เรื่องเจ้าคุณเบอร์ลินที่ควรจักจบ แต่ยังมีผู้พยายามจะไม่ให้จบ เพราะมีผู้กังขาถามมา พุทธะอิสระจึงขอหยิบมาเล่าพอคร่าวๆ แยกเป็นประเด็นดังนี้ อีกทั้งต้องขออภัยท่านเจ้าคุณเบอร์ลิน ที่ต้องพาดพิงถึงท่าน แต่ให้เข้าใจว่า พุทธะอิสระไม่ได้มีเจตนาทำให้ท่านเสียหาย
ประเด็นที่หนึ่ง มีผู้ถามมาว่า ทำไมต้องฟ้องเจ้าคุณเบอร์ลินด้วย
ตอบ ที่ฟ้องเพราะต้องการเตือนสติ ว่าอย่าใช้อารมณ์ในการมองปัญหา อย่าใช้อารมณ์ในการแก้ปัญหา เพราะผลลัพธ์ที่ออกมามันไม่อาจคาดเดา ส่วนเหตุแห่งการฟ้องนั้น เมื่อท่านเจ้าคุณเบอร์ลินท่านยอมรับผิดด้วยความจริงใจแล้ว พุทธะอิสระก็ไม่ควรไปรื้อฟื้นทำให้ท่านต้องเสียหาย
ประเด็นที่ ๒ ถาม ทำไมเมื่อเกิดเรื่องในคณะสงฆ์ ท่านต้องนำเรื่องไปฟ้องต่อศาลทางโลกด้วย ทำไมท่านไม่ฟ้องศาลสงฆ์
ตอบ คุณเชื่อจริงๆ หรือว่าศาลสงฆ์มีอยู่จริง และทำงานได้ หากศาลสงฆ์มีอยู่จริงทำงานได้จริง อย่างที่คุณเข้าใจแล้วทำไมเวลาที่พุทธะอิสระนำเรื่องคดีธรรมกายไปร้องเรียนต่อเจ้าคณะตำบล อำเภอ จังหวัด ภาค และเจ้าคณะหน หลายครั้งหลายครา
คุณเคยเห็นว่า ผู้ที่ทำหน้าที่ตุลาการสงฆ์ดังกล่าว ทำอะไรได้บ้าง นอกจากจะทำอะไรไม่ได้แล้ว คนระดับเจ้าคณะภาค ยังมีหน้ามาบอกกับพุทธะอิสระอีกว่า “ผมมีแค่ตัวคนเดียว จะให้ผมไปทำอะไรเขาได้ หลวงปู่ก็รู้ดีนี่” แล้วอย่างนี้จักให้พุทธะอิสระไปหวังพึ่งศาลสงฆ์ที่ไหน
ฉันว่าจุดธูปไหว้เจ้า ไหว้ศาลพระภูมิ ยังดูจะมีโอกาสมากกว่ามั้ง (อันนี้ไม่ได้สนับสนุนให้ใครงมงายนะจ๊ะ) หากศาลสงฆ์พึ่งพาอาศัยได้จริง รัฐบาลคงไม่ต้องทุ่มกำลังพล ทุ่มงบประมาณไปเป็นร้อยๆ ล้านบาทจัดการกับปัญหาธรรมกายดอก
ถามประเด็นที่ ๓ หากท่านพุทธะอิสระมีเจตนาที่จะให้อภัยแก่เจ้าคุณเบอร์ลินจริงๆ ครั้งแรกที่เขาพยายามติดต่อมาหาท่าน ทำไมท่านถึงไม่ให้เขาเข้าพบ เรื่องนี้มีความในอะไรแอบแฝงหรือเปล่า
