ผู้ใช้นามว่า ณรงฤทธิ์ พิณสุวรรณ์ ตั้งประเด็นถามเข้ามาทางหน้าเฟช เจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบเขาจึงส่งมาให้ตอบ
คำถามมีอยู่ว่า
ณรงฤทธิ์ พิณสุวรรณ์ : หลวงปู่ฟัดกับหมา/แปลกดีนะ/หมาฟัดคนได้แต่คนฟัดกับหมาหาชมยากนะ/หมาวิ่งหนีเป็นเรื่องปกติ/คนวิ่งหนีหมานี่ซิมันน่าชม/เป็นพระจะสยบผู้คนโดยใช้ศาลมันน่าคิด/หลักพระธรรมไม่สามารถใช้เป็นเครื่องกล่อมจิตรใจในตัวพระได้/ถ้าจะกล่อมจิตรใจคนโดยพระต้องใช้ศาล รึ ความเมตรตา-อุเบกขา ฯลฯมันอยู่ที่ไหนในตัวพระ-การชนะหรือแพ้ แต่ที่แพ้แน่ๆ คือคนี่ที่อยู่ในพุทศาสสนา ครับ
ขออนุญาตตอบคุณณรงฤทธิ์เป็นข้อๆ ดังต่อไปนี้
ถาม หลวงปู่ฟัดกับหมาแปลกดีนะ ?
ตอบ นั้นมันเป็นสิทธิ์ที่คุณจะมอง ถ้าคุณมองเพื่อนมนุษย์คนหนึ่งให้กลายเป็นสัตว์ ทั้งที่เขาก็มีรูปร่างหน้าตา ตัว ตีน ตูด และพูดได้ไม่ได้ต่างอะไรกับคุณ มันก็ขึ้นอยู่กับสำนึกของคุณแล้ว
แต่ถ้าคุณอยากมองเขาว่าเป็นหมา นั่นก็ถือเป็นสิทธิ์ของคุณ ย่อมไม่แปลก แต่ที่มันแปลกก็คือ การใช้สิทธิ์มองของคุณแล้วเผยแพร่ออกมาทางสื่อ ทั้งที่คุณก็รู้อยู่แก่ใจว่า สิ่งที่คุณมอง สิ่งที่คุณพูด สิ่งที่คุณเขียน มันเป็นความเท็จ และเป็นการแสดงความเท็จ ที่ล่วงเกินทำร้ายสิทธิ์คนอื่น คุณณรงฤทธิ์ก็ต้องระวังว่า ผู้ถูกล่วงเกินทำร้ายสิทธิ์ เขาจะใช้สิทธิ์ตามกฎหมายปกป้องตัวเขาเองได้ เพราะสิ่งที่คุณโพสต์ คุณคอมเมนต์ในประเด็นนี้ มันเข้าข่ายความผิด นำความเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ชัดเจน
จะพูด จะโพสต์อะไรก็ควรคำนึงถึงผลกระทบ ที่จะตามมาด้วย
พุทธะอิสระไม่อยากเห็นใครถูกฟ้อง ด้วยการพูดเท็จออกสื่อ
ถาม หมาฟัดคนได้ แต่คนฟัดกับหมาหาชมยากนะ ?
ตอบ ถามอย่างนี้แสดงว่า คนอย่างคุณชอบให้หมาฟัดล่ะซิท่า
ฉันคิดว่านะ ไม่มีคนสุจริตผู้ใด เขาอยากให้หมาฟัดดอก ยกเว้นคนทุจริตที่จ้องจะเข้าไปขโมยของชาวบ้าน หมาที่เขาเลี้ยงเอาไว้จึงฟัดเอา และก็ไม่มีกฎหมายบทใด อนุญาตให้หมาหรือคนทำร้ายกัน
ส่วนที่คุณมองออกมาดังๆ ตามหน้าสื่อว่า คนฟัดกับหมานั้นหาชมยาก นั้นมันเป็นวิธีคิดของคุณเอง ซึ่งเป็นวิธีคิดที่หน้าเป็นห่วงในการอยู่ร่วมกันกับสังคมของคนพอสมควร
ถาม หมาวิ่งหนีเป็นเรื่องปกติ ?
