้าที่ที่จะเข้าไปตรวจสอบในวัดปากน้ำ

 

แถมหน่วยแถกแถแก้ตัวของสมเด็จช่วงยังเสนอหน้าออกมาอธิบายแก้ตัวสารพัด เช่น แถว่ามีคนนำรถเก่าโบราณ ๖๐ ปีก่อนมาถวายสมเด็จท่าน ท่านก็ให้เอาไปไว้ที่พิพิธภัณฑ์เพื่อให้ประชาชนที่สนใจมาศึกษาลักษณะรถโบราณ ท่านมิได้เอาไว้เป็นสมบัติส่วนตัว

 

แต่มีการสร้างวาทกรรมโจมตีว่าท่านครอบครองรถหรูไม่เสียภาษี

รถหรูอะไรเก่าจนวิ่งออกถนนไม่ได้แล้ว

พุทธบริษัทผู้มีปัญญาทั้งหลายอ่านดูแล้วพิจารณาวิพากษ์วิจารณ์กันเอาเอง

แต่ที่แน่ๆ เราพึ่งจะรู้ว่า ว่าที่สังฆราชเขาสอนให้พุทธบริษัทศึกษารถโบราณด้วย

และทีนี้มาดูเรื่องจริง ความจริง และของจริง ที่เป็นวิทยาศาสตร์ สามารถพิสูจน์กันได้ในศาล

เริ่มตั้งแต่ปี ๕๖ – ๕๗ ก่อนที่เวที กปปส.จะเกิดขึ้น

ฉันได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับดีเอสไอ โดยมีนายธาริต เพ็งดิษฐ์ มารับเรื่องในคดีเจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อมนำเข้ารถหนีภาษี โดยมีนักการเมืองของจังหวัดนครปฐมเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง

 

ในเวลาต่อมาดีเอสไอรับเรื่องเอาไว้แล้วทำการสืบสวนสอบสวน จนค้นพบเงื่อนงำอำพรางของคดีนำเข้ารถหรูใหม่และเก่า ซึ่งมีทั้งนักการเมือง ลิ่วล้อนักการเมือง นักธุรกิจชาวมาเลเซีย ข้าราชการ และนายน้ำฝนแห่งวัดไผ่ล้อม มีชื่อเป็นผู้สั่งนำเข้าและสำแดงหลักฐานเท็จเพื่อหลบเลี่ยงภาษี ซึ่งรถที่นำเข้าผิดกฎหมายทั้งหมดมีจำนวน ๖,๗๕๗ คัน

 

ตามกระบวนการสืบสวนสอบสวนของดีเอสไอจึงได้รู้ว่า รถหรูราคาแพง ๑ ใน ๖,๗๕๗ คันนั้น เป็นชื่อของสมเด็จช่วงแห่งวัดปากน้ำเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์และครอบครองเอาไว้เป็นชื่อของตนเอง (อ่าวไหนว่าเป็นของวัดไง)

 

ทางดีเอสไอจึงได้ทำการขยายผลสืบสวนที่มาของรถหรูราคาแพงจึงได้พบเงื่อนงำว่า

 

มีการทำนิติกรรมอำพราง สำแดงหลักฐานเป็นเท็จว่า รถเมอร์เซเดสเบนซ์ หมายเลขทะเบียน ๙๙ เลขตัวถัง ๑๘๖๐๑๔-๐๐๔๒๐๕๓ หมายเลขเครื่องยนต์ ๑๘๖๙๒๐๔๕๐๐๕๕๒ ๓,๐๐๐ ซีซี ของสมเด็จช่วงแห่งวัดปากน้ำ
ว่าเป็นอะไหล่รถยนต์เก่า แต่แท้จริงเป็นการนำเข้ามาทั้งคัน ถือว่าผิดกฎหมายพระราชบัญญัติศุลกากร พุทธศักราช ๒๔๖๙ มาตรา ๒๗ ความว่า

 

“ผู้ใดนำหรือพาของที่ยังมิได้เสียค่าภาษี หรือของต้องจำกัด หรือของ ต้องห้าม หรือที่ยังมิได้ผ่านศุลกากรโดยถูกต้องเข้ามาในพระราชอาณาจักรสยามก็ดี หรือส่ง หรือ พาของเช่นว่านี้ออกไปนอกพระราชอาณาจักรก็ดี หรือช่วยเหลือด้วยประการใด ๆ ในการนำของ เช่นว่านี้เข้ามา หรือส่งออกไปก็ดี หรือย้ายถอนไป หรือช่วยเหลือให้ย้ายถอนไปซึ่งของดังกล่าวนั้น จากเรือกำปั่น ท่าเทียบเรือ โรงเก็บสินค้า คลังสินค้า ที่มั่นคง หรือโรงเก็บของโดยไม่ได้รับอนุญาต ก็ดี หรือให้ที่อาศัยเก็บ หรือเก็บ หรือซ่อนของเช่นว่านี้ หรือยอม หรือจัดให้ผู้อื่นทำการเช่นว่านั้น ก็ดี หรือเกี่ยวข้องด้วยประการใด ๆ ในการขนหรือย้ายถอน หรือกระทำอย่างใดแก่ของเช่นว่านั้น ก็ดี หรือเกี่ยวข้องด้วยประการใด ๆ ในการหลีกเลี่ยง หรือพยายามหลีกเลี่ยงการเสียค่าภาษี ศุลกากร หรือในการหลีกเลี่ยง หรือพยายามหลีกเลี่ยงบทกฎหมายและข้อจำกัดใด ๆ อันเกี่ยวแก่ การนำของเข้า ส่งของออก ขนของขึ้น เก็บของในคลังสินค้า และการส่งมอบของโดยเจตนาจะฉ้อ ค่าภาษีของรัฐบาล ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่จะต้องเสียสำหรับของนั้น ๆ ก็ดี หรือ หลีกเลี่ยงข้อห้ามหรือข้อจำกัดอันเกี่ยวแก่ของนั้นก็ดี สำหรับความผิดครั้งหนึ่ง ๆ ให้ปรับเป็นเงินสี่เท่าราคาของซึ่งได้รวมค่าอากรเข้าด้วยแล้ว หรือจำคุกไม่เกินสิบปี หรือทั้งปรับทั้งจำ”

 

และมีความผิดที่ ๑ ฐานสำแดงเอกสารเท็จ หลีกเลี่ยงอากร

ความผิดที่ ๒ ลักลอบนำเข้าสินค้าหนีด่านศุลกากรออกจากคลังสินค้าทัณฑ์บนและเขตปลอดอากร

คดีนี้มีบุคคลที่เข้าข่ายความผิดคือสมเด็จช่วงและผู้สำแดงการนำเข้าเป็นเท็จ (ซึ่งขอสงวนไว้เพื่อประโยชน์ในคดี) และพนักงานผู้ให้การช่วยเหลือเพื่อให้ได้มาซึ่งการจดทะเบียนกับกรมการขนส่งทางบก

เอาล่ะซี ทีนี้จะว่าอย่างไรกันล่ะพวกกองเชียร์ทั้งหลาย

อย่ามาแถกแถว่าใส่ร้ายเพื่อดิสเครดิตอีกนะ สงสารหนังกำพร้าที่หน้าตัวเองกันบ้างเถิด

หากยังไม่จุใจ ไม่ซาบซ่านไปถึงไส้ติ่งตับไต เดี๋ยวจะจัดให้เต็มๆ ในวันพรุ่งนี้
รออ่านกันนะเฮีย

 

พุทธะอิสระ

(ขอบคุณภาพจาก ASTV และ BRIGHT NEWS)