ตอบ แล้วฉันจะรู้ไหมล่ะ ว่าท่านเจ้าคุณท่านจริงใจที่จะยอมรับผิดต่อสิ่งที่ได้กระทำไปหรือเปล่า การที่จะให้อภัยแก่คนผู้กระทำผิด แม้ศาลสถิตยุติธรรมก็ยังต้องดูพฤติกรรมของผู้กระทำผิดเลยว่า มีความจริงใจ ยอมรับผิดจริงหรือเปล่า เมื่อพุทธะอิสระเห็นว่า ท่านเจ้าคุณมีความจริงใจที่จะยอมรับต่อสิ่งที่ท่านได้กระทำมาอย่างลูกผู้ชาย ผู้กล้า พุทธะอิสระก็บอกกล่าวให้อภัยทันที หากคุณได้ติดตามดูคลิปเหตุการณ์นั้นที่ท่านเจ้าคุณมาขอพบ ถ้าคุณสังเกตุคุณจะรู้ว่า ท่านเจ้าคุณมิได้เอ่ยปากขอให้พุทธะอิสระยกโทษให้ด้วยซ้ำ เพียงแต่ท่านเจ้าคุณท่านกล่าวว่า ผมมาพบหลวงปู่ในวันนี้ก็เพื่อมาพูดคุยสนทนา ให้เข้าใจในสิ่งที่ผมคิด ผมทำ ส่วนเรื่องคดีความนั้นก็สุดแท้แต่หลวงปู่จะเมตตา
เมื่อพุทธะอิสระเห็นและรู้ในกิริยา แสดงความจริงใจของท่านเจ้าคุณ พุทธะอิสระเองนั้นแหละเป็นผู้สั่งการให้ทนายไปถอนฟ้อง ทั้งที่ท่านเจ้าคุณมิได้ร้องขอ
แล้วอย่างนี้จะมาหาว่า พุทธะอิสระ มีความในอะไรแอบแฝงอีกล่ะ หรือคุณจะพยายามมาเสี้ยมให้ทะเลาะกันอีก
ถามประเด็นที่ ๔ นะครับ เห็นข่าวหลวงปู่เที่ยวได้ไล่ฟ้องคนโน้นคนนี้ เป็นสิบๆ คดีแสดงว่าหลวงปู่มั่นใจ ในหลักฐานที่ตนเองมี ว่าสามารถที่จะเอาผิดกับผู้ถูกฟ้องได้ และแสดงว่าหลวงปู่มีทีมทนายที่เก่งฉกาจ ฉกรรจ์เอามากๆ ถึงได้สามารถชนะคดีมาตลอด
ตอบ คุณก็พูดเกินไป มากล่าวหาว่าฉันเที่ยวไล่ฟ้องคนนั้นคนนี้ดะไปหมด คนอย่างพุทธะอิสระไม่ได้บ้าอำนาจ และก็ไม่ได้มีอำนาจอะไรขนาดนั้น เพียงแต่ใช้สิทธิ์ตามกฎหมาย ที่มีบัญญัติรับรองสิทธิ์เอาไว้เท่านั้น ก็ไหนพวกคุณขยันเรียกร้องสิทธิ์กันนักมิใช่หรือ
พุทธะอิสระจึงได้แสดงให้พวกคุณได้รู้ว่า สิทธิ์ของพวกคุณเขามีกำหนดเอาไว้ตามกฎหมายเรียบร้อยแล้ว
เมื่อคุณถูกใครมาละเมิดสิทธิ์อันชอบธรรมของคุณ คุณก็มีสิทธิ์ที่จะใช้กฎหมายที่ให้การคุ้มครองคุณดำเนินการกับผู้ละเมิดนั้น ตามบทบัญญัติของกฎหมายไม่เว้นแม้แต่พระเถระ เณร ชี ทุกคนล้วนมีสิทธิ์ตามที่กฎหมายบัญญัติเอาไว้ทั้งนั้น
ซึ่งพุทธะอิสระกำลังจะพิสูจน์ให้พวกคุณๆ ทั้งหลายได้เห็นว่า หากเรามีรัฐบาลที่มีธรรมาภิบาล ถือยึดกฎหมายในการบริหารบ้านเมืองเป็นหลัก
กฎหมายนั้นๆ ย่อมจักเป็นที่พึ่งของคนในทุกสังคมได้เสมอ และพุทธะอิสระก็ได้พิสูจน์ให้แก่ผู้เรียกร้องสิทธิ์อย่างพวกคุณ ได้รับรู้ว่ากฎหมาย เป็นที่พึ่งของสุจริตชนได้จริงๆ ในเวลานี้
