หากศีลธรรมไม่กลับมา โลกาจะวินาศ

0
57

หากศีลธรรมไม่กลับมา โลกาจะวินาศ
๕ ตุลาคม ๒๕๖๖

*******************
5 ก.พ. 2566 เยาวชนหญิง อายุ 17 ปี จับลูกชายของตัวเอง อายุเพียง 8 เดือน โยนทิ้งลงแม่น้ำท่าจีน

*******************
29 ก.ย. 2566 พบศพ ด.ญ. อายุ 15 ปี นักเรียนโรงเรียนแห่งหนึ่งใน จ.นครราชสีมา ในสระน้ำ เหตุการณ์นี้เป็น “การฆาตกรรม” นำไปสู่การจับกุม 2 ด.ญ. อายุ 13 และ 15 ปี

*******************
2 ตค. 2566 นายเอ อายุ 17 ปี นักเรียน ชั้น ม.5 โรงเรียนแห่งหนึ่งพร้อมเพื่อน 3 คน ถูกเพื่อนรุ่นเดียวกันรวม 8 คน มีอาวุธมีด และปืนปากกา รุมทำร้าย ซึ่งขณะนี้นายเอรักษาตัวอยู่ที่ห้องไอซียู

*******************
ล่าสุด 3 ตค. 2566 เด็กชาย อายุ 14 ปี พร้อมอาวุธปืนกล็อก-19ขนาด 9 มม. บุกเข้าไปกวาดยิงผู้คนในห้างสยามพารากอน บริเวณชั้น 2 มีผู้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ 1 ราย บาดเจ็บอีก 6 คน ภายหลังมีผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 1 ราย

********************

นี่ยังไม่นับรวมกับพฤติกรรมของเจ้าหน้าที่ทั้งทหาร ตำรวจ ที่มีสิทธิ์ตามกฎหมาย สามารถพกพาอาวุธได้ ก็ยังผิดพลาด สร้างความเดือดร้อน เสียหายให้แก่สังคมอยู่เป็นระยะ ระยะ

จากคดีความเรื่องราวต่างๆ ที่เด็กและเยาวชนผู้มีอายุน้อยๆ แต่กลับกล้าที่จักทำผิดได้เท่ากับผู้ใหญ่ หรือบางกรณีอาจจะมากกว่าผู้ใหญ่เสียด้วยซ้ำ ล้วนมาจากเหตุผล ๔ ประการ คือ

๑. กฎหมายเปิดช่องให้ไม่ต้องรับโทษเท่ากับผู้ใหญ่

๒. สิทธิ์เบ่งบานจนล้นหลาม ไหลริน เนืองนอง ไปท่วมท้นรบกวนล่วงเกินสิทธิ์ของผู้อื่น

๓. ผู้คนป่วย ไข้ด้วยโรคเสื่อมศีลธรรม

๔. เชื่อมั่น เข้าข้างลูกหลานตนเองมากเกินพอดี

ด้วยมูลเหตุทั้ง ๔ ประการดังกล่าวจึงทำให้พ่อ แม่ ปู่ ย่า ตา ยาย ป่วย

ครูบาอาจารย์ป่วย

รัฐมนตรี ผู้กำกับดูแลกระทรวงการศึกษาป่วย

รัฐมนตรี ไอทีป่วย

ข้าราชการและนักการเมือง ก็พากันป่วย

ตำรวจไอทีป่วย

ผู้นำองค์กรศาสนา แต่ละศาสนามองไม่เห็นถึงความเสื่อมของศีลธรรมและอันตรายที่เกิดขึ้นจากความเสื่อม เลยพากันป่วยไปตามๆ กัน

สิ่งดังกล่าวเหล่านี้ล้วนเป็นต้นเหตุที่ทำให้สังคม สิ่งแวดล้อม เสื่อมทรามป่วยไข้ ด้วยเหตุหลักคือ ศีลธรรมเสื่อม

ทำอย่างไรถึงจะทำให้ผู้นำประเทศได้มองเห็นความป่วย ความเสื่อมดังกล่าวได้นะ

พอมีเรื่องมีเหตุจากการกระทำของเด็ก เยาวชน ผู้รู้ทั้งหลายก็ออกมาให้ความรู้ ความคิดเห็นสารพัด ไม่เว้นแม้แต่ตำรวจ

ทั้งหมดล้วนไปโทษอาวุธ โทษปืน ว่าซื้อง่ายขายคล่อง หาได้ไม่ยาก

ทั้งที่อาวุธทั้งหลายมันไม่มีชีวิต มันเดินไม่ได้ หากคนจิตป่วยศีลธรรมเสื่อม ไม่นำมาทำร้ายคนอื่นและตัวเอง

ฟังพวกนักวิพากษ์ทั้งหลายก็เอาแต่พากันโทษอาวุธ โทษการเข้าถึงอาวุธง่ายเกิน แต่ไม่มีใครโทษคน โทษความเสื่อมศีลธรรมที่มีอยู่ในคน ซึ่งในเวลานี้มันหลงเหลืออยู่น้อยนิดเต็มทีในสังคม

หากพ่อแม่ ปู่ย่า ตายาย ครอบครัวและบ้านมีศีลธรรม พร้อมทั้งชี้นำอบรมสั่งสอนศีลธรรมนั้นๆ ให้แก่ลูกหลานและผู้คนในบ้าน จะมีใครในบ้านไปไล่ยิง ไล่ทำร้ายคนอื่น เพราะความสนุก ความสะใจหรือ

หากครูอาจารย์ในโรงเรียนสั่งสอน อบรมหน้าที่ ศีลธรรม แก่ลูกศิษย์ จะมีศิษย์คนใดหรือไปยกพวกตีกัน ทำร้ายกัน และไล่ฆ่าไล่ฟันกัน

หากรัฐมนตรี นักการเมือง ข้าราชการ มีศีลธรรม มีหรือที่จะปล่อยให้โจร ให้ผู้มีอิทธิพลครอบงำได้

หากผู้นำองค์กรศาสนาต่างๆ มีความตระหนักสำนักรับผิดชอบต่อหน้าที่ในการที่จะเผยแพร่ศีลธรรมให้ขจรขจายแทรกซึม ขยายไปสู่สังคมอย่างต่อเนื่องเนืองๆ ผู้คนในสังคมคงจะไม่เสื่อม ไม่ป่วยทางศีลธรรม จริยธรรมกันขนาดนี้

ที่เขียนมามิใช่จะสมน้ำหน้าหรือตอกย้ำให้เจ็บปวด แต่ต้องการชี้ให้เห็นว่า ต้นต่อของปัญหาทั้งหมดในบ้านเมือง มันมาจากความเสื่อมทางศีลธรรมและจริยธรรมต่างหากเล่า หาใช่มาจากเหตุอื่นใดไม่

พุทธะอิสระ

——————————————–

ลิ้งค์จาก : https://www.facebook.com/buddha.isara/posts/pfbid0RhdcFVXqxK7eCawoHSEgJcdm9Ut4UCgZDPGMpucoqiLa72JHNi2C7ceWZ5npXHTTl