ตอบ โดยปกติสัตว์ทุกชนิดก็เกรงกลัวเภทภัยที่จะเกิดจากคนอยู่แล้ว ยกเว้นคนๆ นั้นจะแสดงให้เห็นว่า เป็นมิตรและไม่มีอันตรายจนสัตว์เหล่านั้นเชื่อง เชื่อใจ ไว้วางใจ สัตว์จึงไม่หนีคน
เราท่านทั้งหลายจึงได้เห็นว่า มนุษย์และสัตว์จึงอยู่ร่วมกันได้ แต่ถ้าฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดมีปฏิกิริยา ให้อีกฝ่ายหนึ่งได้เห็นเป็นสัญญาณว่า จะก่อให้เกิดอันตรายแก่อีกฝ่ายหนึ่ง ก็เป็นธรรมดาที่อีกฝ่ายหนึ่งไม่ว่าจะเป็นคนหรือสัตว์ ต้องแสดงอาการข่มขู่หรือไม่ก็หลบหนี เช่นนี้คือสัญญาณในการเอาตัวรอด ซึ่งก็มีอยู่ด้วยกันทั้งคนและสัตว์
ถาม คนวิ่งหนีหมานี่ซิมันน่าชม ?
ตอบ เพิ่งจะรู้นะ ว่าคนอย่างคุณก็ชื่นชมกับการที่เห็นคนด้วยกันต้องวิ่งหนีภัยที่เกิดจากสัตว์ แสดงว่ารสนิยมของคุณนี่ก็ไม่ธรรมดานะเนี่ย
ใครที่อยู่ใกล้ๆ คุณต้องระวังตัวหน่อยแล้วล่ะ
มนุษย์หรือคนถือเป็นสัตว์สังคมชั้นสูง เมื่อทุกคนต่างอยู่ร่วมกันในสังคม ก็เป็นธรรมดาที่ต้องตั้งความปรารถนาดีต่อกันและกัน เพื่อทำให้สังคมสงบสุข นี้ถือว่าเป็นกติกาที่คนทั้งโลกให้การยอมรับ และหากมีคนหนึ่งคนใดละเมิดกติกานี้
ก็คนอีกนั่นแหละที่รวมหัวกันกำหนดบทลงโทษ แก่คนผู้ละเมิดกติกา และละเมิดสิทธิ์ของคนอื่น ทำลายความสงบสุขของสังคม นี่คือสิ่งที่คนทั่วโลกเขาก็ใช้กัน
ส่วนการที่คนต้องวิ่งหนีหมา ก็เพราะคนผู้นั้นกำลังเสพอารมณ์สะดุ้งกลัวภัยที่จักเกิดจากหมา ถือเป็นสัญชาตญาณ แต่มิใช้ปัญญา เพราะถ้ามีสติปัญญา มากกว่าความกลัว คนผู้นั้นจะไม่หนี แต่จะหาวิธีต่อสู้ ป้องกันตัว มิให้หมาเข้ามาทำร้ายตนได้
เว้นเสียแต่หมามันมากันเป็นฝูง ที่เรียกว่า หมาหมู่ ไอ้อย่างนี้ก็โกยเถอะโยม
ถาม เป็นพระจะสยบผู้คนโดยใช้ศาลมันน่าคิด ?
