หลังจากได้เขียนบทความเตือนสติกรณีคุณวีระ ออกมาเรียกร้องให้ผู้ที่ไปเชิญ คสช. มาบริหารบ้านเมือง ต้องแสดงความรับผิดชอบ
ซึ่งพุทธะอิสระ ในฐานะพญาราชสีห์แกนนำของเวทีแจ้งวัฒนะ จึงได้เขียนเตือนสติคุณวีระ ประมาณว่า หากคุณจักเกลียดทหาร เกลียด คสช. ก็อย่ามาพาลพาโลเอากับประชาชนผู้เสียสละเพื่อบ้านเมือง และอย่างน้อยก็ควรจักมีสำนึกระลึกถึงบุญคุณของเขาบ้าง ที่ช่วยให้คุณออกมาจากคุกเขมร
ต่อมาคุณวีระ ก็โพสต์โต้ตอบมีข้อความประมาณว่า เขาไม่เชื่อว่าพุทธะอิสระและรัฐบาล คสช. ช่วยเขาออกมาจากคุกเขมร และเพื่อยืนยันข้อความนี้ ทั้งยังป้องกันการบิดพลิ้วอีก จึงขออนุญาตคุณวีระ นำเอาบทความที่คุณโพสต์ลงเฟสบุ๊คส่วนตัวมาลงให้ท่านทั้งหลายได้อ่าน เพื่อทำความเข้าใจในรายละเอียดและความหมายที่คุณวีระต้องการสื่อ
ที่มา : เฟสบุ๊คนายวีระ วันที่ ๒๘ เมษายน ๒๕๖๑ เวลา ๑๗.๐๐ น.
Veera Somwamkid
มีเพื่อนมิตรส่งไลน์และโทร.มาสอบถามผมจำนวนมากถึง กรณีที่พุทธอิสระกล่าวหาว่าผมไม่นึกถึงบุญคุณของทหาร คสช. ที่ช่วยผมออกจากคุกเขมร กรณีที่ผมโพสต์เฟซบุ๊คถามหาความรับผิดชอบบรรดาผู้ที่ไปเชิญทหารเข้ายึดอำนาจแล้วทหารกำลังจะสืบทอดอำนาจอยู่ในขณะนี้ นอกจากนี้พุทธะอิสระยังพูดว่าเป็นผู้ไปเจรจากับทหาร คสช. ให้ไปช่วยผมออกจากคุก และเมื่อผมออก จากคุก ผมก็ยังไปกราบขอบคุณถึงที่วัด
มีบางคนที่ทราบเรื่องต่างๆเหล่านี้และอยู่ในเหตุการณ์ ได้โทร.มาบอกเล่าให้ผมฟัง และขอให้ผมต้อง ชี้แจงความจริงให้สังคมได้รับทราบอย่างตรงไปตรงมา มิฉะนั้นอาจทำให้เกิดความเข้าใจผิดในสิ่งที่ พุทธะอิสระโพสต์ออกมา
ผมจึงต้องขอเรียนชี้แจงดังนี้ ขอยืนยันว่า ผมไม่เชื่อว่าทหาร คสช. ช่วยผมออกจากคุก แต่ที่ผมรู้แน่ๆก็คือ เมื่อวันที่ 30 ธ.ค.2553 พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ทหาร คสช.เป็นคนไทยคนแรกที่ยืนยันกับชาวโลกว่าคน
ไทยทั้ง 7 (รวมทั้งผม)ล้ำเข้าไปในเขตแดนของเขมร 55 เมตร นอกจากนี้ผมรู้ว่า ฮุนเซน เป็นคนสั่งปล่อยผมชนิดที่คนในรัฐบาลเขมรเองก็ยังไม่มีผู้ใดรู้เรื่องนี้เลย ฮุนเซนทำเรื่องนี้เงียบๆคนเดียว นอกจากนี้ยังมีผู้ให้ข้อมูลยืนยันกับผมว่า จีน ก็เป็นผู้อยู่เบื้องหลังในการช่วยเหลือผมในครั้งนี้ จึงมีหลายคนที่อ้างว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังในการช่วย
