ถามมา ตอบไป
๒๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๗
สืบเนื่องเรื่องบทความที่เขียนเรื่อง สงครามยังไม่จบอย่าพึ่งเสนอหน้าออกมานับศพทหาร ตอนสุดท้ายของบทความพุทธะอิสระได้โพสต์ถึงว่า ปัจจุบันนี้ดูจะเป็นยุคทมิฬของประชาชน มีผู้ถามเข้ามาว่า ยุคทมิฬ หมายถึงอะไร
ตอบได้ว่า :
ยุคทมิฬ หมายถึง ยุคที่เต็มไปด้วยความเหี้ยมโหด ดุร้าย จากคนที่แข็งแรงเอารัดเอาเปรียบ กลั่นแกล้ง รังแกผู้ที่อ่อนแอ
ผู้มีอำนาจในบ้านเมืองนี้กำลังปล่อยให้ประชาชนตกทุกข์ได้ยาก ข้าวยากหมากแพง ค่าแรงถูก นายทุนกลุ่มผู้มีเงินเอาเปรียบประชาชน นักการเมืองขี้ฉ้อโกงได้แม้กระทั้งกฎหมายบ้านเมือง
(ประชาชนในสังคมทุกหย่อมหญ้ากำลังตกอยู่ในสภาวะอึดอัด ถูกบีบคั้นจากหลากหลายด้าน)
สังคมครอบครัวแตกแยก ค่าครองชีพแพง แต่ค่าแรงถูก แม้รัฐบาลจะมีนโยบายขึ้นค่าแรง แต่ก็ยังไม่เห็นเป็นรูปธรรมที่ชัดเจน ที่เห็นได้ชัดก็คือ บริษัทห้างร้านต่างพากันปลดคนงาน ปิดกิจการ ไม่เว้นแม้แต่สื่อใหญ่ของประเทศ
ที่แน่ๆ ข้าวของทุกชนิดพุ่งทะยานนำหน้าค่าแรงขั้นต่ำที่รัฐบาลประกาศจะขึ้น ค่าครองชีพก็พุ่งทะยานไปไม่รู้จะกี่เท่าของค่าแรงที่จะได้
นี่ยังไม่นับรวมนักศึกษาที่จบมา และแรงงานหน้าใหม่ที่ตกงานยังหางานทำไม่ได้ ที่มีงานทำอยู่แล้วก็กำลังจะถูกไล่ออก หลายคนถึงขนาดหาทางรอดด้วยการผันตัวไปเป็นผู้ขายบริการทั้งหญิงและชาย เพื่อความอยู่รอด ไม่เว้นแม้แต่เด็กนักเรียนวัยรุ่นก็ผันตัวเข้าสู่ระบบขายบริการเพื่อให้ได้เงินมาประทังชีวิต และแสวงหาสิ่งที่ตนต้องการ
ยังไม่ต้องพูดถึงนักการศาสนา ดูจะไม่รู้สึกรู้สา ไม่รู้ร้อนรู้หนาว ที่ผู้คนในสังคมกำลังได้รับความทุกข์ยากลำบาก
แม้แต่ผู้บริหารบ้านเมือง และนักการเมือง สื่อสารมวลชน ที่มีหน้าที่นำความจริงมาเปิดเผย และให้ข้อมูลทั้งสองด้านต่างก็พากันเงียบกริบ
นี่หากเป็นสมัยรัฐบาลลุงตู่ ป่านนี้คงถูกรุ่มด่ากันทั้งวันทั้งคืนจนหูอื้อไปแล้ว แต่พอมาถึงยุครัฐบาลที่อ้างว่าเป็นประชาธิปไตย สื่อก็เงียบ นักการเมืองก็เงียบ ยิ่งผู้มีอำนาจ ผู้บริหารบ้านเมืองยิ่งเงียบ แถมยังทำตัวชิวๆ ประดุจดังว่า ไม่มีอะไรในกอไผ่ ประชาชนที่ทุกข์ยากเดือดร้อน แร้งแค้นอยู่ทุกวันนี้ ไม่รู้ว่าจะหันไปพึ่งพาอาศัยใคร
เช่นนี้จะไม่เรียกว่า ยุคทมิฬของประชาชน แล้วจะเรียกว่าอะไร
หรือเพียงแค่คำว่า ประชาธิปไตย นักการเมืองจะทำอะไรก็ได้ แม้แต่โกงกฎหมายบ้านเมือง
พุทธะอิสระ
——————————————–