ส่วนที่คุณถามฉันว่า ฉันทำไมถึงไล่ฟ้องเขาไปทั่ว อยากบอกคุณว่า ฉันไม่ได้เป็นผู้ไปหาเรื่องพวกเขานะ มีแต่พวกเขามาละเมิดสิทธิ์ฉัน และก็ไม่ใช่แค่ครั้งสองครั้ง พวกเขาละเมิดสิทธิ์ฉันมาหลายครั้ง หลายครา บางคนก็เป็นปีๆ
เมื่อเห็นว่าขืนปล่อยเอาไว้ คนพวกนี้ก็จะย่ามใจ อาจจักไปทำเรื่องเลวร้ายแก่ผู้อื่นได้มากกว่า การละเมิดสิทธิ์ฉัน
เมื่อเขาไม่มีความเคารพในสิทธิ์ของผู้อื่น เราก็ควรใช้กฎหมายสอนให้เขารู้และหลาบจำว่า อย่าบังอาจมาละเมิดสิทธิ์ผู้อื่น ไม่เช่นนั้นก็จักมีผลลัพธ์ที่น่าอนาถอย่างที่เห็นๆ
ขอย้ำว่า ฉันใช้สิทธิ์ตามกฎหมาย ไม่ใช่ใช้อารมณ์ความรู้สึก
ส่วนประเด็นที่คุณถามว่า ฉันมีทีมทนายที่เก่งฉกาจ ฉกรรจ์เอามากๆ นั้น
ตอบคุณโดยไม่อายเลยว่า ฉันมีทนายแค่คนเดียว
คนเดียวที่ต้องทำในทุกเรื่อง ทุกอย่าง และทุกคดี ไม่ว่าจะเป็นคดีมโนสาเร่ จนถึงคดีกบฏระดับชาติ พุทธะอิสระก็ใช้ทนายคนนี้
ข้อดีของทนายคนนี้คือ สอนง่าย รับฟังได้ และขยันทำตามคำแนะนำ แต่พักหลังนี้ดูเขาจะอวบอ้วนมากขึ้น ดูจะอืดๆ อยู่เหมือนกัน ฉันเลยต้องคอยกระตุ้นอยู่เนืองๆ
ผู้ถามแสดงว่า หลวงปู่เลี้ยงดี
ตอบ ฉันก็ไม่ได้เลี้ยงดูอะไรเขานักดอกนะ
ให้เงินค่าจ้างทนายก็แสนจะน้อยนิด
แต่เวลามีเงินค่าคดีที่ผู้ถูกฟ้องจะต้องจ่ายค่าเสียหายที่เกิดขึ้น เช่น ค่าแปลเอกสาร ค่าธรรมเนียมศาล ค่าตัวทนาย ค่ารถ ค่าอาหาร ฉันก็จะยกให้แก่เขาทั้งหมด
ถือเป็นค่าตอบแทนความเหนื่อยของเขา เช่นกรณีที่ท่านเจ้าคุณเบอร์ลินจะต้องจ่าย หรือที่เจ้าคุณพิพิธ แห่งวัดสุทัศน์จ่ายมา ฉันก็ยกให้ทนายไปทั้งหมด
ส่วนที่คุณถามว่า การที่ฉันจะฟ้องใครแสดงว่ามั่นใจในหลักฐานที่ฉันมี
ตอบคุณว่า พุทธะอิสระไม่เคยใช้อารมณ์ในการต่อสู้ ทุกเรื่องที่ฉันสู้ ฉันใช้สติปัญญา ซึ่งคุณอาจจะมองว่าเป็นความมั่นใจก็ได้
ผู้ถาม จากที่ได้ดูคลิปสนทนาระหว่างหลวงปู่กับเจ้าคุณเบอร์ลิน มีอยู่ช่วงหนึ่งท่านพูดว่า ท่านกระทำการที่ผ่านมาทั้งหมดแต่เพียงลำพัง ไม่มีใครอยู่เบื้องหลัง หลวงปู่เชื่อตามที่ท่านเจ้าคุณพูดไหม
