แสนเอยแสนสงสาร
๑๘ กรกฎาคม ๒๕๖๖
คำทำนายโบราณสมัยต้นยุคกรุงรัตนโกสินทร์ มีอยู่ตอนหนึ่งมีคำว่า ชนร้องทุกข์ ยุคทมิฬ ถิ่นกาขาว ชาวศิวิไลซ์
ด้วยคำทำนายนี้กับสถานการณ์ทางสังคที่พวกด้อมส้มออกมาสร้างความวุ่นวายทั้งในโลกโซเชียลและโลกเสมือนจริง
ทำให้คนที่ไม่คิดหรือคิดน้อยเห็นต่างพากันคิดว่า
มันจะเป็นชนร้องทุกข์ ยุคทมิฬ ถิ่นกาขาว ชาวศิวิไลซ์ยังไง
เพราะยังมีแต่พวกที่สร้างความวุ่นวายอยู่เต็มบ้านเต็มเมือง
พุทธะอิสระอยากจะบอกว่า ยิ่งพวกอันธพาลทั้งในโลกโซเชียลและโลกเสมือนจริง ออกมาสร้างปัญหา สร้างความแตกแยก ทำลายความมั่นคงของชาติ ศาสน์ กษัตริย์กันมากเท่าไหร่ ยิ่งเปิดเผยตัวตนแท้ออกมาให้มากเท่ามาก
ผู้คนในสังคมก็จักแบ่งแยกได้ชัดเจน ว่ามีใครบ้างมีหน้ามีตา ตัวตนแท้จริงของคนที่เป็นปรปักษ์ต่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ มันเป็นใครอยู่ที่ใด
ขบวนการเก็บกวาดจะได้ทำการกวาดล้างให้สิ้นเสี้ยนหนามของความเจริญศิวิไลซ์ ตามที่มีคำทำนายเสียที
ส่วนที่มีคำทำนายว่า ชนร้องทุกข์นั้นก็มีแต่จะรู้สึกสงสารพวกไร้เดียงสา คิดน้อย เชื่อง่าย มีแต่มิจฉาทิฐิ ที่ถูกหลอก ถูกครอบงำ ให้เชื่อผิดๆ แล้วออกมาทำผิดจนต้องติดคุก ติดตะราง นี่แหละคือคนที่น่าสงสาร
จึงอยากจะเตือนลูกไทย หลานไทย ที่เชื่อผิด หลงผิดจนเผลอไผลกระทำผิด พลาดพลั้งไปด้วยความคึกคะนอง
ขอวิงวอนให้ดูตัวอย่างพวกพ่อฟ้า ที่ยังจมปลักอยู่ในวังวนของการแก้ข้อกล่าวหาให้แก่ตัวเองในฐานความผิดมาตรา ๑๑๒ และ ๑๑๖
ตามมาด้วยพิทาคิโอคุณพ่อส้มก็กำลังเดินตามพ่อฟ้าและพวกตามกันไปติดๆ ในอีกไม่นานในคดีหุ้นสื่อ และล้มล้างการปกครอง
ด้วยเหตุผลดังกล่าวนี้แหละ คนพวกนี้จึงพยายามนักพยายามหนาที่จะขอแก้ไขกฎหมายมาตรา ๑๑๒ และกฎหมายอื่นที่พวกตนถูกแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษ
ทั้งที่ตอนคนพวกนี้หาเสียงได้นำเสนอนโยบายดีๆ อยู่หลายนโยบาย จนสร้างความเพ้อฝันให้ทั้งคนแก่และเด็ก ได้เห็นความสุขในความฝัน
แต่พอพวกพรรคก้าวไกลเข้ามาจะจัดตั้งรัฐบาลได้แล้ว สิ่งแรกที่พวกเขาทำก็คือช่วยตัวเองให้รอดพ้นจากคดีความต่างๆ ด้วยการยืนยัน นั่งยัน เอาแต่ขอแก้ไขกฎหมาย โดยไม่สนใจ ไม่ให้ความสำคัญต่อความเดือดร้อน ทุกข์ยากของพี่น้องประชาชนที่ลงคะแนนเลือกพวกเขาเข้ามาเลย
สังคมจึงได้เห็นภาพว่า ทานอคคิโอและพวกดิ้นรนที่จะพาตัวรอดด้วยการแก้กฎหมาย แก้รัฐธรรมนูญ หากแก้ไม่ได้ก็ยอมไปเป็นฝ่ายค้าน นี่คือคำพูดของปิยบุตร ผู้นำเงาของพรรคก้าวไกล
ถามว่า เรื่องนี้จะพิสูจน์ได้ไงว่าเป็นเรื่องจริง
พิสูจน์ได้จากนับตั้งแต่หลังเลือกตั้งเข้ามา พอรู้ว่าตนชนะการเลือกตั้ง พรรคก้าวไกลไม่เคยได้พูดถึง ๒๙๙ นโยบายที่จะทำให้ประชาชนเลย
มีแต่จะพูดแต่การแก้กฎหมาย แก้รัฐธรรมนูญ แก้มาตรา ๑๑๒ ถามว่าเพราะอะไร
ตอบง่ายๆ ก็คือ เพราะมันมีผลต่อสวัสดิภาพของคนที่ต้องคดีความในมาตรา ๑๑๒ และ ๑๑๖ โดยตรง
ซึ่งส่วนใหญ่แกนนำของพวกด้อมส้มและผู้นำเงาของพรรคก้าวไกลถูกดำเนินคดีอยู่ไงหละ
ฉะนั้น คนที่น่าสงสารที่สุดไม่ใช่พลพรรคก้าวไกล แต่เป็นประชาชน ๑๔ ล้านเสียงที่ถูกหลอกให้มาลงคะแนนให้แก่พวกเขา
เช่นนี้ไม่เรียกว่า ช่างน่าสงสาร แล้วจะให้เรียกว่าอะไร
อยู่ๆ ก็ให้เขาสวมเขาให้ซะงั้น
พุทธะอิสระ
——————————————–