ผม ไม่ว่าจะเป็นผู้ใดก็ตามที่มีส่วนช่วยเหลือผมจริงๆ
ผมก็ถือเป็นเรื่องที่ดี และระลึกถึงอยู่เสมอ แต่ก็มิได้หมายความว่า บุญคุณที่ได้ช่วยเหลือผม จะมาเหนือกว่าความเลวที่เขาทำกับประเทศชาติและประชาชน จนผมละเว้นที่จะไม่ตรวจสอบเขานะ
ผมมีหน้าที่ช่วยเหลือราชการต้านภัยคอร์รัปชัน ผมทำหน้าที่นี้ให้กับสังคมไทยมานานกว่ายี่สิบปี จนมีผลงานเป็นที่ประจักษ์กับสังคมมาโดยตลอด
หน้าที่หลักของผมคือการช่วยตรวจสอบ เปิดโปงการทุจริต เปิดโปงเรื่องความไม่โปร่งใสต่างๆ การที่พุทธะอิสระมากล่าวหาว่าผมไม่ชอบทหารเป็นส่วนตัว มีอคติกับทหาร หรือเพราะทหารไม่ให้ความสำคัญ ผมจึงไม่พอใจทหารนั้น
แสดงให้เห็นว่าพุทธะอิสระยังไม่รู้จักผมดีพอ ตลอดเวลากว่ายี่สิบปีผมตรวจสอบทุกรัฐบาล แม้แต่รัฐบาลทักษิณที่ให้ความสำคัญกับผม ถึงขนาดเป็นประธานเปิดหน่วยงาน เครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชัน เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม 2544 รัฐบาลทักษิณก็ยังไม่ได้รับสิทธิยกเว้นไม่ต้องถูก
ตรวจสอบจากผม เพราะผมไม่ใช่หรือที่ตรวจสอบทักษิณ จนทักษิณต้องถูกศาลฎีกาฯพิพากษาให้จำคุก จึงต้องหนีไปอยู่ต่างประเทศจนถึงบัดนี้
ดังนั้น คนโกงชาติ คนขายชาติ ไม่ว่าผู้ใด หากทำผิด ก็ต้องถูกตรวจสอบไม่มีการยกเว้น แม้จะเป็นผู้ที่มีบุญคุณกับผมก็ตาม ในสายตาของพุทธะอิสระอาจจะมองว่าทหาร คสช. มีคุณความดีมากมายจนบดบังความไม่ดีที่ทหาร คสช.กำลังทำกับประเทศชาติและประชาชนอยู่ใน
ขณะนี้ก็ตาม นั่นก็เป็นเรื่องของท่าน แต่สำหรับผม ผมแยกดี แยกเลว บุญคุณที่มีกับผมไม่อาจลบล้างความผิดความชั่วที่
เขาทำกับประเทศชาติได้
พุทธะอิสระน่าจะเข้าใจผิดว่าผู้หญิงที่ไปพบที่วัดหลังการเลิกชุมนุมใหม่ๆ ว่าเป็นภรรยาหรือญาติของผม ที่ไปขอให้ช่วยพูดกับทหาร คสช.เพื่อช่วยผมนั้น ขอยืนยันว่าคนในครอบครัวผมทั้งคุณแม่ พี่สาว และภรรยาผม ทุกคนยืนยันกับผมว่า ไม่เคยไปขอพบพุทธะอิสระที่วัดเลย แต่จะเป็นผู้ใดที่ไปแอบอ้างนั้น ผมมิอาจทราบได้
และที่พุทธะอิสระอ้างว่าหลังผมออกจากคุกกลับ
เมืองไทย ผมยังไปกราบขอบคุณที่วัดนั้น ก็ไม่เป็นความจริง เรื่องนี้เกิดจากการ์ดของผมชื่อเม่น ซึ่งเคยไปอยู่เป็นการ์ดให้พุทธะอิสระ ในช่วงที่ผมยังอยู่ที่เขมร ได้มาชักชวนให้ผมไปพบพุทธะอิสระที่วัดเพื่อทำ
