จากคลิป : พระพุทธเจ้าไม่เคยห้ามเรื่องการทำธุรกิจสีเทา

0
17

๘ พฤศจิกายน ๒๕๖๗
คลิป : พระพุทธเจ้าไม่เคยห้ามเรื่องการทำธุรกิจสีเทา

แม้ทำอาชีพโจร พระพุทธเจ้าก็ไม่ได้ห้าม

@ajahnton

พระพุทธองค์แยบคายในการเปิดใจโจร ให้รับฟังในคำสอน เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในการประพฤติ โดยไม่ใช้วิธีบังคับใด ๆ #พระอาจารย์ต้น #พระอาจารย์ต้นธรรมนาวา #พุทธยุวชน #พระพุทธเจ้า#ธุรกิจสีเทา

♬ เสียงต้นฉบับ – AjhanTon – พระอาจารย์ต้น – AjahnTon – พระอาจารย์ต้น
ที่มา : https://www.tiktok.com/@ajahnton/video/7216432681020706074

พระ อ. ต้น : พระองค์ไม่เคยห้ามเรื่องเกี่ยวกับการทําธุรกิจสีเทา พุทธศาสนาไม่ใช่ศาสนาของการห้าม พระพุทธศาสนาเป็นศาสนาที่เปิดอิสระในการใช้ชีวิต

มนุษย์เราเนี่ยตกอยู่ภายใต้กฎของกรรม ใครทํากรรมใดไว้ย่อมได้รับผลกรรมนั้น ในสังคมที่เราเป็นอยู่มันจะมีคนสองจำพวกนี้ คือฝ่ายดี ฝ่ายไม่ดี

ในคนที่ดีถ้าไปอยู่ในสังคมที่เต็มไปด้วยคนที่ไม่ดีเต็มไปหมดเลยคนที่ดีเค้าก็ต้องมาตั้งคําถามกับพระพุทธเจ้าว่า อ้าว!! แล้วพวกข้าพระองค์จะอยู่ในสังคมดีๆ แล้วไม่ได้ทําความชั่ว ไม่ได้ทําอะไรที่เป็นเทาๆ แบบคนอื่นแล้วมันจะไปเจริญได้ยังไง

พระพุทธเจ้าก็บอกเธอจงสร้างเหตุปัจจัยด้วยหลักธรรมแบบนี้ คือ สําหรับอัธยาศัยของบุคคลผู้ทําดีหวังเอาดีจากความดีที่มีอยู่ให้สร้างเหตุปัจจัยอย่างนี้ แต่คนเทาๆ อย่างนี้พระองค์ก็สอนเหตุใหม่ มีอยู่ครั้งหนึ่งที่พระองค์ไปสอนโจร การสอนโจรพระองค์ไม่ได้สอนว่าอย่าปล้นคนนะ พระองค์ว่าอย่างนี้นะ

ในโจรสูตร พระองค์บอกว่าเราจะสอนวิธีปล้นให้กับเธอ

วิธีปล้นที่พวกเธอควรปล้นก็คือ

1. อย่าฆ่าเจ้าทรัพย์
2. อย่าลักพาเด็ก
3. อย่าลักพาสตรี
4. เวลาเอาทรัพย์เขาไปอย่าเอาไปหมดให้ทิ้งทรัพย์ไว้ครึ่งหนึ่ง
5. อย่าปล้นนอกถิ่นของตน
6. เมื่อปล้นแล้วอย่าใช้จ่ายทรัพย์นั้นด้วยความสุรุ่ยสุร่าย เก็บทรัพย์นั้นไว้ให้มากพอ พอมากพอแล้วเธอจะมีทรัพย์มากแล้วก็ไม่ต้องมาเป็นโจรปล้นอีก

********************************

ตายแล้ว ต้นเอ๋ยต้น นายนี่มันตัวอะไร เป็นสาวกของลัทธิศาสนาใด ทำไมช่างสำรอกออกมาได้อย่างน่ารังเกียจเช่นนี้

