พระภัททากัจจานาเถรี (พระนางยโสธรา,พระนางพิมพา) ตอนที่ 9

0
33

พระภัททากัจจานาเถรี (พระนางยโสธรา,พระนางพิมพา) ตอนที่ ๙
๑๐ พฤษภาคม ๒๕๖๗

ความเดิมตอนที่แล้วจบลงตรงที่ พระบรมศาสดาทรงตรัสเรื่อง ติปัลลัตถมิคชาดก แก่หมู่พระภิกษุทั้งหลายเพื่อให้ทราบถึงความเป็นผู้ใคร่ต่อการศึกษาของพระราหุล จนสามารถพาตัวให้รอดพ้นจากอันตรายได้ แม้จะเป็นแค่สัตว์เดรัจฉาน

หากจะกล่าวถึงความอ่อนน้อมถ่อมตนและใฝ่เรียนใฝ่รู้ของท่านพระราหุลเถระ ก็คงต้องเริ่มพูดกันตั้งแต่สมัยที่ท่านได้เป็นสามเณร ซึ่งจะมีภิกษุอยู่กลุ่มหนึ่งที่มักจะทดสอบ ทดลองความอ่อนน้อมถ่อมตน ขยันหมั่นเพียรของท่านราหุลอยู่ไม่ขาด ตัวอย่างเช่น

ภิกษุทั้งหลายเห็นสามเณรราหุลกำลังมาแต่ไกล เพื่อต้องการจะทดลองต่อท่านสามเณรราหุลนั้น จึงทิ้งกำไม้กวาดหรือภาชนะสำหรับทิ้งขยะไว้ เมื่อท่านราหุลนั้นมาถึง ภิกษุเหล่านั้นจึงพากันกล่าวว่า

ใครทิ้งสิ่งนี้ไว้อย่างนี้ ช่างมักง่ายเสียจริง ภิกษุอีกพวกหนึ่งจะกล่าวอย่างนี้ว่า ท่านผู้เจริญ ! ท่านราหุลเที่ยวมาในบริเวณนี้ ชะรอยเธอวางทิ้งไว้กระมัง แต่สามเณรราหุลนั้นด้วยความเคารพในคำของพระภิกษุจึงไม่กล่าวแก้ตัวใดๆ ก้มลงไปเก็บงำสิ่งนั้นไว้ในที่ที่ควร แล้วขอขมาว่า ท่านผู้เจริญ ขอท่านทั้งหลาย จงอดโทษแก่กระผม แล้วก็ลาไป

สมัยหนึ่ง ราหุลสามเณรได้มาเยี่ยมพระชนนี ในวันนั้น ลมในพระอุทรของพระเถรีกำเริบขึ้น เมื่อสามเณรราหุลเสด็จมาเพื่อจะเยี่ยมเยียน พระเถรีผู้เป็นมารดานั้นไม่สามารถจะออกมาพบได้ ภิกษุณีอื่นๆ จึงมาบอกว่า พระเถรีไม่สบาย

สามเณรราหุลนั้นจึงไปยังสำนักของพระมารดา แล้วทูลถามว่า พระองค์ควรจะได้ยาอะไร จึงจักลดอาพาธลง ?

พระเถรีผู้ชนนีตรัสว่า ดูก่อนพ่อ ในคราวยังครองเรือน แม่ดื่มน้ำมะม่วงที่เขาปรุงประกอยด้วยน้ำตาลกรวด โรคลมในท้องก็สงบระงับไป แต่บัดนี้ พวกเราเที่ยวบิณฑบาติเลี้ยงชีพจักได้น้ำมะม่วงนั้นมาจากไหน

ราหุลสามเณรทูลว่า หม่อมฉันจักไปนำมาถวาย แล้วก็ออกไป แม้ท่านจะมีพระญาติพระวงศ์มากมาย อีกทั้งยังมีพระธรรมเสนาบดีเป็นอุปัชฌาย์ มีพระมหาโมคคัลลานะเป็นอาจารย์ มีพระอานันทเถระเป็นอา มีพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นบิดา แต่ท่านก็มิได้ไปรบกวนพระองค์ท่านทั้งหลายเหล่านั้น ท่านราหุลได้ไปยังสำนักของอุปัชฌาย์ไหว้แล้ว ได้ยืนด้วยอาการเศร้าสร้อยอยู่

