สรภังคชาดก (ตอนที่ 19)

0
36

สรภังคชาดก (ตอนที่ ๑๙)
ตอนที่แล้วจบลงตรงที่

๒๙ มกราคม ๒๕๖๖

คุรุฤาษีสรภังคะโพธิสัตว์ได้แสดงมธุรสภาษิตถึง ๓ ครั้ง เพื่อยังให้มหาชนที่ติดตามองค์ราชากาลิงคะ องค์ราชาอัฏฐกะ และองค์ราชาภีมรถ มาได้เปลื้องพันธนาการออกจากกามคุณและโทสะ ลงเสียได้ทั้งหมด

กาลต่อมาองค์ราชาทั้ง ๓ พร้อมทั้งมหาชนผู้พ้นจากการครอบงำของกามคุณแล้วได้ขอบวชเป็นฤาษี

องค์คุรุฤาษีสรภังคะโพธิสัตว์จึงอนุญาตให้บวช

ด้วยอำนาจแห่งองค์อินทราธิราชและเหล่าเทวดาทั้งปวงที่มาประชุมกันอยู่ ณ ที่นั้น ได้บันดาลให้เครื่องนุ่งห่มและบริขารของฤาษี ปรากฏขึ้นเฉพาะหน้าให้องค์ราชาและมหาชนครบถ้วนทุกคน

เมื่อองค์ราชาและมหาชนได้ครองเพศดาบสแล้ว คุรุฤาษีสรภังคะโพธิสัตว์ จึงได้กล่าวมธุรสภาษิตให้โอวาทแก่ฤาษีใหม่ทั้งปวงว่า

ให้ตั้งมั่นอยู่ในความเพียร รักษาศีลยิ่งชีวิต และปฏิบัติตนอ่อนน้อมถ่อมตน ดำรงรักษาแบบธรรมเนียมของดาบสเอาไว้จนกว่าชีวิตจะหาไม่

ในเวลานั้น ฤาษีกีสวัจฉ ผู้ที่เคยถูกราชาและชาวเมืองพาราณสีถ่มน้ำลายรดใส่ เมื่อพันปีที่แล้วจนเป็นเหตุให้เทวดาผู้อภิบาล โกธรชาวนครพาราณสี จึงบันดาลให้ฝนวิบัติ ๗ ประการ ตกลงมาล้างผลาญชาวพระนครพาราณสีจนล่มสลาย

อีกหนึ่งพันปีต่อมาองค์ราชาแห่งพระนครใหม่ทั้ง ๓ พร้อมมหาชนเป็นอันมากได้พากันมาสอบถามคุรุฤาษีสรภังคะโพธิสัตว์ ด้วยความไม่พอใจว่าทำไมฤาษี จึงเป็นต้นเหตุให้พระนครพาราณสีและชีวิตประชาชนต้องวอดวายฉิบหาย

แต่พอได้มารับฟังมธุรสคาถา ที่องค์อินทราธิราชถามปัญหา และองค์คุรุฤาษีสรภังคะโพธิสัตว์ ตอบด้วยมธุรสภาษิต อันไพเราะจนซึมซับชโลมจิตใจไปทีละข้อ ทีละคำตอบ ทีละขั้น

บัดนี้มหาชนทั้งหลายที่ได้มีจิตโปร่งเบาสบาย ด้วยเพราะสามารถละเสียซึ่งกามคุณทั้ง ๕ และโทสะได้แล้ว

องค์กีสวัจฉฤาษีผู้เป็นศิษย์ของคุรุฤาษีสรภังคะโพธิสัตว์ จึงได้เข้าไปกราบอาจารย์ แล้วกระทำประทักษิณ รอบองค์คุรุฤาษีสรภังคะโพธิสัตว์ จนครบ ๓ รอบ พร้อมทั้งมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าองค์คุรุฤาษีอาจารย์ผู้ประเสริฐ

แล้วกล่าวปัจฉิมคาถาขึ้นว่า

ช่างเป็นลาภอันประเสริฐที่ข้าพเจ้าได้เกิดมาเป็นมนุษย์

ช่างเป็นโชคอันประเสริฐที่ได้มีโอกาสพบครูผู้ยิ่งใหญ่

ช่างเป็นความสำเร็จเจริญ ที่ข้าพเจ้าได้มีโอกาสสดับฟังคำสั่งสอนของมหาคุรุฤาษีสรภังคะโพธิสัตว์ ผู้ประเสริฐ

