มหาปรินิพพานสูตร (ตอนที่ 22)

0
30

มหาปรินิพพานสูตร (ตอนที่ ๒๒)
๑๙ สิงหาคม ๒๕๖๗

ความเดิมตอนที่แล้วจบลงตรงที่ พวกเจ้ามัลละเมืองกุสินารา ดับจิตกาธารของพระผู้มีพระภาคด้วยน้ำหอมล้วนๆ และกระทำสัตติบัญชรในสัณฐาคารแวดล้อมด้วยธนูปราการ สักการะ เคารพ นับถือ บูชาพระสรีระพระผู้มีพระภาคตลอดเจ็ดวันด้วยการฟ้อนรำ ด้วยการขับ ด้วยการประโคม ด้วยพวงมาลัย

กาลต่อมา พระเจ้าแผ่นดินมคธพระนามว่าอชาตศัตรู เวเทหีบุตรได้ทรงสดับข่าวว่า พระผู้มีพระภาคเสด็จปรินิพพานในเมืองกุสินาราจึงทรงส่งทูตไปหาพวกเจ้ามัลละเมืองกุสินาราว่า พระผู้มีพระภาคเป็นกษัตริย์ แม้เราก็เป็นกษัตริย์ เราควรจะได้ส่วนพระสรีระพระผู้มีพระภาคบ้าง จักได้กระทำพระสถูปและการฉลองพระสรีระพระผู้มีพระภาค

แม้พวกกษัตริย์ลิจฉวีเมืองเวสาลีทราบข่าวว่า พระผู้มีพระภาคเสด็จปรินิพพานในเมืองกุสินารา จึงส่งทูตไปหาพวกเจ้ามัลละเมืองกุสินาราว่าพระผู้มีพระภาคเป็นกษัตริย์ แม้เราก็เป็นกษัตริย์ เราควรได้ส่วนพระสรีระพระผู้มีพระภาคบ้าง แม้พวกเราก็จักได้ทำพระสถูปและการฉลองพระสรีระพระผู้มีพระภาค

ไม่เว้นแม้แต่พวกกษัตริย์ศากยะเมืองกบิลพัสดุ์ พวกกษัตริย์ถูลีเมืองอัลกัปปะ พวกกษัตริย์โกลิยะเมืองรามคาม และพราหมณ์ผู้ครองเมืองเวฏฐทีปกะ พวกกษัตริย์มัลละเมืองปาวา โดยอธิบายเหตุว่า พระผู้มีพระภาคเป็นพระญาติอันประเสริฐของพวกเรา

แต่ละเมืองที่มีความเลื่อมใส ศรัทธา ต่างก็อ้างว่า ตนเป็นกษัตริย์ สมควรจักได้รับส่วนแบ่งของพระบรมสารีริกธาตุ

เมื่อทูตของกษัตริย์และพราหมณ์ต่างแสดงเจตนามาดังนี้ พวกเจ้ามัลละเมืองกุสินาราได้ตรัสตอบหมู่คณะเหล่านั้นว่า พระผู้มีพระภาคเสด็จปรินิพพานในคามเขตของพวกเรา พวกเราจักไม่ให้ส่วนที่เป็นพระสรีระพระผู้มีพระภาคแก่ใครๆ ทั้งนั้น

เมื่อพวกเจ้ามัลละเมืองกุสินาราตรัสอย่างนี้แล้ว โทณพราหมณ์จึงได้พูดกะหมู่เจ้ามัลละเหล่านั้นว่า

ดูกรท่านผู้เจริญทั้งหลาย ขอพวกท่านจงฟังคำอันเอกของข้าพเจ้า พระพุทธเจ้าของเราทั้งหลาย เป็นผู้กล่าวสรรเสริญขันติ การจะรบราฆ่าฟันประหารกันด้วยเพราะเหตุที่มาแย่งชิงพระสรีระของพระพุทธเจ้าผู้เป็นอุดมบุคคลเช่นนี้ หาดีไม่ ขอเราทั้งหลายทั้งปวง จงยินยอมพร้อมใจยินดีแบ่งส่วนพระสรีระออกเป็น ๘ ส่วนเถิด เพื่อให้พระสถูปได้แพร่หลายไปในจตุรทิศทั้งหลาย เป็นการอนุเคราะห์แก่ชนผู้เลื่อมใสต่อพระพุทธเจ้า ผู้มีพระจักษุมีอยู่มากในทิศทั้ง ๔ นั้น

หมู่คณะทูตของเมืองต่างๆ เหล่านั้นตอบว่า ข้าแต่พราหมณ์ ถ้าเช่นนั้นก็ขอให้ท่านนั่นแหละจงเป็นผู้แบ่งพระสรีระพระผู้มีพระภาคออกเป็น ๘ ส่วนเท่าๆ กัน ให้เรียบร้อยโดยดีเถิด

โทณพราหมณ์รับคำของหมู่คณะเหล่านั้นแล้ว แบ่งพระสรีระพระผู้มีพระภาคออกเป็น ๘ ส่วนเท่ากันเรียบร้อย จึงกล่าวกะหมู่กษัตริย์มัลละเหล่านั้นว่า

ดูกรท่านผู้เจริญทั้งหลาย ขอพวกท่านจงให้ตุมพะทะนานทองนี้แก่ข้าพเจ้าเถิด ข้าพเจ้าจักกระทำพระสถูปและกระทำการฉลองเจดีย์ตุมพะนี้บ้าง ทูตตามเมืองต่างๆ จึงยินยอมยกตุมพะทะนานทองให้เป็นสิทธิ์ของโทณพราหมณ์