ตอบ แล้วคุณจะมาฟื้นฝอยหาตะเข็บไปทำไม สังคมจะได้ประโยชน์อะไร จากการฟื้นฝอยครั้งนี้ของคุณใครจะอยู่เบื้องลึก เบื้องหลังใคร ฉันไม่สนดอก ขอเพียงฉันยังอยู่กับความจริง ความถูกต้อง ก็เพียงพอแล้ว ส่วนในกรณีท่านเจ้าคุณเบอร์ลินท่านว่าอย่านั้น ก็ให้มันจบๆ กันไป หากคุณต้องการคำตอบจากฉันจริงๆ แล้วล่ะก็ พุทธะอิสระจักตอบว่าผู้ที่อยู่เบื้องหลังเจ้าคุณเบอร์ลิน ก็คือพวกคุณนี่แหละ
พวกคุณที่เป็นกองเชียร์ กองหนุน ทั้งหลายที่ชมชอบ ความมัน ความโหด ความฮานี่แหละ เป็นผู้อยู่เบื้องหลังเจ้าคุณเบอร์ลินรวมทั้งคนอื่นๆ ที่ดังๆ ก็มีบรรดากองเชียร์อย่างพวกคุณนี่แหละอยู่เบื้องหลัง ซึ่งก็อาจจะรวมทั้งพุทธะอิสระก็มีบรรดากองเชียร์ ด้วยก็ได้
แต่พุทธะอิสระไม่เคยปล่อยให้บรรดากองเชียร์ทั้งหลาย มาชี้นำต่อการตัดสินใจใดๆ ของพุทธะอิสระเลย
ดูตัวอย่างการที่พุทธะอิสระให้อภัยแก่ผู้ที่เข้ามาด่าว่าใส่ร้าย บรรดากองเชียร์ทั้งหลายเขาก็ไม่ชอบ ไม่พอใจ หาว่าฉันไม่จริงจัง ปล่อยเสือเข้าป่า เดียวมันก็ย้อนกลับมาแว้งกัดเอาอีก อะไรประมาณนั้น แต่พุทธะอิสระก็ไม่เคยปล่อยให้ชีวิตตกอยู่ในฟองน้ำลาย ที่กระดกบนปลายลิ้นกองเชียร์เลย
ทุกเรื่องที่พุทธะอิสระทำ พูด คิด ล้วนแล้วแต่ตั้งมั่นอยู่บนพื้นฐานของความจริง ความถูกต้อง และความบริสุทธิ์ใจ ทำ พูด คิดทั้งหมดต้องใช้ปัญญา มิใช่ใช้อารมณ์พาไป
ผู้ถามในประเด็นที่ ๖ นะครับ
ตอบ อ้าว..ยังไม่จบอีกหรือ ฉันว่ามันเกิน ๖ ประเด็นแล้วนะ
ผู้ถาม ยังครับยัง เรื่องที่ผมและผู้คนกองเชียร์ทั้งหลายเขาสงสัยและอยากได้ยินจากปากท่านคือ ฟังท่านพูดบ่อยๆ ว่าท่านรักชาติ ศาสนา และสถาบันพระมหากษัตริย์ยิ่งชีวิต แล้วทำไม ท่านไม่ทำหน้าที่ของนักบวชในพระพุทธศาสนา อย่างเคร่งครัด ไม่ปฏิบัติตัวปฏิบัติใจให้เป็นต้นแบบที่ดีของสังคม และเป็นที่ศรัทธาของประชาชนทุกหมู่เหล่า ทำไมท่านถึงได้เที่ยวไปยุ่งกับเรื่องของชาวโลกเข้าไปเสียทุกเรื่องเช่นนี้ จักไม่เป็นการทำลายศรัทธาที่ประชาชนมีต่อภาพลักษณ์ของพระสงฆ์หรือครับ ?