จนเป็นเหตุให้ข้าพเจ้าได้อภิญญาสมาบัติ และสดับสุจริตธรรมอันวิเศษ

ข้าพเจ้าขอถึงซึ่งคุรุและธรรมอันประเสริฐที่องค์คุรุได้กล่าวไว้ดีแล้ว

บัดนี้ถึงกาลที่ข้าพเจ้าจะสิ้นอายุขัยแล้ว กรรมน่าติเตียนใดๆ ที่ข้าพเจ้าได้เคยล่วงเกิน สบประมาทพลาดพลั้งทั้งต่อหน้าและลับหลังท่านมหาคุรุผู้ประเสริฐ และผู้เจริญทั้งหลาย

ขอได้โปรดอโหสิกรรมเหล่านั้นให้แก่ข้าพเจ้าด้วย

ฤาษีกีสวัจฉ เมื่อได้กล่าวภาษิตคาถาจบลง ก็ทรุดกายลงนั่งในท่าบำเพ็ญเพียร แล้วเข้าสู่สมาบัติดับขันธ์ไปในเวลานั้น

เทวดาและหมู่ฤาษีทั้งหลายต่างบังเกิดธรรมสังเวช

มหาคุรุฤาษีสรภังคะโพธิสัตว์ จึงมีคาถากล่าวขึ้นในท่ามกลางมหาสมาคมฤาษีว่า

บัดนี้พี่และน้องของพวกท่านได้สิ้นอายุขัย ดับขันธ์ไปเกิดในพรหมโลกแล้ว ท่านทั้งหลายจงมาช่วยกันปลงสรีรสังขารของท่าน ด้วยเดโชธาตุกันเถิด

บรรดาฤาษีผู้ใหญ่จึงแยกย้ายให้เหาะไปเสาะหาไม้จันทร์หอมมาทำมณฑปอันตระการ เทพยดาทั้งหลายก็ช่วยกันบันดาล ดอกมณฑารพ และดอกไม้สวรรค์อันวิจิตรตระการในสวนสวรรค์มาประดับบนเมรุมาศ

มณฑปนั้นงดงามดุจดังเวชยันตปราสาทแห่งองค์อินทรา

เมื่อทุกอย่างตระเตรียมสำเร็จเสร็จสิ้นแล้วภายในชั่ว ๑ ก้านธูป ฤาษีผู้เยาว์ อ่อนพรรษาจึงช่วยกันอัญเชิญสรีรสังขารของฤาษีกีสวัจฉ ขึ้นสถิตบนจิตตาคาร หันหน้าไปในทิศตะวันตก

เมื่อทุกอย่างตระเตรียมเสร็จสิ้นแล้ว ฤาษีผู้ใหญ่ทั้ง ๗ อันมี

สาลิสสรฤาษี

เมณฑิสสรฤาษี

ปัพพตฤาษี

เทวิลฤาษี

อนุสิสสะฤาษี

และนารทะฤาษี

อันมีมหาคุรุฤาษีสรภังคะโพธิสัตว์ ผู้เป็นอาจารย์ได้เข้าสมาบัติเจริญเดโชธาตุ บันดาลให้ไฟลุกขึ้นในจิตตาทานจากทิศทั้ง ๔ ทั้งด้านล่างและด้านบน

สิ้นเวลาไม่นานด้วยอานุภาพแห่งเดโชธาตุ สรีรสังขารของท่านฤาษีกีสวัจฉ ก็ได้สลายกลายอัฐิธาตุและเถ้าถ่าน

ขณะนั้นองค์อินทราธิราชจึงบันดาลให้ฝนทิพย์ตกลงมาเฉพาะกองอัฐิ เถ้าถ่านนั้นเพื่อชำระ อัฐิธาตุให้บริสุทธิ์

