สามเณรสุมนะ (ตอนที่ 2)

0
47

สามเณรสุมนะ (ตอนที่ ๒)
๔ ตุลาคม ๒๕๖๖

ความเดิมตอนที่แล้ว จบลงตรงที่สามเณรจูฬสุมนะ อาสาพระอนุรุทธเถระผู้เป็นอุปัชฌาย์ ที่จะไปนำน้ำจากสระอโนดาต ณ ป่าหิมวันต์ เพื่อประกอบยารักษาโรคลมกำเริบเสียดแทงในช่องท้องของพระมหาเถระ

ซึ่งก่อนที่สามเณรจูฬสุมนะ จะเดินทางไปนำน้ำมา พระมหาเถระก็ได้เตือนให้สามเณรจูฬสุมนะ ผู้เป็นศิษย์ได้รู้ว่า ที่สระอโนดาตนี้มีพญานาคชื่อ ปันนกะ เฝ้าอยู่

ครั้งสามเณรจูฬสุมนะ เหาะมาจนถึงสระอโนดาตสิ้นระยะทางไป ๕๐๐ โยชน์ จึงได้เหาะลอยอยู่เหนือสระนั้น

ขณะที่พญานาคปันนกะและบริวารกำลังเล่นน้ำอยู่ในสระ เมื่อพญานาคนั้นเหลือบขึ้นไปเห็นสามเณรยืนอยู่กลางอากาศเหนือศีรษะของตนที่กำลังเพลิดเพลินต่อการเล่นน้ำ

พญานาคนั้นจึงคิดว่า สมณะน้อยผู้นี้ช่างบังอาจเหาะมายืนอยู่บนอากาศ เหนือหัวของเรา ทำให้ฝุ่นละอองที่ติดเท้ามาร่วงหล่นลงบนศีรษะเรา พร้อมกับถือคันโทมาด้วย ชะรอยคงจะมาตักน้ำในสระนี้เป็นแน่ ดีหละเราจักต้องสั่งสอน สมณะน้อยอวดดีผู้นี้ให้รู้จักฤทธิ์เดชของเราเสียบ้าง

พญานาคปันนกะจึงได้สำแดงเดช แผ่พังพานออกปกคลุมสระอโนดาตที่มีความกว้างโดยรอบถึง ๕๐ โยชน์ เสียจนมิด ดุจดังบุคคลหยิบเอาฝาหม้อมาปิดหม้อให้สนิทฉะนั้น

ฝ่ายสามเณรจูฬสุมนะ เห็นเช่นนั้นจึงได้ตรึกอยู่ในใจว่า ชะรอยเราคงได้ทำให้พญานาคตนนี้โกรธเอาเสียแล้ว นาคจึงได้แผ่พังพานครอบคลุมสระอโนดาตเสียจนมิดสระ

หากขืนปล่อยให้เป็นเช่นนี้จนเวลาล่วงเลย เนินนานไป พระคุณเจ้าอนุรุทธเถระอุปัชฌาย์ของเราคงต้องทรมานจากโรคลมกำเริบเสียดแทงท้องอยู่เป็นแน่

สามเณรจึงได้กล่าวขึ้นว่า ท่านพญานาคราชผู้มีเดช มีฤทธิ์มาก มีกำลังมาก ขอท่านจงได้โปรดฟังเหตุผลของเราที่มาก่อนเถิด เราเพียงต้องการน้ำในสระนี้ไปประกอบยา รักษาโรคลมกำเริบให้แก่พระอนุรุทธเถระอุปัชฌาย์ของเราเท่านั้น หาได้มีเจตนาเหยียดหยาม ดูหมิ่นท่านไม่

พญานาคปันนกะนาคราช เมื่อได้ฟังเช่นนั้นจึงกล่าวขึ้นด้วยความโกรธว่า

แม่น้ำใหญ่ชื่อว่า คงคา อยู่ในทิศบูรพาก็ไม่ไกลจากที่นี้มากนัก ทำไมท่านไม่ไปตักเอาน้ำนั้นเล่า จักมาเอาน้ำในสระที่มีเจ้าของไปทำไม

สามเณรจูฬสุมนะ พอได้ฟังคำปฏิเสธของนาคเช่นนั้น จึงได้รู้ว่านาคตนนี้หวงน้ำในสระนี้มาก คงไม่ให้เราตักเอาแต่โดยดี เช่นนั้นเห็นทีเราคงต้องแสดงเดช เดชาอันมีกำลังมากกว่าให้นาคตนนี้ได้เห็น มิเช่นนั้นนาคคงไม่ยอมให้เราตักน้ำแต่โดยดีเป็นแน่