ตอบ อันนี้มันก็ขึ้นอยู่กับมุมมองของแต่ละคนนะ และก็ขึ้นอยู่ที่ว่าใครมองด้วย
ฉันมิอาจไปครอบงำความคิดอ่าน และมุมมองความเห็นของแต่ละคนได้ ส่วนคำถามสุดท้ายที่คุณถามฉันว่า การกระทำของฉันจักไม่เป็นการทำลายภาพลักษณ์และความศรัทธาที่ประชาชนมีให้ต่อพระสงฆ์หรือ
บอกคุณเอาไว้ในทีนี้เลยว่า หากจะให้พุทธะอิสระสร้างศรัทธา สร้างภาพลักษณ์ แล้วยอมปล่อยให้อลัชชีย่ำยีพระธรรมวินัย ให้วิปริตผิดเพี้ยนไป ซึ่งเหตุการณ์นี้ก็มีอยู่จริง ดังเช่นกรณีธรรมกาย พุทธะอิสระยอมให้คนทั้งแผ่นดินถ่มถุย เหยียบย่ำให้จบดินเสียดีกว่า
หากจะให้พุทธะอิสระสร้างศรัทธา รักษาภาพลักษณ์ แล้วปล่อยให้คนชั่ว คนทุจริตรวมหัวกับอลัชชีที่ทำตัวเป็นเห็บหมัด คอยกัดกินพระพุทธศาสนา ทั้งที่รู้อยู่เห็นอยู่ เช่นนี้พุทธะอิสระขอเป็นคนชั่ว คนบาป หยาบช้า เพื่อทำการกวาดล้างขยะพระศาสนาให้หมดไปดีกว่า
หากพุทธะอิสระวันๆ เอาแต่นั่งสร้างศรัทธา รักษาภาพลักษณ์แล้วปล่อยให้ผัวชาวบ้านที่ห่มผ้าเหลืองมานั่งปกครองหมู่สงฆ์ ทั้งที่รู้อยู่ว่าไอ้คนนั้นมันแอบมีลูกมีเมีย อย่างนั้นพุทธะอิสระยอมที่จะเป็นคนกักขฬะ เถื่อนถ่อย แล้วคอยทำหน้าที่กำจัดผัวชาวบ้านปลอมบวชพวกนี้จะดีกว่า
และหากพุทธะอิสระต้องการสร้างศรัทธารักษาภาพลักษณ์ โดยไม่อาทรร้อนใจ ที่เห็นแผ่นดินกำลังจะถูกโจรในคราบของนักประชาธิปไตยล้างผลาญ บ่อนทำลายชาติ เช่นนั้นพุทธะอิสระขอเป็นผู้ไล่ล่าคนทรยศชาติพวกนั้นจะดีกว่า ถ้าทำให้บ้านเมืองนี้ มั่นคง ปลอดภัย สมกับความเป็นลูกไทยหลานไทยที่ได้ทดแทนคุณแผ่นดิน เช่นนี้แม้จะถูกรุมด่า รุมฆ่า ก็สบายใจที่ได้ทำหน้าที่
หากพุทธะอิสระต้องการจักรักษาภาพลักษณ์ เพื่อสร้างศรัทธา คนอย่างพุทธะอิสระคงจะทำได้ไม่ยาก แต่ถ้ามีภาพลักษณ์ที่ดี มีผู้ศรัทธามากแล้วปล่อยให้สถาบันอันเป็นที่รักยิ่ง ถูกคนชั่ว คนอกตัญญูย่ำยีเช่นนี้ พุทธะอิสระขอเป็นนักบวชชั้นเลวในเวลานี้ ที่พวกคุณมองกันจะดีกว่า
เมื่อตอบประเด็นสุดท้ายจบแล้ว ทีนี้ก็จะขอตอบประเด็นแรก ที่คุณถามฉันว่า ทำไมฉันไม่ทำหน้าที่ของพุทธสาวกที่ดีอย่างเคร่งครัด
ตอบว่า คุณรู้ได้อย่างไรว่า พุทธะอิสระไม่ได้ทำหน้าที่ตามพระธรรมคำสอนอย่างเคร่งครัด คุณเอาอะไรมาวัด หรือคุณคิดคุณมองว่า การทำหน้าที่ปฏิบัติตามหลักพระธรรมวินัย อย่างเคร่งครัดนั้นจักต้องแสดงภาพลักษณ์ที่จับต้องได้ แบบไหนที่คุณเรียกว่า ทำหน้าที่ปฏิบัติตามหลักพระธรรมวินัยอย่างเคร่งครัด ลองยกตัวอย่างมาให้ฉันดูซักคนหนึ่ง
