อยากบอกคุณวัชระ เพชรทองว่า อย่าปล่อยให้คนชั่วลอยนวล
กรณีคดีคุณวัชระฟ้องนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีตสมาชิกวุฒิสภา และนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ในข้อหาแจ้งความเท็จ ให้พนักงานจดแจ้งข้อความอันเป็นเท็จและหมิ่นประมาท
ศาลแขวงดอนเมืองได้พิพากษาให้นายเรืองไกรติดคุก ๘ เดือน ส่วนนายธาริตยกฟ้อง
ต่อมานายธาริต ได้ส่งทนายมาขอเจรจากับนายวัชระ ซึ่งนายวัชระได้เปิดเผยว่า ทนายของนายธาริต ได้มากล่าวต่อตนว่า
“คนอื่นชั่วกว่าตนตั้งเยอะแยะ คุณวัชระยังปล่อยไป เอาผมไว้เป็นเพื่อนสักคน และขอว่าอย่าอุทธรณ์ได้ไหม”
มูลเหตุที่นายธาริต ต้องให้ทนายมาขอร้องนายวัชระไม่ให้อุทธรณ์คดี คงจักเป็นเพราะคำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ในกรณีที่นายธาริตต้องคดีแสดงบัญชีราชการทรัพย์สินและหนี้สินอันเป็นเท็จ
ซึ่งคดีนี้นายธาริต ถูกศาลฎีกาพิพากษาให้จำคุก ๖ เดือน ปรับ ๑๐,๐๐๐ บาท
แต่นายธาริตให้การเป็นประโยชน์แก่การพิพากษาคดี มีเหตุให้บรรเทาโทษ ลดโทษจำคุกแค่ ๓ เดือน และปรับ ๕,๐๐๐ บาท
เมื่อไม่เคยปรากฏมาก่อนว่า ผู้ถูกตัดสินไม่เคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน โทษจำคุกจึงให้รอลงอาญาไว้ ๒ ปี นับตั้งแต่วันที่ ๓ เมษายน ๒๕๖๐ เป็นต้นไป
แต่ระหว่างที่จักถึงกำหนดวันและเวลาที่คำพิพากษานี้มีผล
นายธาริต ดันมาต้องคดี ที่นายวัชระฟ้องนายธาริต ข้อหารับจดแจ้งข้อกล่าวหาอันเป็นเท็จเข้าอีก แม้ศาลอาญาจักยกฟ้องก็ตามที
แต่หากนายวัชระอุทธรณ์คดีภายใน ๓๐ วัน
แล้วศาลอุทธรณ์ไม่ยกฟ้องเหมือนศาลชั้นต้น
ทั้งยังอยู่ในเงื่อนไขของเวลารอลงอาญา
หากว่าผลในการอุทธรณ์คดีของนายวัชระ อาจทำให้นายธาริตต้องคำพิพากษา
นายธาริตที่รอลงอาญาในคดี แจ้งบัญชีทรัพย์สินอันเป็นเท็จ ก็อาจจักต้องนอนคุกยาว เพราะมีโทษทั้งสองคดี
เหตุนี้แหละที่นายธาริตร้อนใจ
ถามว่าทำไมพุทธะอิสระ ถึงได้เรียกร้องให้คุณวัชระ เพชรทอง อุทธรณ์คดีที่นายธาริต จดแจ้งข้อความกล่าวหาอันเป็นเท็จนั้น
มิใช่เพราะพุทธะอิสระมีจิตอาฆาตพยาบาทต่อนายธาริต แต่ต้องการพิสูจน์ให้ศาลคดีกบฏของ กปปส. ได้เห็นว่า หัวหน้าพนักงานสอบสวนเช่นนายธาริตมีพฤติกรรมฉ้อฉลมาแต่ต้น จนกลายเป็นสันดาน และอาจจะกระทำหน้าที่อย่างไม่ซื่อตรงต่อการยัดข้อหากบฏให้แก่ แกนนำ กปปส.
หากสามารถพิสูจน์ให้ศาลได้เห็นถึงพฤติกรรมฉ้อฉลของนายธาริต อาจจะเป็นประโยชน์ต่อการต่อสู้คดี
เมื่อมีช่องทางต่อสู้ในคดีกบฏและเป็นประโยชน์ต่อแกนนำ พี่น้องผู้รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ทุกคน
พุทธะอิสระจึงต้องลุกขึ้นมาสู้ โดยจะไม่ยอมรับชะตากรรม ที่ตนไม่ได้ทำเป็นแน่ ขอวิงวอนคุณวัชระ โปรดกรุณาอุทธรณ์คดีจดแจ้งข้อความอันเป็นเท็จ เพื่อให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาว่า พฤติกรรมของนายธาริตในฐานะหัวหน้าเจ้าพนักงานสอบสวน เป็นพฤติกรรมที่ชอบด้วยกฎหมาย และประมวลจริยธรรมของข้าราชการหรือไม่
พุทธะอิสระ
ขอขอบคุณภาพจาก ไทยโพสต์