นี่แสดงว่า คำที่พระพุทธองค์ทรงสอนว่า หิริ ความละอายชั่ว โอตัปปะ ความเกรงกลัวบาป คงใช้ไม้ได้สำหรับต้นคนนี้เสียแล้ว

นี่ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องศีล ๕ ข้อห้ามลักทรัพย์ ก็ใช้ได้สำหรับต้น จนถึงขนาดกล้าหน้าด้านสอนให้สาวกของตนละเมิดในศีลอันเป็นความดีพื้นฐานของมนุษย์ได้

เช่นนี้คงไม่ต้องพูดถึงหลักธรรมคำสอนในมรรคแปด ต้นก็คงไม่ได้สำเหนียกว่าพระพุทธองค์ทรงสอนว่าอย่างไร

ต้นเอ๋ยต้น เห็นแก่สัตว์ผู้จมปลัก พุทธะอิสระจะหยิบยกเอาคำที่ทรงสอน ๑ ใน ๘ ข้อที่มีอยู่ในมรรค ๘ มาบอกแก่พวกสาวกของต้นที่ยังพอจะมีสติระลึกได้คิดเป็น

ทำความเข้าใจถึงบทพุทธธรรมของพระธรรมวินัยนี้ ดูบ้างว่าจริงๆ แล้วพระพุทธเจ้าทรงสอนอะไรไว้ในมรรควิถี

******************************

สัมมาอาชีวะ แปลว่า การเลี้ยงชีพ การประกอบอาชีพ ที่ต้องไม่เบียดเบียนตนและสัตว์อื่น ให้เดือดร้อนเสียหาย เช่น การไม่คดโกง การไม่ตระบัดสัตย์ การไม่หลอกลวง การไม่ข่มขู่คุกคาม การไม่ฉ้อฉล การไม่ทำร้ายหรือทำลายเบียดเบียนชีวิต ไม่เอารัดเอาเปรียบ

การเลี้ยงชีพที่จัดว่าเป็น สัมมาอาชีวะ หรืออาชีพที่สุจริต จักต้องไม่มีลักษณะอันเป็นโทษดังกล่าว จัดเป็นมิจฉาอาชีวะ อันแบบเป็นลักษณะของอาชีพที่เป็นโทษ ๕ ประเภท ดังต่อไปนี้

๑. สัตถวณิชชา ได้แก่ การค้าขายอาวุธ และเครื่องประหารทุกชนิด

๒. สัตตวณิชชา ได้แก่ การค้าขายมนุษย์หรือการค้าทาส

๓. มังสวณิชชา ได้แก่ การค้าขายชีวิตสัตว์

๔. มัชชวณิชชา ได้แก่ การค้าขายเครื่องหมักดอง ของเมา และสิ่งเสพติดทั้งปวง

๕. วิสวณิชชา ได้แก่ การค้าขายยาพิษ และสารหรือสิ่งอันเป็นอันตรายแก่ชีวิตของคนและสัตว์ทุกชนิด

ผู้ที่ปรารถนาความบริสุทธิ์บริบูรณ์ของมรรคผลนิพพาน ต้องเว้นขาดจากอาชีพ และพฤติกรรมต้องห้ามอย่างเด็ดขาด

แต่ถ้าเป็นบรรพชิตผู้ถือบวช ต้องเพิ่มคุณธรรม คำว่าสันโดษ พอใจ ใฝ่ยินดีในสิ่งที่ตนมีตนได้ หมายถึง ปัจจัย ๔ เครื่องเลี้ยงชีพ จึงถือว่า เป็นผู้เลี้ยงชีพด้วยหลักสัมมาอาชีวะ

********************************

แล้วไอ้ที่ต้นสำรอกสอนศิษย์ว่า พระพุทธเจ้าสอนให้โจรทำวิธีลัก ปล้น ๖ อย่างนะ ต้นไปมโนเอามาจากไหน แล้วมาตู่ว่า พระพุทธเจ้าสอนโจร