สามเณรจูฬสุมนะ จึงได้กล่าวขึ้นว่า ดูก่อนพญานาคราชผู้เจริญ พระอุปัชฌาย์ของเราต้องการเพียงน้ำเฉพาะในสระอโนดาตนี้ไปประกอบยา รักษาโรคลมกำเริบเท่านั้น น้ำที่อื่นๆ ใช้ประกอบยารักษาโรคลมไม่ได้

เรามีหน้าที่ทำตามคำสั่งพระอุปัชฌาย์ ที่สั่งมา หาได้มีเจตนาอื่นใดไม่ ข้าพเจ้ามาถึงที่นี้สิ้นระยะทางไปถึง ๕๐๐ โยชน์ ก็เพียงเพื่อจะมาขอตักน้ำไปแค่คันโทเดียวเท่านั้น หาได้นำน้ำไปหมดไม่ หากท่านไม่ยินยอมอนุญาตให้เราตักน้ำแต่โดยดี เช่นนั้นท่านและบริวารผู้มีเดช มีฤทธิ์ มีกำลังมากเท่าไหร่ ก็จงแสดงออกมาให้หมด

แล้วดูว่า พวกท่านจะขัดขวางเราไม่ให้ตักน้ำในสระนี้ได้หรือไม่

พญานาคราชปันนกะ พอได้ฟังคำท้าทายของสามเณรน้อยเช่นนั้น จึงกล่าวโต้ตอบไปว่า ดีหละ สมณะน้อย หากเจ้าคิดว่าอยากเห็นเดช เดชา ของนาคอย่างพวกเรา เช่นนั้น เจ้าก็จงเหาะลงมาลองตักน้ำในสระนี้ดูว่า เจ้าจะสามารถตักน้ำไปได้หรือไม่ หากเจ้าตักน้ำนี้ไปได้ เราก็ยินยอมให้

*************************

มีอีกตำนานหนึ่งกล่าวว่า

สามเณรจูฬสุมนะ พอได้ฟังเช่นนั้น จึงกล่าวว่า “ถ้ากระนั้น ท่านจงรู้เอาไว้ด้วยเถิดว่าเราจักทำทุกวิถีทางที่จะนำน้ำนั้นไปให้ได้”

เณรจึงคิดว่า “การที่เราแสดงอานุภาพแห่งพระรัตนตรัยแล้วนำน้ำนี้ไป สมควรอยู่หรือไม่”
เมื่อใคร่ครวญเห็นว่า สมควรแล้ว สามเณรจูฬสุมนะ นั้นจึงไปสู่สำนักของพวกอากาสัฏฐกเทพดาก่อน.

เทพดาเหล่านั้นเห็นสามเณรผู้มีฤทธิ์มาเยือนถึงวิมานเช่นนั้นจึงพากันมาไหว้แล้ว กล่าวว่า “พระคุณเจ้าผู้เจริญ มีเหตุอันใดให้พวกข้าพเจ้ารับใช้กระนั้นหรือขอรับ จึงได้มาหาถึงวิมานของพวกข้าพเจ้า”

สามเณรจึงกล่าวว่า “สงครามของเรากับปันนกนาคราชจักมีขึ้น ณ ที่สระอโนดาตนี่ พวกท่านจงไปในที่นั้นแล้ว ดูความมีชัยและความพ่ายแพ้จะปรากฎขึ้น”

ต่อมาสามเณรนั้นเข้าไปหาท้าวโลกบาลทั้ง ๔ และท้าวสักกะ ท้าวสุยาม ท้าวสันดุสิต ท้าวสุนิมมิตและท้าววสวัตดี แล้วบอกเนื้อความนั้นโดยทำนองนั้นให้มหาเทพทั้งปวงในสามโลก ได้รับรู้
อีกทั้ง สามเณรจูฬสุมนะ ยังได้เหาะไปถึงพรหมโลก อันพรหมทั้งหลายในที่นั้นๆ ต่างพากันมาไหว้แล้วยืนอยู่ ถามว่า “พระคุณเจ้ามีอะไรให้โยมรับใช้หรือ? ขอรับ” เณรน้อยจูฬสุมนะจึงแจ้งเนื้อความนั้นให้ท้าวมหาพรหมได้รับทราบ

เว้นเสียแต่อสัญญีพรหมและอรูปพรหม เท่านั้นที่มิได้บอก

เมื่อเทพดาทุกๆ จำพวกฟังคำของเธอแล้ว จึงพากันมาประชุมกันเต็มนภากาศ จนไม่มีที่ว่างเหนือสระอโนดาต ดุจจุรณแห่งนมที่บุคคลใส่ไว้ในทะนานฉะนั้น.

