ข่าวเน่าๆ ในวงการสงฆ์มีให้เห็นกันไม่เว้นแต่ละวัน
มูลเหตุแห่งความเน่าก็คงหนีไม่พ้นเรื่องยศ ตำแหน่ง ลาภสักการะ และกามา
ทั้งที่องค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงย้ำนักย้ำหนา สอนนักสอนหนา เตือนแล้วเตือนอีกว่าธรรมเครื่องผูกสัตว์ให้ข้องอยู่ในโลกคือ โลกธรรมทั้ง ๘ ประการ อันได้แก่
ได้ลาภ เสื่อมลาภ ได้ยศ เสื่อมยศ มีสรรเสริญ มีนินทา มีสุข มีทุกข์
ภิกษุในพระธรรมวินัยนี้ไม่ควรจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวพัวพัน
แต่ปัจจุบันกลับมีภิกษุผู้ไม่ละอายยังพากันเข้าไปหมกมุ่นพัวพัน จนติดโรคร้ายเน่าในอย่างที่เห็น
ที่ผ่านมาสังคมไทยเข้าใจว่าเรื่องเน่าๆ พวกนี้คงจะมีแต่คณะสงฆ์มหานิกายเท่านั้น
แต่วันนี้ก็ได้พิสูจน์แล้วว่า คำว่าโลกธรรมกิเลสตัณหากามา มันไม่ได้เลือกหน้าอินทร์หน้าพรหม ไม่เลือกมหานิกายหรือธรรมยุติ แม้แต่นายเมือง เจ้าอาวาสวัดป่ามัชฌิมาวาส จ.กาฬสินธุ์ ยังห่มเหลืองเสพเมถุนอยู่เลย
มาวันนี้สังคมไทยก็ได้เห็นพวกธรรมยุติแก่งแย่งตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดโพธิสมภาร พระอารามหลวงในจังหวัดอุดรธานีอีกครา
เห็นว่างานนี้แย่งกันถึงกับฝุ่นตลบ ยกขบวนประท้วงกันเลยทีเดียว
ที่จริงวัดนี้ฉันเคยเดินทางไปกราบหลวงปู่จันทร์ศรี (พระอุดมญาณโมลี)
แม่ในช่วงที่อัญเชิญพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงผนวชไปถวายแก่คณะสงฆ์จังหวัดอุดร ก็ยังได้ประกอบพิธีมอบพระบรมฉายาลักษ์ที่วัดนี้
อีกทั้งหลวงปู่ศรีท่านยังได้นิมนต์ให้แสดงธรรมแก่พระเณรและญาติโยมอยู่หลายครั้ง
เมื่อท่านมรณภาพลงด้วยโรคชรา ด้วยอายุ ๑๐๕ ปี ๘๕ พรรษา คณะสงฆ์
โดยเจ้าคณะภาค ๘ ฝ่ายธรรมยุติ จึงได้เสนอผู้ช่วยเจ้าอาวาส วัดป่าโพธิสมภรณ์ ผู้ดำรงตำแหน่งเจ้าคณะจังหวัด ให้ขึ้นดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสแทนหลวงปู่จันทร์ศรี
แต่เรื่องมันกลับตาลปัตรตรงที่กรรมการมหาเถร โดยสมเด็จพระวันรัต แห่งวัดบวร ในฐานะเจ้าคณะใหญ่ธรรมยุติกนิกาย กลับส่งลูกน้องคนสนิทของตนจากวัดบวรให้ไปเป็นเจ้าอาวาสวัดป่าโพธิสมภรณ์เสียเอง เรื่องมันก็เลยเกิดศึกแย่งตำแหน่งกันอย่างที่เห็น
เรื่องแย่งกินกระดูก แย่งชิงตำแหน่งของคณะสงฆ์ ซึ่งมีทั้งฝ่ายมหานิกายและธรรมยุติ
เรียกว่า ยศ ตำแหน่ง ลาภสักการะ และกามา นี้มันช่างหอมหวานจนไมเลือกนิกายจริงๆ
เมื่อไหร่ภิกษุนอกธรรมนอกวินัยพวกนี้จะมียางอายกันบ้าง จึงสมควรแล้วที่จะถูกชาวบ้านเขาก่นด่า
พุทธะอิสระ