ไม่คิดว่า พวกทุนนิยมจะเห็นแก่ได้ เห็นแก่ตัวมากถึงขนาดนี้
๕ กรกฎาคม ๒๕๖๕
ได้ยินข่าวสารพัดสินค้าจำเป็นสำหรับการบริโภคของประชาชนพากันประกาศขึ้นราคากันทั่วหน้า
ด้วยข้ออ้างที่ว่า น้ำมันแพง ค่าขนส่งขึ้นราคา ค่าวัตถุดิบในการผลิตขึ้น (แต่ค่าแรงไม่ขึ้น)
ทั้งที่ ๒ ปีกว่าที่ไทยประสบปัญหาโควิดระบาด ธุรกิจน้อยใหญ่ต่างพากันได้รับผลกระทบ โอดครวญเจ็บปวดกันทั่วหน้า บ้างก็ถึงขนาดปิดร้าน ปิดบริษัท ปลดคนงาน
แต่ก็มีหลายบริษัทที่รุ่งเรือง ร่ำรวย ทำกำไร กอบโกยเงินได้ทั้งวันทั้งคืน ถึงขนาดให้คนงานทำโอทีกัน ๒๔ ชั่วโมง
ด้วยเพราะสินค้าของตนเป็นที่ต้องการของผู้บริโภคในยามยาก
ตลอดเวลา ๒ ปีเศษที่โควิดระบาดสินค้าของเขาขายดีเป็นเทน้ำเทท่ามาตลอดไม่เว้นแม้แต่วิกฤตน้ำท่วม อุทกภัย วาตะภัย อัคคีภัย สินค้าของพวกเขาก็ยิ่งขายได้ขายดี
แล้วมันเป็นสินค้าประเภทไหนกันบ้างล่ะ
คิดว่าทุกคนคงจะรู้รู้กันอยู่แล้วว่าสินค้าอะไรบ้าง
๒ ปีที่ทุกคนเดือดร้อนเพราะภัยโควิด แต่เศรษฐีพวกนี้กลับสร้างความร่ำรวยเอา รวยเอา
พอน้ำมันแพงหน่อย พวกเศรษฐีพวกนี้ก็ออกมาโวยวายร่ำร้องว่า ไม่ไหว ปัจจัยการผลิตมันขึ้นทุกอย่าง (ยกเว้นค่าแรง) ขอปรับขึ้นราคาสินค้าของตน
เหตุผลเพราะขาดทุนในผลกำไรที่ควรจะได้
เหตุนี้แหละจึงจั่วหัวว่า พวกทุนนิยมทำไมถึงได้เห็นแก่ตัวเห็นแก่ได้กันมากมายนักหนา
ช่างไม่มีเมตตา ไม่เห็นอกเห็นใจเพื่อนร่วมชาติ ที่กำลังอดยากทุกข์ยากลำบากกันบ้างเลยหรือ
จะเอารวยกันไปถึงไหน ?
คิดว่าความร่ำรวยมันจะช่วยให้ไม่ตายกันได้หรือยังไง ?
เมื่อถึงคราวตายคุณๆ ผู้ร่ำรวยทั้งหลายจะเอาอะไรติดตัวไปได้ ?
ในสถานการณ์สุดแสนจะทุกข์ยากเช่นนี้ผู้มีกำลัง น่าจะช่วยพยุงผู้อ่อนแรง ไม่ใช่มาซ้ำเติมให้จมดิน อย่างที่กำลังทำกันอยู่
เมตตา เสียสละ แบ่งปันน่ะมีบ้างไหมในหัวใจของพวกคุณ
หากไม่มีเช่นนี้ ระวังฟ้าดินจะลงโทษ
การสร้างความร่ำรวยบนความทุกข์ยาก เดือดร้อนของผู้คนนี่มันเป็นความชั่วหยาบ บาปมากนะคุณ
คิดผิด ทำผิด ก็คิดให้ถูกได้ยังไม่สาย
พุทธะอิสระ
——————————————–