เมื่อหมู่เทพดามาประชุมพร้อมกันแล้ว สามเณรยืนอยู่บนอากาศ กล่าวกะพญานาคว่า :-

ท่านจงให้น้ำดื่มแก่ข้าพเจ้า ข้าพเจ้าเป็นผู้มาเพื่อต้องการน้ำประกอบยาเท่านั้น
นาคจึงกล่าวตอบว่า :-

สามเณร ถ้าท่านมีความกล้าหาญอยู่อย่างลูกผู้ชายไซร้, ข้าพเจ้าชอบใจคำพูดของท่าน หากท่านสามารถเข้ามาตักน้ำในสระไปได้ ท่านก็จงนำน้ำนี้ไปเถิด.

สามเณรนั้นรับคำปฏิญญาของนาคราชถึง ๓ ครั้งแล้ว ยืนอยู่บนอากาศพร้อมทั้งเนรมิตอัตภาพเป็นพรหมอันมีรูปร่างใหญ่โตถึง ๑๒ โยชน์ แล้วลงจากอากาศ เหยียบที่พังพานของพญานาค กดให้หน้านาคคว่ำลงแล้วจมไปในน้ำ

ในทันทีนั้นเอง เมื่อสามเณรเหยียบพังพานของพญานาคเท่านั้น แผ่นพังพานก็ได้หดเข้าประมาณเท่าทัพพี ดุจหนังสดอันบุรุษผู้มีกำลังเหยียบแล้วฉะนั้น. ด้วยแรงเหยียบอันรุ่นแรงและใหญ่โตของพรหมเนรมิตทำให้สายน้ำประมาณเท่าลำตาลพุ่งย้อนขึ้นสู่อากาศ

สามเณรจึงใช้คันโทรองน้ำที่พุ่งขึ้นสู่อากาศจนเต็มคันโท

หมู่เทพทั้งปวงเมื่อได้เห็นเดชศักดาของสามเณรจูฬสุมนะ เช่นนั้นจึงได้พากันส่งเสียงเปล่งสาธุการ ขึ้นพร้อมกันจนเกิดเสียงสะเทือนเลื่อนลั่น กัมปนาทหวั่นไหวไปทั่วป่าหิมวันต์

พญานาคราชให้บังเกิดละอายยิ่งนัก ที่ต้องมาเสียทีให้แก่สมณะตัวน้อยๆ นาคปันนกะรู้สึกโกรธต่อสามเณรเป็นอย่างมาก แสดงอาการกราดเกรี้ยว พ่นควันพิษ และหมอกพิษออกมา หวังจะทำร้ายเณรน้อย แต่ก็หาได้ทำอันตรายใดๆ ต่อเณรได้ไม่

นาคนั้นยิ่งโกรธมากขึ้นจนนัยน์ตาทั้งสองของนาคราชนั้นได้มีสีดุจดอกชบา.

พญานาคนั้นคิดว่า “สมณะโล้นนี้ให้หมู่เทพประชุมกันแล้ว ถือเอาน้ำดื่ม ยังเราให้ละอายแล้ว เราจะจับเธอ ควักเอาเนื้อหทัยของเธอมาบดขยี้เสียให้แหลก หรือจะจับที่เท้า แล้วขว้างไปฟากแม่น้ำข้างโน้นดีนะ

ทีนี้มาดูอีกตำนานหนึ่ง กล่าวเอาไว้ว่า

หลังจากพญานาคได้สำแดงเดชแผ่พังพานปกปิดสระน้ำที่มีขนาด ๕๐ โยชน์ เสียจนมิดแล้ว กล่าวท้าสามเณรว่า หากเป็นลูกผู้ชายใจกล้า มีความสามารถ ก็จงมาตักน้ำไปให้ได้

หากตักน้ำได้ก็จงเอาไปได้เลย

สามเณรจูฬสุมนะ พอได้ฟังเช่นนั้น จึงกำหนดจิตย่อส่วนตนและคันโทให้เล็กดุจดังแมลงหวี่ แล้วบินชำแรกเข้าไประหว่างรอยต่อของเกล็ดแต่ละเกล็ดของพญานาค