ตอบ คุณรู้น้อยเกินไปหรือเปล่า ในคดีสมัยพระเจ้าอโศก พระโมคคัลลีบุตรติสสเถระ ยังต้องพึ่งอำนาจอาณาจักร ให้ช่วยกำจัดอลัชชีผู้ย่ำยีพระธรรมวินัยให้วิปริต จนสามารถกำจัดพวกอลัชชีผู้ย่ำยีพระธรรมวินัยได้ถึง ๖ หมื่นกว่าคนเลย
แน่นอนล่ะ การที่พระต้องขึ้นโรงขึ้นศาลนั้น มันไม่ใช้สิ่งที่ดีนักดอกในสายตาชาวบ้าน แต่ผู้มองก็ควรจะมีใจเป็นธรรม มองให้แจ่มชัด แยกแยะให้ถูกว่า การที่พระต้องพึ่งบารมีต่อศาล มันก็เป็นการใช้สิทธิ์ตามกฎหมายที่ทั้งโลกเขาก็ทำกัน หากพระมีที่พึ่งมากกว่าศาล คือพึ่งพระด้วยกันได้ พระโมคคัลลีบุตรติสสเถระ ท่านคงไม่ต้องไปพึ่งพระเจ้าอโศกดอกจริงไหม
อีกทั้งพุทธะอิสระขึ้นศาลก็ไม่ได้มีเจตนาที่จะอาฆาตมาดร้าย กี่รายมาแล้วที่ถูกพุทธะอิสระฟ้อง แต่ก็ไม่เคยให้ใครต้องมาติดคุกซักคน ขนาดฟ้องจตุพรในกรณีใส่ร้าย และนำความเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์
ต่อมาเห็นนายจตุพรถูกศาลพิพากษาให้ติดคุกกรณีดูหมิ่นนักการเมืองคนหนึ่ง พุทธะอิสระยังสั่งให้ทนายไปถอนฟ้องเลย ทั้งที่ศาลนัดสืบพยานแล้วด้วย คนที่จะจับผิดคนอื่น โดยที่ตัวเองรู้ไม่จริงนี่แหละ ที่ควรจักต้องขึ้นศาล
ทุกคนที่พุทธะอิสระฟ้อง เมื่อเขาสำนึกผิด พุทธะอิสระถอนฟ้องให้ หากคุณหูตาไม่มืดมัวจนเกินไป คุณก็จักสังเกตเห็นว่า แต่ละคนเขามีพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปในทางที่ดีทั้งนั้น
ขอบอกคุณณรงฤทธิ์ว่า ถ้าอยากคอยจับผิดพุทธะอิสระก็ควรจักหาความรู้อย่าใช้เจตคติที่เกลียดชังในการมองเพื่อจับผิด
ฉันดูคุณจากข้อคำถามแล้วคุณน่าจะพัฒนาให้ดีขึ้นได้ ถ้ารู้จักแยกแยะดีชั่วให้ชัดเจน และฝึกที่มองอะไรๆ ให้มันรอบๆ ด้าน
ถาม หลักพระธรรม ไม่สามารถใช้เป็นเครื่องกล่อมจิตใจในตัวพระได้ ?
ตอบ ถามจริง โลกสวยเกินไปหรือเปล่า คุณไม่คิดจะมองโลกตามความเป็นจริงบ้างหรือ หลักพระธรรมคำสั่งสอนขององค์พระผู้มีพระภาคเจ้านั้น บริสุทธิ์ บริบูรณ์มีประโยชน์ในเบื้องต้น ในท่ามกลาง และในที่สุดอยู่แล้ว
แต่หากคุณคิดว่าการนุ่งห่มผ้ากาสาวพัสตร์ โกนหัว และจะบริสุทธิ์ บริบูรณ์งดงามตามหลักพระธรรมนั้น มันยังไม่ใช่
หากใช้อย่างที่คุณคิดแล้วคดีเงินทอนวัด มันจักเกิดขึ้นมาได้อย่างไร คดีธรรมกายเกิดขึ้นได้อย่างไร คดีเณรคำเกิดมาได้อย่างไร แล้วคดีเหล่านี้ใช้ศาลทางอาณาจักรหรือศาลสงฆ์
หากคุณได้ศึกษาพุทธธรรม พุทธประวัติ อย่างลึกซึ้งรู้จริงแล้ว แม้ในครั้งพุทธกาลคนชั่ว คนพาล คนมีปัญญาทราม ทำการขโมยตัดไม้หลวง พระพุทธเจ้ายังปล่อยให้พระราชา ตัดสินคดีเลย แม้จะเป็นพระภิกษุก็ตาม
ถาม หลักพระธรรมไม่สามารถใช้เป็นเครื่องกล่อมจิตใจในตัวพระได้ ?
ตอบ ที่ถูกคุณควรจักเอาคำถามเหล่านี้ไปถามกรรมการมหาเถรและนักบวช ที่รวมหัวกันทุจริตเงินทอนวัดบ้างนะ หรือไม่ก็ลองไปถามอลัชชีมีเมีย หนีคดีโกงเงินสหกรณ์ ทำไมคุณถึงได้จ้องเอาแต่คอยถามฉัน
คุณคิดอะไรกับพุทธะอิสระหรือเปล่า
ถาม ถ้าจะกล่อมจิตใจคนโดยพระ ต้องใช้ศาลหรือ ?