ผู้ถาม ก็อย่างท่านอาจารย์มั่น อาจารย์ฝั้น หรือหลวงพ่อชา ที่ท่านเอาแต่ปฏิบัติธรรมเผยแพร่ธรรม ไม่ยุ่งเกี่ยวกับทางโลกเช่นนี้ไงล่ะ
ตอบ ฉันขอถามคุณบ้างว่า ยุคสมัยท่านอาจารย์มั่น ท่านอาจารย์ฝั้น หรือหลวงพ่อชา มีคดีธรรมกายไหม มีคดีทุจริตเงินทอนวัดไหม มีคดีกรรมการมหาเถรเข้าไปพัวพันการทุจริตเงินอุดหนุนการศึกษาของคณะสงฆ์ไหม และฉันก็เชื่อว่าถ้าท่านมาอยู่ในยุคนี้ ท่านก็คงทำเหมือนฉัน คือคงไม่ปล่อยให้คนชั่วลอยนวล กัดกินพระพุทธศาสนาต่อไปดอก ดูตัวอย่างหลวงตามหาบัวซิ
หลวงตามหาบัวท่านเป็นลูกศิษย์ท่านอาจารย์มั่น ลูกศิษย์ลูกหาท่านยกย่องว่า หลวงตาบัวเป็นพระอรหันต์ ท่านหาเงินผ้าป่าช่วยซื้อทองคำ ช่วยชาติเลย อย่างนี้เรียกว่าไปยุ่งกับชาวบ้านไหมล่ะ
หรือก่อนหน้านั้น กรณีครูบาศรีวิชัย ชักชวนชาวบ้านสร้างทางขึ้นดอยสุเทพ อย่างนี้เข้าข่ายยุ่งกับชาวบ้านอย่างที่คุณกล่าวหาหรือเปล่าล่ะ
ถามคุณจริงๆ เถิด คุณเชื่อจริงๆ หรือว่านักบวชนอกจากพุทธะอิสระแล้ว ไม่มีใครองค์ใดที่ไปยุ่งกับชาวโลกเลย แล้วไอ้การที่มีกรรมการมหาเถรโทรไปของบอุดหนุนจากสำนักพุทธ ได้มาแล้วนำมาเล่นแร่แปรธาตุ จนกลายเป็นคดีความเช่นนี้ ไม่เรียกว่า ไปยุ่งกับชาวบ้านงั้นซิ
หรือกรณีเจ้าลัทธิธรรมกายรวมหัวกับลูกศิษย์คนสนิท อมเงินฝากของสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนจนเป็นคดีความ อย่างนี้คุณไม่เรียกว่าเป็นการยุ่งกับชาวบ้านงั้นซิ
แต่พอพุทธะอิสระเอาหลักฐานการทุจริต ทำผิด ทำชั่ว ของคนพวกนี้ไปแจ้งแก่หน่วยงานผู้รับผิดชอบ กลับถูกกล่าวหาว่ายุ่งกับชาวบ้าน นี่มันตรรกะของมหาโจรชัดๆ
พุทธะอิสระถึงได้บอกไงล่ะว่า เรื่องที่คุณกล่าวหาฉันว่า ไปยุ่งกับชาวบ้านไปยุ่งกับชาวโลกนั้นน่ะ มันขึ้นอยู่กับที่มุมมอง และพวกไหนมองฉัน
ฉันอธิบายมาถึงขนาดนี้ ก็มิได้หวังดอกนะว่าจะทำให้คุณเปลี่ยนมุมมอง ฉันเพียงแต่ต้องการจะชี้ให้คุณมองโลกตามความเป็นจริงกันบ้าง อย่าเอาแต่โลกสวย แล้วไม่รู้ร้อนรู้หนาวว่าใครจะดีจะชั่ว จะมีผลกระทบอย่างไรกับเราและสังคม ประมาณว่า ถ้าได้ก็ขอแบ่ง แต่ถ้าเสียกูไม่ยอมรับ แถมตำหนิติด่าเอาเสียอีก โดยไม่สนใจว่าอะไรถูก อะไรผิด
แบบนี้แหละประเทศชาติถึงได้ไม่ไปไหนไง เพราะมีคนไม่รู้ดีไม่รู้ชั่วแบบคุณนี่แหละ
เคนะ จบ เหนื่อยแล้ว
พุทธะอิสระ