ประวัติพระอนุรุทธเถระ (ตอนที่ ๒)
๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๖
ความเดินตอนที่แล้ว
จบลงตรงที่เจ้าชายอนุรุทธะซึ่งเป็นพระราชบุตรของพรเจ้าอมิโตทนะ ผู้เป็นเสด็จอาขององค์พระบรมศาสดาอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
เจ้าชายอนุรุทธะปรารถนาจะออกบวช เพื่อหลีกหนีจากการงานที่ตนจะต้องรับหน้าที่แทนพี่ชาย คือ เจ้าชายมหานามะ ที่ทรงปรารถนาจะออกบวช ซึ่งจักต้องยกราชสมบัติ และภาระหน้าที่การงานที่มีอยู่มากมายให้แก่น้องชาย
แต่เจ้าชายอนุรุทธะ ไม่เคยทำการงานเหล่านั้นมาก่อน จึงได้ทรงปฏิเสธ และสมัครใจที่จักออกบวชเอง
จึงทรงเข้าไปตรัสขออนุญาตพระราชบิดา พระมารดาออกบวช แต่ก็ได้รับการคัดค้าน จากพระราชมารดา และพระบิดา
แม้เจ้าชายอนุรุทธะ จักทรงอ้อนวอนอยู่หลายครั้ง แต่พระมารดา พระบิดา ก็มิทรงยินยอม
เจ้าชายอนุรุทธะ จึงได้ทรงประท้วง ด้วยการอดพระกระยาหาร พร้อมทั้งขู่ว่า หากพระองค์ทั้งสองยังไม่ยอมให้ลูกบวช ลูกจักอดอาหารจนตาย ๑ วัน ๒ วัน ๓ วัน เจ้าชายอนุรุทธะก็ยังประท้วงด้วยการอดอาหารอยู่เช่นนั้น
พระมารดา ทรงเห็นว่า พระราชบุตรอนุรุทธะทรงมีพระปนิธานแนวแน่ที่จักออกบวช หากพระมารดา พระบิดา ยังทรงแข็งขืนยืนยันห้ามไม่ให้บวช ราชบุตรอนุรุทธะคงจักประท้วงอดอาหารจนตายเป็นแน่
เช่นนั้นก็ยินยอมให้ลูกเราไปบวชเถิด เพราะเมื่อบวชแล้ว ลูกเราก็จักกลับมากินอาหารได้ดังเดิม มัจจุราชก็จักไม่มาเอาชีวิตลูกเรา
หากพอได้บวชแล้วทนต่อชีวิตที่เป็นอยู่อย่างยากลำบากในสมณเพศไม่ได้ก็จักกลับมาสู่เรือนเอง
ทั้งสองพระองค์ทรงปรึกษาหารือ และทรงตกลงปลงพระทัยยินยอมให้พระราชบุตรสุดที่รักอนุรุทธะออกบวช
แต่มีข้อแม้ว่า ถ้าเจ้าชายภัททิยะพระสหายออกบวชด้วยจึงจะให้บวช เจ้าชายอนุรุทธะดีใจรีบไปชวนเจ้าชายภัททิยะให้บวชด้วยกันโดยกล่าวว่า
“การบวชของเราเนื่องด้วยท่าน ถ้าท่านบวชเราจึงจะได้บวช” อ้อนวอนอยู่ถึง ๗ วัน เจ้าชายภัททิยะจึงยอมบวชด้วย
ในครั้งนั้น เจ้าชายศากยะอีก ๕ พระองค์ เจ้าชายภัททิยะ เจ้าชายอนุรุทธะ เจ้าชายอานนท์ เจ้าชายภัคคุ และ เจ้าชายกิมพิละ
และเจ้าชายฝ่ายโกลิยะ ๑ พระองค์ คือ เจ้าชายเทวทัต
พร้อมด้วยอำมาตย์ช่างกัลบกอีก ๑ คน ชื่อ อุบาลี
รวมเป็น ๗ พระองค์ เสด็จออกเดินทางไปเฝ้าพระบรมศาสดาที่อนุปิยอัมพวัน เมืองพาราณสี ในระหว่างทางเจ้าชายทั้ง ๖ ได้เปลื้องเครื่องประดับอันมีค่าส่งมอบให้อุบาลีช่างกัลบกที่ติดตามมาด้วย พร้อมทั้งตรัสสั่งว่า
“ท่านจงนำเครื่องประดับเหล่านี้ไปจำหน่ายขายเลี้ยงชีพเถิด”
อุบาลี รับเครื่องประดับเหล่านั้นแล้วแยกทางกลับสู่พระนครกบิลพัสดุ์ พลางคิดขึ้นมาว่า
“ธรรมดาเจ้าศากยะทั้งหลายนั้นดุร้ายนักถ้าเห็นเรานำเครื่องประดับกลับไปก็จะพากันเข้าใจว่าเราทำอันตรายต่อพระราชกุมารเสียสิ้นแล้ว นำเครื่องประดับมาเช่นนี้ ก็อาจจะลงอาญาต่อเราจนถึงชีวิตเสียได้
อนึ่งเล่า เจ้าชายศากยกุมารเหล่านี้ ยังละเสียซึ่งสมบัติอันมีค่าแล้วออกบวชโดยมิมีอาลัยต่อราชสมบัติแล้ว ตัวเราเล่าจักมีอะไรนักหนาทั้งยังจะมารับเอาสิ่งของที่เขาทิ้งดุจก้อนเขฬะนำไปดำรงชีพได้อีกกระนั้นหรือ”
เมื่อคิดดังนั้นแล้ว จึงแก้ห่อผ้านำเครื่องประดับทั้งหลายเหล่านั้นแขวนไว้ตามต้นไม้แล้วกล่าวว่า
“ผู้ใดปรารถนาก็จงถือเอาตามความประสงค์เถิด เราอนุญาตให้แล้ว”
จากนั้นก็ออกเดินทางติดตามเจ้าชายทั้ง ๖ พระองค์ ไปทันที่อนุปิยอัมพวัน กราบทูลแจ้งความประสงค์ขอบวชด้วย
พุทธะอิสระ
——————————————–