ข้างฝ่ายพญานาค เมื่อมองไม่เห็นว่าเณรหายตัวไปไหน จึงพากันคิดว่า เณรน้อยคงจะกลัว แล้วเหาะหนีไปเสียแล้ว แต่พญาปันนกะนาคราช ก็ยังไม่วางใจ ยังคงแผ่พังพานอยู่เช่นนั้น

ฝ่ายสามเณรจูฬสุมนะ เมื่อชำแรกรอดเกล็ดของพญานาคเข้ามาจนถึงน้ำแล้ว ก็อธิษฐานให้น้ำนั้นไหลเข้าไปสู่ปากคันโทโดยมิต้องลงมือตัก ดุจดังคันโทมีเครื่องดูดน้ำได้ฉะนั้น

ขณะที่น้ำนั้นถูกดูดเข้าไปในคันโทพวกนาคทั้งหลายจึงพากันร้องเอะอะ โวยวายว่า ท่านผู้เจริญ ทำไมน้ำในสระจึงได้ลดลง แห้งลงเช่นนี้

จะมารู้ตัวว่า น้ำถูกดูดเข้าไปอยู่ในคันโทของเณรน้อย น้ำในสระก็ลดลงไปครึ่งสระแล้ว

สามเณรจูฬสุมนะ ครั้งใช้ฤทธิ์ เสกคันโทให้ดูดน้ำจนเต็มแล้ว ขณะที่แปลงกายเป็นแมลงหวี่อยู่นั้น เมื่อได้น้ำตามที่ตนต้องการแล้ว ก็บินชำแรกรอดช่องของเกล็ดพญานาคออกมา แล้วปรากฏกายลอยอยู่บนอากาศ

พวกนาคทั้งหลายพอได้เห็นสามเณรถือคันโท ที่เต็มไปด้วยน้ำนั้น จึงพากันร้องขึ้นว่า สมณะน้อยทำไมคันโทของเจ้าจึงได้ดูดน้ำจากสระของเราไปตั้งครึ่งสระ ทั้งที่คันโทก็ใบเล็กนิดเดียว

สามเณรเมื่อได้ฟังคำที่นาคพูดออกมา ด้วยความตกตะลึง หวาดหวั่น เช่นนั้น จึงยิ้มขึ้นแล้วพูดว่า
อ้อ ขออภัย พอดีเราให้คันโทดูดน้ำมามากเกินไป เช่นนั้น เราคงต้องส่งน้ำกลับคืนสระดังเดิม เราจะขอนำไปเพียงแค่ใช้ประกอบยาให้พระอุปัชฌาย์เรา ตามที่ท่านอนุญาตให้เท่านั้น

ว่าแล้วเณรน้อยก็เทน้ำให้ไหลหลั่งออกมาจากคันโท ดุจดังน้ำที่ไหลลงจากเทือกเขาเมรุมาศ ที่ทั้งเร็วและแรงลงในสระอโนดาต จนทำให้หมู่นาคทั้งหลายพากันดำผุดดำว่าย อยู่บนเกลียวคลื่น ที่ถูกแรงกระแทก

ต่อมาน้ำนั้นก็กลับมาเต็มดังเดิม เพียงแค่เวลาพริบตาเดียว

เมื่อคืนน้ำส่วนเกินกลับสู่สระอโนดาตแล้ว สามเณรจูฬสุมนะ จึงกล่าวขึ้นว่า เราขออภัยและขอขอบคุณในน้ำใจของพวกท่านที่อนุญาตให้เรานำน้ำนี้ไปประกอบยารักษาพระอุปัชฌาย์ของเรา เห็นทีเราคงต้องรีบไปแล้ว เพราะพระอุปัชฌาย์ของเรากำลังรอน้ำนี้อยู่

กล่าวดังนี้แล้ว สามเณรน้อยก็อันตรธานหายไปทันที

ฝ่ายพวกนาคทั้งหลายต่างพากันตกตะลึงพรึงเพริดไม่มีนาคตนใดกล่าวสิ่งใดออกมาเลย

เฮ้อ…เหนื่อย เอาไว้มาเล่าต่อตอนหน้านะจ๊ะ

พุทธะอิสระ

——————————————–

ลิ้งค์จาก : https://www.facebook.com/buddha.isara/posts/pfbid0BGs2LBUT75bokriBjyKfhAjxNvwKH9siMwUvR4DtkfLFP5saMZVBELEYvPH6Pym5l