กาลต่อมาพวกเจ้าโมริยะเมืองปิปผลิวัน ได้สดับข่าวว่า พระผู้มีพระภาคเสด็จปรินิพพานในเมืองกุสินารา จึงส่งทูตไปหาพวกเจ้ามัลละเมืองกุสินาราว่าพระผู้มีพระภาคเป็นกษัตริย์ แม้เราก็เป็นกษัตริย์ เราควรจะได้ส่วนพระสรีระพระผู้มีพระภาคบ้าง จักได้กระทำพระสถูปและการฉลองพระสรีระพระผู้มีพระภาคพวกเจ้ามัลละเมืองกุสินาราตอบว่า ส่วนพระสรีระพระผู้มีพระภาคไม่มี เราได้แบ่งกันหมดไปแล้ว พวกท่านจงนำเอาเถ้าพระอังคารไปเถิด พวกทูตนั้น นำเถ้าพระอังคารไปจากที่นั้นแล้ว ฯ

ครั้งนั้น พระเจ้าแผ่นดินมคธ พระนามว่า อชาตศัตรู เวเทหีบุตรเมื่อได้พระบรมสารีริกธาตุมาแล้ว จึงทรงมีรับสั่งให้กระทำพระสถูปและการฉลองพระสรีระพระผู้มีพระภาค ในพระนครราชคฤห์

พวกกษัตริย์ลิจฉวีเมืองเวสาลี ก็ได้กระทำพระสถูปและการฉลองพระสรีระพระผู้มีพระภาคในเมืองเวสาลี

พวกกษัตริย์ศากยะเมืองกบิลพัสดุ์ ก็ได้กระทำพระสถูปและการฉลองพระสรีระพระผู้มีพระภาคในเมืองกบิลพัสดุ์

พวกกษัตริย์ถูลีเมืองอัลกัปปะ ก็ได้กระทำพระสถูปและการฉลองพระสรีระพระผู้มีพระภาคในเมืองอัลกัปปะ

พวกกษัตริย์โกลิยะเมืองรามคาม ก็ได้กระทำพระสถูปและการฉลองพระสรีระพระผู้มีพระภาคในเมืองรามคาม

พราหมณ์ผู้ครองเมืองเวฏฐทีปกะ ก็ได้กระทำพระสถูป และการฉลองพระสรีระพระผู้มีพระภาคในเมืองเวฏฐทีปกะ

พวกเจ้ามัลละเมืองปาวา ก็ได้กระทำพระสถูปและการฉลองพระสรีระพระผู้มีพระภาคในเมืองปาวา

พวกเจ้ามัลละเมืองกุสินารา ก็ได้กระทำพระสถูปและการฉลองพระสรีระพระผู้มีพระภาคในเมืองกุสินารา

โทณพราหมณ์ ก็ได้กระทำสถูปและการฉลองตุมพะ

พวกกษัตริย์โมริยะเมืองปิปผลิวัน ก็ได้กระทำพระสถูปและการฉลองพระอังคารในเมืองปิปผลิวัน ฯ

พระสถูปบรรจุพระสรีระมีแปดแห่ง แห่งที่เก้าคือ สถูปบรรจุตุมพะทะนานทอง แห่งที่สิบคือ พระสถูปที่บรรจุพระอังคาร ด้วยประการฉะนี้

ธรรมเนียมการสร้างสถูปนี้จึงเป็น เป็นแบบอย่างให้ชนหลังๆ สร้างสถูปบรรจุอัฐิ หรือธาตุของบุคคลที่ตนเคารพบูชา มาจนถึงทุกวันนี้

ซึ่งในความเชื่อของพระพุทธศาสนามีเจดีย์อยู่ด้วยกัน ๔ ประเภท คือ

ธาตุเจดีย์ คือ เจดีย์ที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ

บริโภคเจดีย์ คือ เจดีย์ที่บรรจุเครื่องใช้ไม้สอยของผู้ที่เป็นถูปารหบุคคล คือบุคคลที่ควรกราบไหว้ เคารพบูชา ๔ จำพวก อันได้แก่

– พระรัตนตรัย (พระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์)

– พระมหากษัตริย์ผู้มีคุณธรรม

– บิดา มารดา ญาติผู้ใหญ่

– ครูบาอาจารย์ ผู้ประพฤติดี

ธรรมเจดีย์ คือ เจดีย์ที่บรรจุพระธรรมคำสั่งสอน

อุทเทสิกเจดีย์ คือ เจดีย์ที่บรรจุพระพุทธรูปหรือพระพิมพ์ต่างๆ รวมถึงพระพุทธปฏิมาองค์ใหญ่ๆ ก็เรียกว่า อุทเทสิกเจดีย์

จบบริบูรณ์ในมหาปรินิพพานสูตรแล้วจ้า

เจริญธรรม

โอกาสหน้าจักนำเอา ธรรมอันน่าอัศจรรย์ของพระพุทธเจ้า มาเล่าสู่กันฟัง

พุทธะอิสระ

——————————————–

ลิ้งค์จาก : https://www.facebook.com/buddha.isara/posts/pfbid05kQGbUjJ5AHibGr4JKJRCkxRzkdmNsNVt3Ef8p5TcXvMqESVWaKXYxzSiDxMAgSGl