ลำดับนั้น พระเถระสารีบุตรจึงกล่าวกะราหุลสามเณรขึ้นว่า

ดูก่อนราหุล เหตุไรหนอ เธอจึงมีหน้าระทมทุกข์ มายืนอยู่เช่นนี้เล่า

ราหุลสามเณรกล่าวว่า ข้าแต่ท่านอาจารย์ผู้เจริญ โรคลมในท้องของพระเถรีผู้เป็นมารดาของกระผม กำเริบขึ้น ไม่มียาใดๆ จะรักษาได้ นอกจากน้ำมะม่วงที่คั้นแล้วเท่านั้น กระผมไม่รู้ว่าจะไปหาน้ำมะม่วงคั้นนั้นมาจากไหน

พระสารีบุตรเถระจึงกล่าวว่า เช่นนั้น เราจักจัดหามาให้ เธออย่าคิดปริวิตกไปเลย

ในวันรุ่งขึ้นพระเถระพาราหุลสามเณรนั้นเข้าไปในเมืองสาวัตถี ให้สามเณรนั่งรออยู่ที่โรงฉันแล้วได้ไปยังประตูพระราชวัง พระราชาปเสนทิโกศลเห็นพระเถระจึงนิมนต์ให้นั่ง

ในขณะนั้นเอง นายอุยยานบาลนำเอาผลมะม่วงหวานที่สุกทั้งพวง จำนวนห่อหนึ่งมาถวาย พระราชาทรงปอกเปลือกมะม่วงแล้วคั้นเป็นน้ำใส่น้ำตาลกรวดลงไป ขยำด้วยพระองค์เองแล้วได้ถวายพระเถระจนเต็มบาตร

พระสารีบุตรเถระออกจากพระราชนิเวศน์ ไปยังโรงฉัน แล้วได้ให้น้ำมะม่วงนั้นแก่สามเณรราหุลโดยกล่าวว่า เธอจงนำน้ำมะม่วงนี้ไปให้มารดาของเธอดื่มแก้โรคลมเสียดแทงเถิด

ราหุลสามเณรนั้นได้นำน้ำมะม่วงนั้นไปถวายแก่พระมารดาภิกษุณีแล้ว พอพระเถรีบริโภคแล้ว โรคลมในท้องก็สงบ

ฝ่ายพระราชาเมื่อเห็นว่า ถวายน้ำมะม่วงคั้นแล้ว ทำไมพระสารีบุตรเถระจึงไม่ฉัน ทรงส่งคนไปพร้อมดำรัสสั่งว่า

พระเถระไม่นั่งฉันน้ำมะม่วงในที่นี้ เจ้าจงไปดูให้รู้ว่าพระเถระนำน้ำมะม่วงนั้นไปให้ใคร

ราชบุรุษคนนั้นจึงไปถามพระเถระ ทราบเหตุนั้นแล้วจึงมากราบทูลพระราชาให้ทรงทราบ

พระราชาปเสนทิโกศลทรงพระดำริว่า ถ้าพระศาสดาจักอยู่ครองเรือน จักได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ราหุลสามเณรจักได้เป็นขุนพลแก้ว พระภัททากัจจานาเถรีจักได้เป็นนางแก้ว ราชสมบัติในสกลจักวาฬจักเป็นของท่านเหล่านี้ทีเดียว ควรที่เราจะพึงอุปัฏฐากบำรุงท่านเหล่านี้ บัดนี้ เราไม่ควรละเลยในการอุปัฏฐากบำรุงตัวท่านเหล่านี้ ผู้บวชแล้วเข้ามาอาศัยเราอยู่ นับแต่นั้น พระราชาปเสนทิโกศล จึงทรงมีรับสั่งให้ชาวพนักงานห้องเครื่องทำน้ำมะม่วงถวายแก่พระภัททากัจจานาเถรีเป็นประจำ

จบเอาไว้แค่นี้ก่อนนะจ๊ะ

พระชาดกเรื่องนี้ทำให้เราท่านทั้งหลายได้เห็นถึงความอ่อนน้อมถ่อมตน และกตัญญูกตเวทิตาของท่านพระราหุล ซึ่งก็มีมาตั้งแต่สมัยเป็นสามเณร ทั้งยังได้รู้ว่าโรคลมกำเริบทำให้จุกเสียด แน่นท้อง สามารถเยียวยา บรรเทาได้ด้วยน้ำมะม่วงคั้น

เจริญธรรม

พุทธะอิสระ

——————————————–

ลิ้งค์จาก : https://www.facebook.com/buddha.isara/posts/pfbid0nRq6f5LpfzNuVTuwJjqtEyBFLs4nBQ8A5YfudHaaZxCFXiQGFkpSJ6L2okFJMwyJl