สืบเนื่องเรื่องเกิดจากศาลาปฏิบัติธรรม (ตอนที่ 4) 13พ.ค.2565

0
10

สืบเนื่องเรื่องเกิดจากศาลาปฏิบัติธรรม (ตอนที่ ๔)
๑๓ พฤษภาคม ๒๕๖๕

๑๕. อยากมีอนาคตดี ต้องขยันภาวนา

อธิบายว่า พระบรมศาสดาทรงตรัสสอนเอาไว้ว่า

**************************************

เย ธัมมา เหตุปัปพวา เตสัง เหตุง ตถาคโต

ธรรมเหล่าใด เกิดแต่เหตุ พระตถาคตกล่าวถึงเหตุและการดับเหตุแห่งธรรมนั้น

****************************************

ด้วยการปฏิบัติตามหลักคิดเช่นนี้ ผู้ที่ภาวนาต้องตระหนัก สำนึก ระลึกรู้อยู่เสมอว่า วันนี้คุณปลูกต้นมะม่วงเขียวเสวย อีกหลายปีต่อมาคุณจะได้เก็บลูกมะม่วงเขียวเสวยจากต้นที่คุณปลูก มากินได้ตามใจชอบ

แต่หากวันนี้คุณไม่ปลูกอะไร วันต่อๆ ไปและปีต่อๆ ไป หากคุณต้องการกิน ต้องการใช้ คุณก็ต้องขวนขวายหาปัจจัย แก้ว แหวน เงิน ทอง ที่มีมูลค่ามีราคา คุณถึงจะสามารถนำไปแลกซื้อ แลกหาสิ่งของที่คุณต้องการบริโภค ไม่ว่าจะเป็นผลมะม่วงหรือข้าวปลาอาหาร และเครื่องอุปโภคบริโภค ตามที่คุณต้องการ

แม้แต่เครื่องอุปโภคบริโภคที่คุณไม่สามารถทำเองได้ คุณก็ต้องใช้เงินทองที่หาได้ในวันนี้ ไปจัดซื้อหามาในวันหน้า

แต่หากวันนี้คุณไม่มุ่งมั่นขวนขวาย แสวงหาทรัพย์สินสะสมเอาไว้ สำหรับใช้จ่าย จัดซื้อหาในสิ่งที่คุณต้องการ วันพรุ่งนี้ปีหน้า คุณจะเอาอะไรไปจัดซื้อหาในสิ่งที่คุณต้องการได้

เช่นเดียวกันหากวันนี้คุณไม่ขวนขวายที่จะเรียนรู้สรรพวิทยาในวิชาการต่างๆ วันข้างหน้า ปีหน้า คุณจะเอาความรู้ใดไปสร้าง สรรหาในสิ่งที่คุณต้องการ

ฉะนั้นอนาคตจะดี วันนี้คุณต้องเริ่มต้นมุ่งมั่นขวนขวายสร้างเหตุปัจจัยให้เกิดผล เพื่อที่จะส่งผลไปถึงพรุ่งนี้ปีหน้า และชาติหน้าต่อไป

กระบวนการดังกล่าวเหล่านี้ เรียกว่า ภาวนาแล้วทำให้อนาคตดี

ทั้งนี้รวมถึงการภาวนาทางจิตวิญญาณให้รุ่งเรือง เจริญตามวิถีทำนองคลองธรรมอย่างจดจ่อ จับจ้อง ตั้งมั่น

๑๖. อยากตายอย่างสงบ ต้องภาวนา

อธิบายว่า ผู้ที่มีองค์คุณแห่งการภาวนา จะต้องตระหนักสำนึก ระลึกรู้อยู่เสมอว่า การมีชีวิตอยู่ในโลกปัจจุบันมันอัดแน่นไปด้วยความกระวนกระวาย ทุกข์ยาก เดือดร้อน ทรมานอย่างแสนสาหัส

ผู้ภาวนาจึงต้องตระหนัก สำนึก ระลึกรู้ต่อไปให้ได้ว่า เมื่อถึงความที่เราจะตาย ในเวลาตาย เราจะตายอย่างไร โดยไม่ต้องนำพาเอาความทุรนทุราย ทุกข์ทรมานที่มีอยู่ในชาติปัจจุบัน ติดตามไปกับเราขณะตายและหลังจากที่ตายแล้วด้วย

ดังเช่นหลักคิดที่องค์พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงตรัสสอนเอาไว้ว่า

***************************************

จิตเต สังกิลิฏเฐ ทุคติปาฏิกังขา

– เมื่อจิตเศร้าหมอง ไม่ผ่องใส ทุคติ (นรก) ก็เป็นที่ไป

จิตเต อสังกิลิฏเฐ สุคติปาฏิกังขา

– เมื่อจิตผ่องใส ไม่เศร้าหมอง สุคติ (สวรรค์) ก็เป็นที่ไป

***************************************

เพื่อไม่ปล่อยให้จิตใจเราเศร้าหมองในขณะตาย จึงสมควรป้องกันด้วยการหมั่นเจริญภาวนา มีศรัทธา มีทาน มีศีล มีสติ มีสมาธิ มีปัญญา

แม้คุณธรรมอย่างใดอย่างหนึ่ง ก็สามารถตายอย่างสงบได้แล้ว

เช่นนี้เรียกว่า ภาวนาแล้ว ผลแห่งการภาวนานำพาให้ตายอย่างสงบ

พุทธะอิสระ

——————————————–