พระสิงคาลมาตาเถรี (ตอนที่ 7)

0
31

พระสิงคาลมาตาเถรี (ตอนที่ ๗)
๘ เมษายน ๒๕๖๗

ความเดิมตอนที่แล้วจบลงตรงที่ สิงคาลกมานพได้รับฟังโอวาทของพระบรมศาสดาถึงการบูชาทิศทั้ง ๖ แล้ว จึงได้ขอเป็นอุบาสกผู้ถึงพระรัตนตรัยเป็นสรณะตลอดชีวิต ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

กาลต่อมานางสิงคาลมาตาก็ได้บรรลุเป็นพระโสดาบัน

จากนั้น เมื่อนางเห็นว่า สามีก็ได้สิ้นชีวิตไปแล้ว ประกอบกับบุตรของตนก็ได้เป็นผู้มีศรัทธาเลื่อมใสในพระพุทธศาสนาแล้ว จึงได้ออกบวชเป็นภิกษุณีตั้งแต่บวชแล้ว นางได้ตั้งมั่นอยู่ในสัทธินทรีย์ด้วยความไม่ประมาท

(สัทธินทรีย์ คือ การตั้งมั่นในความเลื่อมใสต่อสิ่งที่ควรเลื่อมใส)

นางไปสู่พระวิหารที่ประทับขององค์พระบรมศาสดาเพื่อต้องการฟังธรรม กำลังยืนมองดูพระสิริโฉมอันสง่างามของพระทศพลอยู่นั่นเอง

ขณะนั้นพระศาสดาทรงทราบว่า นางเป็นผู้ดำรงตั้งมั่นในสัทธินทรีย์แห่งศรัทธาแล้ว จึงทรงแสดงธรรมอันเป็นที่ตั้งแห่งความเลื่อมใส พระสิงคาลมาตาเถรีก็กระทำศรัทธาลักษณะนั่นแหละให้เป็นนิมิตจนได้บรรลุพระอรหัต

ภายหลัง พระศาสดาประทับนั่ง ณ พระเชตวันวิหาร เมื่อจะทรงสถาปนาพวก ภิกษุณีไว้ในตำแหน่งต่าง ๆ ตามลำดับ จึงทรงสถาปนาพระภิกษุณีสิงคาลมาตาเถรีไว้ในตำแหน่งเอตทัคคะผู้เลิศกว่า ภิกษุณีทั้งหลายผู้พ้นกิเลสด้วยศรัทธา

ซึ่งเหตุที่ภิกษุณีสิงคาลมาตาได้รับการยกย่องจากพระบรมศาสดาว่าเป็นผู้เลิศกว่าภิกษุณีทั้งหลายด้วยการบรรลุธรรมด้วยศรัทธา ล้วนมาจากมูลเหตุที่เกิดขึ้น

ในกัปที่หนึ่งแสนแต่ภัทรกัปนี้ นับถอยหลังไปในสมัยของพระปทุมุตรพุทธเจ้า ครั้งนั้นนางสิงคาลมาตาเกิดในสกุลอำมาตย์ที่มั่งคั่ง มีทรัพย์มาก ในพระนครหงสวดี

เมื่อเติบใหญ่แล้ว วันหนึ่ง นางได้ไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้าพร้อมกับบิดาเพื่อฝังธรรม ครั้นเมื่อได้สดับพระธรรมเทศนานั้นแล้วก็บังเกิดความเลื่อมใสอย่างแรงกล้า จึงได้ออกบวชเป็นภิกษุณี

ครั้นบวชแล้ว ก็ได้ละเว้นบาปกรรมทางกาย ละวจีทุจริตชำระอาชีวะบริสุทธิ์ มีความเลื่อมใสเคารพเป็นอย่างยิ่งในพระพุทธเจ้า พระธรรม และพระสงฆ์ ขวนขวายในการฟังธรรม มีศรัทธาในพระพุทธเจ้าเป็นปกติของตน