ความรู้จักกัน ในฐานะคนไทยผู้รักชาติด้วยกัน การไปพบในวันนั้นก็อยู่ท่ามกลางคนนับร้อย ไม่ใช่ไปกราบเพื่อขอบคุณที่ช่วยเหลือผมแต่อย่าง
ใด แทบจะไม่มีเวลาพูดจาอะไรกันเลยด้วยซ้ำ เนื่องจากพุทธะอิสระกำลังยุ่งอยู่กับการต้อนรับญาติโยมจำนวนมาก ดังนั้น การที่มาสรุปเอาเองว่าผมไป กราบขอบคุณนั้นจึงไม่เป็นความจริง คนที่อยู่ในเหตุการณ์ส่วนใหญ่ยังมีชีวิตอยู่สามารถ
ยืนยันเรื่องนี้ได้เป็นอย่างดี
อีกประการที่พุทธะอิสระกล่าวว่าผม ไปย่ำยีพวก กปปส.นั้น ผมก็ไม่ทราบว่าการกระทำใดของผมที่เป็นการไปย่ำยี กปปส. ช่วยเอาหลักฐานมายืนยันด้วยครับ การกล่าวหาเช่นนี้ไม่ค่อยเป็นธรรมกับผมสักเท่าใด
ความจริงผมยังมีเรื่องที่จะพูดอีกมาก แต่เกรงว่าจะยาวมากเกินไป ก็ขอให้เข้าใจกันตามนี้
คนที่จะเดือดร้อนเสียหายจากการทำหน้าที่ของผม จะมีแต่คนโกงชาติ คนขายชาติ และคนที่สนับสนุนกลุ่มคนเหล่านี้เท่านั้นครับ คนที่ไม่ทำผิดจะไม่เดือดร้อนเสียหายจากการทำ
หน้าที่ของผมแต่อย่างใดครับ
จากข้อความของคุณวีระ ที่เขียนปฏิเสธสิ่งที่พุทธะอิสระเขียนลงเฟสบุ๊คในทุกกรณี อีกทั้งยังมีผู้เข้ามาต่อว่า กล่าวหาว่า พุทธะอิสระโป้ปดมดเท็จ
พุทธะอิสระจึงจำเป็นต้องนำความจริงที่คุณวีระเคยพูดเมื่อออกมาจากคุกใหม่ๆ มาให้ท่านทั้งหลายได้อ่าน จักได้เข้าใจว่า พุทธะอิสระพูดโกหกจริงหรือเปล่า
“วีระ”ขอบคุณบิ๊กตู่ ช่วยประสานพ้นคุกกัมพูชา
เมื่อเวลา13.00 น. วันที่ 2 กรกฎาคม นายวีระ สมความคิด แกนนำกลุ่มคนไทยหัวใจรักชาติ ให้สัมภาษณ์
“ขอบคุณคนไทยทุกคนนะครับที่ตลอดมาได้ให้กำลังใจนะครับ และก็ส่งความรักความห่วงใยนะครับ ไปให้ผมที่เรือนจำเปรย์ซอว์ ทั้งนี้นี่ผมก็คงจะต้องขอบคุณ ท่าน พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ท่านได้กรุณาช่วยประสานกับทางกัมพูชา จนได้รับการปล่อยตัว ต้องเรียกว่าเป็นการปล่อยตัวที่คาดไม่ถึง ผมก็ไม่คิดเลยว่าทางกัมพูชาเค้าจะเปลี่ยนใจได้เร็วมากนะครับ”
ที่มา : https://www.youtube.com/watch?v=fh0VlWUy2rA&feature=youtu.be
ที่นี้ท่านทั้งหลาย คงจะรู้ความจริงแล้วว่า พุทธะอิสระเป็นคนพูดเท็จหรือไม่
หากยังไม่กระจ่างเดี๋ยวจักหาคลิปเหตุการณ์นี้มาลงให้ท่านได้ชมกันเต็มๆ เพราะชั่วชีวิตของพุทธะอิสระ ยึดมั่นอยู่ในสัจจะและความจริงใจ คุณธรรม ความกตัญญูกตเวทิตามาชั่วชีวิต
พุทธะอิสระ