จาบจ้วงล่วงเกินตู่คำสอนของพระพุทธเจ้าเอาไว้แยะเถิดต้น จะได้ไปพบกับกบิลภิกขุ ที่ยังอยู่ในอเวจีมหานรก ด้วยเหตุเพราะการตู่พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์

สิ่งที่ต้นยกมาสำรอกให้สาวกฟังนี้ แท้จริงแล้วพระพุทธเจ้ามิได้ทรงสอนโจร แต่พระพุทธเจ้าตรัสกับภิกษุทั้งหลาย ซึ่งมีปรากฎอยู่ในพระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๓ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๕ อังคุตตรนิกาย สัตตก-อัฏฐก-นวกนิบาต

โจรสูตรที่ ๑

ดูกรภิกษุทั้งหลาย มหาโจรประกอบด้วยองค์ ๘ ประการ ย่อมพลันเสื่อม ตั้งอยู่ไม่นาน
องค์ ๘ ประการเป็นไฉน คือ

ประหารคนที่ไม่ประหารตอบ ๑
ถือเอาสิ่งของไม่เหลือ ๑
ลักพาสตรี ๑
ประทุษร้ายกุมารี ๑
ปล้นบรรพชิต ๑
ปล้นราชทรัพย์ ๑
ทำงานใกล้ถิ่นเกินไป ๑
ไม่ฉลาดในการเก็บ ๑

ดูกรภิกษุทั้งหลาย มหาโจรประกอบด้วยองค์ ๘ ประการนี้แล ย่อมพลันเสื่อม ตั้งอยู่ไม่นาน ฯ

ย้ำว่าเป็นสูตรที่พระพุทธเจ้าทรงสอนแก่ภิกษุสงฆ์และมิใช่ ๖ ข้อ อย่างที่ต้นว่า แต่เป็น ๘ ประการต่างหากเล่าต้น

อีกทั้งเมื่อพระพุทธองค์ทรงตรัสสอนสูตรแรกไปแล้ว แล้วมีภิกษุบางรูปทูลถามพระพุทธองค์ว่า แล้วคนที่มีอาชีพเป็นคนประหารนักโทษและพวกทหาร ราชบุรุษประหารอริราชศัตรูเล่า รวมทั้งพวกลักเล็กขโมยน้อย ตัดช่องย่องเบา หรือปล้นสะดม จักมิมีโอกาสตั้งตนอยู่ในความเสื่อมหรือพระเจ้าข้า

พระบรมศาสดาจึงทรงตรัวโจรสูตรที่ ๒ ความว่า

ดูกรภิกษุทั้งหลาย มหาโจรประกอบด้วยองค์ ๘ ประการ ย่อมไม่เสื่อมเร็ว ตั้งอยู่ได้นาน
๘ ประการเป็นไฉน คือ

ไม่ประหารคนที่ไม่ควรประหาร ๑
ไม่ถือเอาของจนไม่เหลือไว้ให้แก่เจ้าของ ๑
ไม่ลักพาสตรีที่เขามีเจ้าของ ๑
ไม่ประทุษร้ายกุมารี ๑
ไม่ปล้นบรรพชิต ๑
ไม่ปล้นราชทรัพย์ ๑
ไม่ทำงานใกล้ถิ่นเกินไป ๑
ฉลาดในการเก็บ ๑

ดูกรภิกษุทั้งหลาย มหาโจรประกอบด้วยองค์ ๘ ประการนี้แล ไม่เสื่อมเร็ว ตั้งอยู่ได้นาน ฯ

จบสูตร

ใครที่เป็นสาวกของต้นคนนี้คงต้องทำใจยอมรับความอวดรู้ทั้งที่ไม่รู้ของต้นกันต่อไปนะจ๊ะ
เวรกรรม เวรกรรม

พุทธะอิสระ

——————————————–

ลิงค์จาก : https://www.facebook.com/buddha.isara/posts/pfbid0oyvRx5G9ByLQY2WuLgf66QLk7DrkymnNaNLeDh9QceptVQhWQKvr6x6bKevzHuiMl