เห็นคนไปร่วมงานจุดเทียนชัยถวายพระพรเพียงน้อยนิดแล้วทำให้ใจหาย
ที่จริงก็คิดอยู่นานว่าควรจะเขียนเรื่องนี้หรือไม่
มาตกผลึกตรงที่ว่าคนไทยคงไม่แย่ถึงขนาดไม่ยอมฟังเหตุผลใดๆ
ประเด็นที่ต้องนำเรื่องนี้มาเขียนก็ด้วยเจตนาอยากเตือนความทรงจำของคนไทย ลูกไทย หลานไทย ว่าพวกเรากำลังจะลืมอะไรไปหรือเปล่า ทำไมคนไทยถึงได้หลงลืมง่ายขนาดนี้
พวกเราคงจะลืมพระคุณอันหาที่สุดประมาณมิได้ขององค์พระแม่ของแผ่นดินไปแล้วหรือไร
สิ่งที่พระองค์ทรงทำให้กับแผ่นดินไทย ลูกไทย หลานไทย น้อยไปหรือไง พวกเราถึงได้ไม่เห็นความสำคัญของงานถวายพระพรชัยมงคล ณ ลานพระราชวังดุสิต
ภาพงานถวายพระพรที่ออกมาสู่สายตาชาวโลก ที่มีผู้คนที่ไปร่วมงานโหรงเหรงมาก
แม้แต่คณะรัฐมนตรีก็มาร่วมงานถวายพระพรไม่กี่คน
ทั้งที่จริงแล้วพวกคณะรัฐมนตรี สภานิติบัญญัติแห่งชาติ สภาปฏิรูปแห่งชาติ และบรรดาปลัดกระทรวง อธิบดี ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ คณะนายทหาร ตำรวจ จะต้องตบเท้าเต็มพื้นที่ เพื่อน้อมถวายความจงรักภักดี และถวายพระพรชัยมงคลเพื่อเป็นแบบอย่างของความกตัญญูกตเวทิตา แก่บรรดาประชาชนทุกหมู่เหล่า
แต่ภาพที่ฉันเห็นในงานถวายพระพรกลับดูแล้วใจหาย
จะด้วยเหตุผลใดก็สุดแต่จะคาดเดา
เราประชาชนคนธรรมดาๆ ผู้มีความจงรักภักดีก็อดที่จะคิดเสียมิได้ว่า ขนาดสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ ๙ พระผู้ทรงเป็นประดุจดังมารดรของแผ่นดิน ทรงมีพระชนมายุครบ ๘๕ พรรษา
บรรดาลูกไทยที่เป็นข้าราชการภายใต้ร่มพระบารมี ยังหลงลืมไม่ไปร่วมงาน ไม่ให้ความสำคัญ แล้วประชาชนคนธรรมดาจะยึดถืออะไรเป็นต้นแบบ
สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ ๙ ทรงทุ่มเททั้งชีวิต จิตวิญญาณและพระราชทรัพย์ เพียรพยายามบำบัดทุกข์บำรุงสุขให้ลูกไทยหลานไทยมาทั้งพระชนชีพ
วันนี้พระองค์ทรงชราภาพ ทรงมีพระพลานามัยไม่แข็งแรงนัก ทั้งที่พระชนมายุแค่ ๘๕ พรรษา
โดยทั่วไปก็ยังมีร่างกายแข็งแรง เดินเหินได้สะดวก ไปไหนมาไหนได้ด้วยตนเอง
แต่ด้วยความที่ทรงงานเพื่อปวงชนชาวไทยมาอย่างหนัก จึงทำให้พระวรกายทรุดโทรมเกินกว่าวัยอันควร แต่รางวัลที่พระองค์ทรงได้รับ คือความหลงลืมจากลูกไทยหลานไทย
แล้วเช่นนี้ วันข้างหน้าใครจะกล้าทำอะไรเพื่อแผ่นดิน
ที่จริงคณะรัฐมนตรี สมาชิกสภานิติบัญญัติ และข้าราชการทหารตำรวจ ข้าราชบริพาร น่าจะทำตนเป็นต้นแบบของความกตัญญู ให้คนไทยและชาวโลกได้ดู
แต่เห็นจำนวนคนมาร่วมจุดเทียนชัยถวายพระพร ณ ลานพระราชวังดุสิตแล้วทำให้ใจหาย
พุทธะอิสระ