ลูกรัก เจ้าจักสำคัญความนี้เป็นไฉน
๒๑ ตุลาคม ๒๕๖๖
เมื่อเราท่านทั้งหลายทั้งหลายเริ่มเจริญภาวนา
สิ่งหนึ่งที่ต้องทำและปฏิเสธมิได้คือ กายรวมใจ พยายามทำให้กายนี้เป็นที่ตั้งแห่งใจให้ได้อย่างมั่นคง
นี่เป็นรากฐานของกรรมฐานทั้งปวง
กรรมฐานทั้งปวงล้วนเริ่มมาจากมีกายรวมใจ และเมื่อกายรวมใจแล้ว ต้องเริ่มพิจารณาทำความเห็นให้ตรง ถูกต้องตามความเป็นจริง
ที่เรียกว่า สัมมาทิฐิ คือ การทำความเห็นให้ตรง ถูกต้องตามความเป็นจริงนี้เท่านั้น จึงจักชื่อว่า เจริญกรรมฐาน หรือ กรรมฐานที่ทำแล้วนำพาให้เจริญ
หากทำกรรมฐานแล้วไม่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของหลักคิดที่เป็นสัมมาทิฐิ
กรรมฐานนั้นก็มิใช่กรรมฐานในวิถีแห่งมรรคาปฏิปทา มิอาจนำไปสู่ความรุ่งเรืองเจริญใดๆ ได้
อาจกลายเป็นกรรมฐานของพวกพราหมณ์ นักบวชนอกหลักธรรม นอกวินัย ซึ่งกรรมฐานชนิดนี้เขาทำกันมาก่อนที่จะมีพระพุทธเจ้าเสียอีก
สมดังพระพุทธภาษิตที่ว่า
อัปปมาณัง หิตัง จิตตัง ปริปุณณัง สุภาวิตัง
ยัง ปะมาณัง กตัง กัมมัง นะ ตัง ตัตราวะสิสสะติ
จิตที่เกื้อกูล อบรมด้วยธรรมอันถูกตรง บริบูรณ์ดีแล้ว จึงจักเป็นจิตที่หาที่สุด ประมาณมิได้
กรรมใดๆ ที่ได้เคยกระทำมาแล้วตากาลก่อน กรรมนั้นๆ จักมิอาจมาครอบงำจิตนั้นได้
พุทธะอิสระ
——————————————–