ตอบ หรือจะปล่อยให้คนชั่วลอยนวล ปล่อยให้คนพาล ปัญญาทราม ย่ำยีพระธรรมวินัย ย่ำยีพระบรมศาสดา อย่ามาโลกสวย ประดิษฐ์คำหรูๆ อย่างไร้สาระ บ้านเมืองพึ่งพาไม่ได้เลย สมมุติว่ามีคนเขาตีบุพการีของคุณ เผาบ้านคุณ เหยียดหยามดูถูกบุพการีของคุณ คุณจะเอาแต่นั่งเฝ้ากล่อมจิตใจอยู่กระนั้นหรือ
เพราะมีคนอย่างคุณนี้แหละกระมัง พระสงฆ์ในมหาวิทยาลัยนาลันทาในยุคนั้น ถึงได้ถูกฆ่าตายเป็นแสนๆ ก็เพราะมัวแต่นั่งกล่อมจิตใจอยู่อย่างนี้หรือเปล่า พระพุทธศาสนาจึงต้องตกเป็นผู้ถูกกระทำมาตลอด ๒ พันกว่าปี และส่วนใหญ่ก็ถูกพวกพุทธบริษัทสี่อย่างพวกคุณนี่แหละเป็นผู้กระทำ หากเป็นเช่นนั้นพุทธะอิสระขอเลือกที่จะไม่ยอมถูกกระทำและขอเป็นพระโมคคัลลีบุตรติสสเถระ ในยุคสมัยพระเจ้าอโศกจะดีกว่า แม้จะดูหน้าตาไม่เหมือนก็ตามที
ถาม ความเมตตา อุเบกขา มันอยู่ที่ไหนในตัวพระ
ตอบ ความเมตตาและอุเบกขา ที่คุณว่า หากใช้แบบโง่เขลาสุดท้ายแผ่นดินนี้คงไม่มีให้คุณได้เหยียบยืนแล้ว สำหรับพุทธะอิสระนั้นมีอยู่แล้วแหละ ความเมตตา อุเบกขาน่ะ
แต่พุทธะอิสระเลือกที่จะใช้ให้ถูกคน ถูกกาล ถูกสถานที่ ไม่ใช้เอะอะอะไรก็เมตตา เมตตา อะไรอะไรก็อุเบกขา อุเบกขา แล้วปล่อยให้ความเลวร้ายแพร่ขยายทำลายสังคมไป ไม่จบไม่สิ้น
พุทธะอิสระไม่ได้ใจด้านชาขนาดนั้น
และหากพระมหาโพธิสัตว์ผู้บำเพ็ญเมตตาบารมี บำเพ็ญอุเบกขาบารมี ปล่อยให้ทุกอย่างมันเป็นไปตามยถากรรม อย่างที่คุณเข้าใจ วันนี้เราคงไม่มีพระพุทธเจ้า ไม่มีพระวินัย ๒๒๗ ไม่มีการปรับอาบัติปาราชิก ไม่มีการลงทัณฑ์กรรม ไม่มีวิธีระงับอธิกรณ์ และไม่มีอะไรๆ อีกหลายร้อยหลายพันอย่าง ที่ต้องใช้ความกรุณา ความเพียรพยายาม เพื่อให้สัจจะความจริงแท้ปรากฏ
ถาม การชนะหรือแพ้ แต่ที่แพ้แน่ๆ คือคนที่อยู่ในพุทธศาสนา
ตอบ การทำให้ความจริงปรากฏ ทำให้สังคมรับรู้สิ่งที่ควรทำ และมิควรทำแยกแยะถูกผิด มันไปเกี่ยวอะไรกับการแพ้ชนะ
แยกแยะหน่อย อย่ามาเบี่ยงเบน มั่วอีตั้วอย่างนี้
ให้มันอยู่แต่ในหัวของคุณเถิด อย่ามาแพร่เชื้อความมั่วให้สังคมเขาหลงผิดเลย
อธิบายซ้ำว่า การทำความจริงให้ปรากฏ การทำให้สังคมรับรู้สิ่งที่ควรทำ และมิควรทำ การแยกแยะถูกผิด ล้วนแล้วแต่ต้องใช้สติปัญญาทั้งนั้น
แต่การแพ้ชนะ มันเป็นโมหะความหลง เป็นความโง่เขลา
เข้าใจไหม
พุทธะอิสระ