ครั้งหนึ่ง เมื่อฟังธรรมของพระศาสดา นางเห็นพระศาสดาทรงสถาปนาภิกษุณีรูปหนึ่งไว้ในตำแหน่งเอตทัคคะเป็นเลิศกว่าพวกภิกษุณี ฝ่ายสัทธาธิมุติ นางจึงปรารถนาตำแหน่งนั้นบ้าง
ครั้งนั้น พระสุคตเจ้าผู้มีพระอัธยาศัยประกอบด้วยกรุณา ตรัสกะนางว่าบุคคลผู้มีศรัทธาไม่หวั่นไหว ตั้งมั่นดีในพระตถาคต มีศีลงามที่พระอริยะเจ้าใคร่สรรเสริญ มีความเลื่อมใสในพระสงฆ์ มีความเห็นตรง นักปราชญ์เรียกผู้นั้นว่า เป็นผู้ไม่ขัดสน ชีวิตของผู้นั้นไม่เป็นหมัน เพราะฉะนั้น บุคคลผู้มีปัญญา เมื่อระลึกถึงคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย พึงหมั่นประกอบศรัทธา ศีล ความเลื่อมใสและความเห็นชอบในธรรมทั้งปวง อย่างสม่ำเสมอต่อเนื่อง

นางได้ฟังพระพุทธดำรัสนั้นแล้ว มีความเบิกบานใจ ได้ทูลถามถึงความปรารถนาของนาง ว่าจักสำเร็จสมดังปรารถนาที่นางได้ตั้งเอาเมื่อใด

ครั้งนั้นพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงพยากรณ์ว่า เธอเลื่อมใสในพระพุทธเจ้าผู้มีธรรมอันงาม จักได้ตำแหน่งที่เธอปรารถนานั้น ในกัปที่หนึ่งแสนต่อจากกัปนี้ พระศาสดาพระนามว่าโคดม มีสมภพในวงศ์พระเจ้าโอกกากราช จักเสด็จอุบัติขึ้นในโลก เธอจักได้เป็นธรรมทายาทแห่งพระศาสดาพระองค์นั้น จักเป็นมารดาแห่งสิงคาลมาณพ จักได้เป็นสาวิกาของพระศาสดาพระองค์นั้น

นางเมื่อได้ฟังพระพุทธพยากรณ์นั้นแล้ว ก็มีความยินดี มีจิตประกอบด้วยเมตตา บำรุงพระผู้มีพระภาคเจ้าด้วยการเพียรปฏิบัติตนทั้งหลายจนสิ้นชีวิต ด้วยกุศลกรรมที่ได้ทำไว้แล้วนั้นและด้วยการตั้งเจตน์จำนงไว้ นางละร่างกายมนุษย์แล้ว ได้ไปสู่สวรรค์ชั้นดาวดึงส์

ในพุทธุปบาทกาลนี้บังเกิดในสกุลเศรษฐีกรุงราชคฤห์ ได้สามีที่มีสกุล เป็นคฤหบดีมหาศาล มีชาติเสมอกัน มีทรัพย์เก็บไว้ในเรือน ๔๐ โกฏิ ต่อมานางได้มีบุตรคนหนึ่ง ชื่อว่า สิงคาลกุมาร เพราะเหตุนั้น ชนทั้งหลายจึงเรียกนางว่า สิงคาลมารดา

พระชาดกเรื่องนี้สอนให้เราท่านทั้งหลายรู้ว่า ธรรมใดเกิดแต่เหตุและความดับเหตุแห่งธรรมนั้น
เราท่านทั้งหลายลองพิจารณาดูเค้าโครงเนื้อเรื่อง ตั้งแต่ต้นจนจบล้วนแล้วมาจากเหตุทั้งนั้น
เจริญธรรม

พุทธะอิสระ

——————————————–

ลิ้งค์จาก : https://www.facebook.com/buddha.isara/posts/pfbid02r7s1DCrhamyvEzNRHrn8fn6HfVSHoM8vKFaELm48xy11ixCf5vEpaK2Y1ShoTwNsl