คิดสิคิด คิดให้รอบคอบแล้วจะได้ไม่ต้องเหนื่อย ไม่ต้องผิดพลาด
๑๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗
มีคอการเมืองหลายคนหลายกลุ่ม ไม่เว้นแม้แต่เจ้าหน้าที่รัฐ ได้แวะเวียนกันเข้ามาถามพุทธะอิสระว่า ทำไมไม่ไปร่วมการชุมนุมกับกลุ่ม กทปส. และพันธมิตร กับเขาบ้างหรือ ไม่ไปร่วมชุมนุมกดดันนายทักษิณและครอบครัวตระกูลชิน พร้อมรัฐบาลของนายเศรษฐา ให้พาตัวนายทักษิณไปนอนคุก เหมือนดังคนอื่นเขาทำกัน
อธิบายได้ว่า พวกคุณคิดว่า คนอย่างนายทักษิณและครอบครัว จะมาแคร์ต่อเสียงก่นด่า เสียงเรียกร้องความเท่าเทียมและเที่ยงธรรมให้เสมอกับประชาชนทั้งประเทศได้อย่างนั้นหรือ
หากนายทักษิณมีความละอายขนาดนั้น คนไทยทั้งประเทศคงได้เห็นนายทักษิณและพวก ยอมรับชะตากรรมจากผลแห่งการกระทำความผิดของตนไปนานแล้ว
เราคงไม่ได้เห็นพวกเขาหลบหนีกลายเป็นสัมภเวสี ล่องลอยอยู่ต่างประเทศมาเนิ่นนานขนาดนี้ดอก
แต่พอได้กลับมารับโทษ ก็เป็นการรับโทษที่ต้องมีอภิสิทธิ์ เหนือคนทั้งแผ่นดิน นี่แหละคือสันดาน ความหน้าด้าน เห็นแก่ตัวของคนครอบครัวนี้
อย่าว่าแต่จะจัดม็อบเป็นเดือนเลย ต่อให้จัดม็อบกดดันเป็นปี นายทักษิณและครอบครัวก็ไม่ยี่หระต่อเสียงก่นด่า เรียกร้องใดๆ ของประชาชนดอก
เพราะเขามองประชาชนในประเทศนี้เป็นดังขั้นบันไดให้พวกเขาเหยียบยืนไปสู่เป้าหมายเท่านั้น พวกเขามิได้ให้ราคาต่อความรู้สึกรู้สาของประชาชนเดินดินกินข้าวแกงอย่างพวกเราดอก
ส่วนที่ทำไมพุทธะอิสระ ไม่ไปร่วมชุมนุม ก็เพราะพุทธะอิสระมองไม่เห็นประโยชน์อันใด อย่างดีก็แค่ไปทำให้พวกเจ้าหน้าที่และรัฐบาลนายกเศรษฐารำคาญก็แค่นั้น
ส่วนจะมีผลเปลี่ยนแปลงทำให้นายทักษิณกลับไปนอนคุกนั้นคงเป็นไปได้ยาก
เหตุผลต่อมา พุทธะอิสระมองว่า เวลานี้เกมแย่งชิงอำนาจมันมิได้อยู่ในมือของประชาชนแล้ว แต่เกมนี้ไปอยู่ในมืองของผู้มีอำนาจที่กำลังชิงไหวชิงพริบกันอย่างเข้มข้น
ดูตัวอย่างที่เห็นกันชัดๆ คือ เมื่อนายทักษิณจะถึงเวลาพ้นโทษ แต่ก็มีคดี ๑๑๒ โผล่ขึ้นมาฉุดรั้งเอาไว้เพื่อ ….. เพื่อ …. เพื่อ ….
ก็เพื่อหวังผลการต่อรองอำนาจและตำแหน่งไงหละ
แล้วประชาชนอย่างพวกเรา จักเข้าไปขวางทางปืนของพวกเขาทำไม สู้รอดูอยู่บนภู ดูเขากัดแย่งชิงอำนาจกันดีกว่าไหม
ด้วยเหตุผลที่กล่าวมานี้แหละ คือคำตอบว่า ทำไมพุทธะอิสระถึงไม่เข้าร่วมการชุมนุม
ส่วนกรณีมีผู้หญิงในกลุ่มทะลุวังไปบีบแตรใส่ขบวนเสด็จขององค์สมเด็จพระเทพฯ จนกลายเป็นประเด็นถกเถียงกันในสังคม แล้วนำมาซึ่งผู้ที่จงรักภักดี ใช้อารมณ์ระบายใส่กลุ่มผู้ที่แสดงพฤติกรรมดูหมิ่น จาบจ้วงองค์กรมสมเด็จพระเทพฯ นั้น
อาจจะรู้สึกสะใจในใครต่อใครหลายๆ คน แล้วในที่สุดก็ต้องตกเป็นเบี้ยให้ฝ่ายที่ต้องการจะจาบจ้วง กัดเซาะ บ่อนทำลาย ทั้งที่เรื่องมิได้ซับซ้อน หญิงที่ไปบีบแตรใส่ขบวนเสด็จมีเจตนาที่จะหาเรื่องอยู่แล้ว
ต่อมาก็พาสมัครพรรคพวกนับสิบกว่าคนพร้อมอุปกรณ์ที่เป็นโลหะ สามารถนำมาเป็นอาวุธได้ออกไปจักทำกิจกรรมที่สยามพารากอน
ด้วยเพราะผู้ปฏิบัติการเขาคาดคะเนได้ว่า เมื่อสร้างเรื่องได้ขนาดนี้ ก็ต้องสร้างเรื่องต่อไป เพื่อนำไปขยายผลในการรณรงค์แก้กฎหมาย หรือนำมาถกกันในสภา ให้ถ่ายทอดไปทั่วโลก สร้างกระแสให้สังคมกระเพื่อม เพื่อหวังผลทางการเมือง
ทั้งหมดนี้ไม่ใช่เหตุบังเอิญ ล้วนเกิดจากการวางแผนมาอย่างแยบยล
หากผู้จงรักภักดี ยังกระทำการสิ่งใดด้วยอารมณ์ สุดท้ายก็จะกลายเป็นเบี้ยให้พวกไม่หวังดีกระหายอำนาจ ปั่นหัวเอาจนได้
จึงอยากจะเตือนท่านทั้งหลายว่า จะกระทำการสิ่งใด ก็อย่าได้ใช้อารมณ์จนอยู่เหนือเหตุผล สุดท้ายสิ่งที่ทำมาทั้งหมด จะกลายเป็นความพ่ายแพ้ไปในทันที
คิดจะสู้กับคนพวกนี้ ต้องเอาความจริง และสติปัญญามาสู้เท่านั้น จึงจะชนะ
เจริญปัญญา
พุทธะอิสระ
——————————————–