บทความ
ท่านผู้นำทำถูกแล้ว
๑๗ มกราคม ๒๕๕๙
เหตุเกิด ณ ที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และรายการคืนความสุขให้คนในชาติ
“วันนี้คนไทยมีความสุดโต่ง อะไรก็ทำไม่ได้ ทำให้การบริหารงานเป็นไปได้ยาก มีความแตกแยกทั้งคน และพระสงฆ์ ซึ่งไม่ว่ารัฐบาลจะตัดสินอย่างไรก็เหมือนจะผิดทุกทาง อย่างพระสงฆ์องค์หนึ่งตนไม่เคยรู้จักมาก่อนเลย แค่เคยรู้จักตอนที่เป็นทหารและเคยทำบุญร่วมกัน แต่นักข่าวก็บอกว่าพระองค์นั้นเป็นพระอาจารย์ของสาม ป. ซึ่งพระองค์นั้นได้ลงทุนด้วยการออกเงินให้เรียนหนังสือเพื่อจะมาช่วยเหลือรัฐบาล ถ้าเช่นนั่นก็คงเป็นการวางแผนล่วงหน้าเป็น30ปีนี่ถือว่าเป็นการช่างเขียน ก็เขียนกันไปเรื่อยเปื่อยเหมือนนิยายประโลมโลก”
“เรื่องศาสนาวันนี้เริ่มขัดแย้งกันอีกแล้ว กล่าวหาว่าข้างนั้น ข้างนี่ ไม่สนใจ เพราะเป็นชาวพุทธ เคารพในพระสงฆ์เสมอมา ในคำสอนพระพุทธเจ้าเสมอมา ไม่สนใจผู้นำแต่ละฝ่ายว่าเป็นใคร ทุกคนก็อาจจะมีความปรารถนาดี แต่อย่าลืมว่าเป็นความขัดแย้งที่รุนแรง ในสมัยก่อนจำได้ไหม โลกใบนี้รบกันเรื่องของศาสนากันมากมาย สงครามศาสนาตายกันทั้งประเทศ เพราะฉะนั้นรัฐบาลเป็นห่วงเรื่องนี้ เป็นห่วงประชาชนที่ให้ความเคารพนับถือ ภายใต้การนำของแต่ละฝ่ายมากกว่า ใครผิดใครถูกยังไม่กล่าวถึงตรงนั้น เพราะฉะนั้นไปหาทางออกให้ได้ หากยังใช้อารมณ์ ใช้ความรู้สึก กฎหมายอยู่ตรงไหนไม่รู้ อีกกลุ่มบอกว่าต้องรีบทำ อีกกลุ่มบอกว่าทำแล้วทำไมไม่โปร่งใส แล้วจะไปทางไหนต้องการความสงบสุขของบ้านเมือง ต้องการดำรงความศักดิ์สิทธิ์ของศาสนาพุทธและพระสงฆ์ วันนี้อย่าทะเลาะกันอีกเลยเรื่องแบบนี้ หยุดซะเถิดวันเวลาที่เหมาะสมเป็นเรื่องของรัฐบาลจะดำเนินการ ไม่ต้องมาบังคับ ไม่อย่างนั้นทุกเรื่องใครก็แล้วแต่ก็วางระเบิดเวลาทุกที่ไป ทุกเรื่อง ทุกงาน ไว้ให้ คสช. ไว้ให้รัฐบาลเหยียบกับระเบิดทุกวัน จะปฏิรูปได้อย่างไร จะแก้ปัญหาประเทศได้อย่างไร ไปแก้ปัญหากันมาให้ได้ ไม่ได้เข้าข้างใคร”
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ามีคนมองว่าผู้ใหญ่ในรัฐบาลเป็นลูกศิษย์ของหลวงปู่พุทธะอิสระหลายคน อาจจะเกิดความไม่เป็นกลางได้ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า “ไม่มีครับ ในรัฐบาลไม่มี ให้เป็นเรื่องของพระ ผมไม่อยากพูดมาก และให้เป็นเรื่องของกฎหมาย และมหาเถรสมาคม ซึ่งเป็นอย่างไรก็ต้องว่ากันไป ส่วนที่เกรงว่าเรื่องของพระจะกลายเป็นเรื่องการเมืองก็คงต้องไปคุยกับพระดู ผมไม่ค่อยถนัดด้วย”
คุณประวิตรให้สัมภาษณ์ในวันอังคารที่ ๒๔ ก.พ. ๕๘ สิ่งที่คุณประยุทธ์ คุณประวิตร พูดออกมานั้น ชอบแล้ว ถูกต้องแล้ว นี่คือสปิริตของผู้นำที่ดีตามวิถีลูกผู้ชายชาติทหาร ที่ถูกอบรมบ่มเพาะอุปนิสัยมาตั้งแต่เป็นทหารชั้นผู้น้อยจนถึงระดับแม่ทัพนายกอง หากผู้นำมากไปด้วยความลำเอียง อคติ เลือกข้าง เหมือนอย่างพวกนักการเมืองเขาทำกันอย่างที่ผ่านมา
ความเที่ยงธรรม ยุติธรรม มันจะมาจากไหน การเลือกปฏิบัติ มีอคติลำเอียง ลำเอียงเพราะชอบ ลำเอียงเพราะชัง ลำเอียงเพราะหลง ลำเอียงเพราะกลัว หากผู้นำประเทศมีอคติ ลำเอียง แล้วประชาชนจะไปหวังพึ่งใครได้ สิ่งที่ท่านผู้นำพูด ทำ และตั้งตนอยู่ในความเป็นกลางเช่นนี้แหละ จึงจะสามารถจัดการกับทุกปัญหาของชาติบ้านเมืองนี้ได้ ในหมู่บรรดาทหารเสือนวมินทราชินีเราถูกสอนมาว่า ชาติต้องมาก่อน บุคคลอยู่ข้างหลัง
ฉันดีใจที่ท่านผู้นำวางตนได้อย่างเหมาะสม สมกับที่พวกเราฝากความหวังเอาไว้แก่พวกท่าน สำหรับฉันใครจะชอบก็ชั่ง ใครจะชังก็เชิญ ขอเพียงได้ทำหน้าที่ของลูกไทยหลานไทย ผู้กตัญญูต่อแผ่นดินเกิด และนักบวชผู้ปกป้องพระธรรมวินัยอย่างซื่อตรง เป็นผู้เพียรพยายามบำเพ็ญทศบารมี เท่านี้ก็พอแล้ว
พุทธะอิสระ