แล้วองค์อินทราธิราชจึงบันดาลให้ดอกไม้สวรรค์พรั่งพรูลงมาบูชาเถ้าธาตุอัฐินั้น

มหาคุรุฤาษีสรภังคะโพธิสัตว์จึงมีบัญชาให้ฤาษีราชาทั้ง ๓ และบริวารช่วยกันเก็บอัฐิธาตุใส่ผอบศิลาที่เนรมิตมาแล้วให้นำไปเก็บไว้ในที่พำนักของฤาษีกีสวัจฉ

ขณะที่มีพิธีปลงสรีรสังขารของฤาษีกีสวัจฉนั้น เทพ คนธรรพ์ และนางฟ้าทั้งปวง ก็พากันดีดพิณ สีซอ เป่าสังข์บรรเลงเพลงทิพย์บูชาต่อองค์ฤาษีกีสวัจฉเป็นครั้งสุดท้าย

เสียงดุริยสังคีตช่างประณีต จะได้ยินเฉพาะผู้ต้องการฟัง หากผู้ใดมิต้องการฟังก็จะไม่ได้ยิน
เมื่อสิ้นพิธีปลงสรีรสังขารและเก็บอัฐิธาตุของท่านฤาษีกีสวัจฉแล้ว องค์มหาคุรุฤาษีสรภังคะโพธิสัตว์จึงได้กล่าวมธุรสคาถาขึ้นว่า

ท่านผู้เจริญทั้งหลาย บัดนี้พิธีปลงสังขารของพี่น้องฤาษีของพวกเราก็ได้เสร็จสิ้นลงแล้วขออัญเชิญท่านทั้งหลายโปรดแยกย้ายกลับไปยังที่พักนำของตนเถิด

จงตั้งมั่นอยู่ในอารมณ์ญาณ

จงรักษาศีล

เป็นผู้นอบน้อมถ่อมตน

ประพฤติตนเป็นผู้กตัญญูรู้คุณ กตเวทิตาตอบแทนคุณ

เจริญสติปัญญาอยู่เนืองนิตย์

เช่นนี้แล้วนรกก็จักไม่เกิดขึ้นแก่เธอท่านหลาย

องค์อินทราธิราชและหมู่เทวดาทั้งหลาย เมื่อได้สดับปัจฉิมโอวาทของมหาคุรุฤาษีสรภังคะโพธิสัตว์แล้ว จึงได้เปล่งสาธุการขึ้นพร้อมกัน แล้วกราบลาไปยังเทวนครของตน

ส่วนบรรดาฤาษีใหม่ทั้งปวงอันมีองค์ราชาทั้ง ๓ และบริวารก็ได้แยกย้ายกันไปยังอารามที่พัก ที่เทวดาได้เนรมิตให้จนครบทุกองค์

โดยมีฤาษีผู้ใหญ่ทั้ง ๕ คอยกำกับดูแล อบรมสั่งสอน หากมีใครผู้ใดติดขัดในข้อปฏิบัติใด ก็จะเข้าไปกราบขอคำแนะนำจากมหาคุรุฤาษีสรภังคะโพธิสัตว์

ไม่นานองค์ราชาฤาษีทั้ง ๓ และฤาษีบริวารทั้งหมดก็ได้สำเร็จสมาบัติสูง ต่ำ ตามแต่วาสนาบารมีที่บำเพ็ญ

องค์พระบรมศาสดาอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า เมื่อทรงตรัสพระชาดกนี้จบลง จึงได้ทรงสรุปว่า

สาลิสสรดาบสคือสารีบุตร

เมณฑิสสรดาบสคือกัสสปะ

ปัพพตดาบสคืออนุรุทธะ

เทวิลดาบสคือกัจจายนะ

อนุสิสสดาบสคืออานนท์

กีสวัจฉดาบสคือโกลิตะ

นารทดาบสคืออุทายีเถระ

บริษัททั้งหลายคือพุทธบริษัท

ส่วนสรภังคโพธิสัตว์คือเราตถาคต

จบบริบูรณ์เรื่องชาดก สรภังคชาดก

จบแล้วจ้า เจริญธรรม

พุทธะอิสระ

——————————————–

ลิ้งค์จาก : https://www.facebook.com/buddha.isara/posts/pfbid0orTXcJDZNLX3TaNJoK17N1hT7dhPzmRpUNLcueqsJFSfRUTfMCM5Xus7j4T3n8d1l