บทความ
ขอบคุณ ขออนุโมทนา
๑๓ มกราคม ๒๕๕๙
ในวิธีคิดของ คุณปราโมทย์ นาครทรรพ ที่ออกมาให้ปัญญาแก่สังคมและคุณวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี การที่คุณวิษณุ ออกมาให้สัมภาษณ์ เรื่องการแต่งตั้งสมเด็จพระสังฆราชองค์ที่ ๒๐ ของแผ่นดินไทย มีตอนหนึ่งว่า ให้เป็นไปตามกฎหมายคณะสงฆ์ แถมยังบอกอีกว่า หากปล่อยให้เป็นไปตามกระแสคัดค้าน เช่นนั้นทุกอย่างก็ต้องชะลอหมด เพราะมีคนสร้างกระแสขึ้นมาทุกเรื่อง
ดังนั้นหากจะต้องชะลอก็ต้องเข้าใจว่าเป็นเพราะเหตุผลอื่นที่ต้องฟัง แล้วสังคมฟังขึ้น เนื่องจากเรื่องนี้เกี่ยวกับสังคม ไม่ใช่ฟังขึ้นกันอยู่ในผู้ออกคำสั่งเอง ดูท่าว่าคำกล่าวของ นายวิษณุ จะออกมาประมาณว่า สังฆราชข้าใครอย่าแตะ แต่พวกที่อยู่วงในเขารู้กันว่า นายวิษณุมีความสนิทสนมกับวัดสระเกศและวัดปากน้ำขนาดไหน ไม่เว้นแม้แต่นักการเมืองฝ่ายเพื่อไทย ขนาดตอนที่มีข่าวเรื่องพระบัญชาสมเด็จพระสังฆราชและมีความพยายามทำให้กลายเป็นพระลิขิต ต่อมาก็มีข่าวว่า พระลิขิตนั้นปลอม
ผู้สื่อข่าวไปถามนายวิษณุ กลับให้สัมภาษณ์หน้าตาเฉยว่า ต้องไปตรวจสอบดูก่อนว่า พระลิขิตปลอมหรือไม่ ตนเองก็ยังมิได้เห็นของจริง จนนำมาซึ่งการที่ฉันต้องไปร้องเรียนต่อผู้ตรวจการแผ่นดินรัฐสภาให้ตรวจสอบดูว่า เป็นพระบัญชา พระวินิจฉัย หรือพระลิขิต แล้วจริงหรือเท็จอย่างไร
หลังจากผู้ตรวจการพิสูจน์จึงออกมาประกาศว่า เป็นคำตัดสินคือพระวินิจฉัย หาใช่พระลิขิตไม่ เป็นของจริงมิใช่ของปลอม นายวิษณุ ในฐานะผู้กำกับดูแลด้านนโยบายของสำนักงานพระพุทธศาสนา ก็กลับเงียบเฉยไม่พูดอะไรสักคำ อีกทั้งยังไม่ยอมดำเนินการใดๆ อีกด้วย
ฉะนั้น นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ออกมาพูดรับรองข้อกฎหมาย พรบ.คณะสงฆ์ มาตรา ๗ เพื่อให้ดำเนินการส่งชื่อผู้มีอาวุโสสูงสุดด้านสมณศักดิ์ ให้แก่นายกรัฐมนตรี แล้วทำไมนายวิษณุไม่พูดถึงเงินประจำตำแหน่งสมเด็จพระสังฆราชที่หายไป ทำไมไม่พูดถึงข้อกฎหมายเรื่องนำรถหนีภาษีมาครอบครอง ไม่พูดถึงการนำบุคคลที่ไม่ใช่ภิกษุขอพระราชทานสมณศักดิ์ แต่เลือกที่จะพูดเฉพาะข้อกฎหมายในส่วนที่พวกตนได้ประโยชน์
นี่ก็ถือว่าเป็นการสนับสนุนอยู่ในที ทั้งที่รู้ว่าบุคคลผู้ที่ถูกเสนอชื่อมีปัญหา เป็นที่ครหา แต่กลับทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น
พุทธะอิสระ