และแล้ว จุดจบของอรหอยลวงโลกก็มาถึง

0
621

จากผู้เคยกล่าวอ้างว่า ชาตินี้เป็นชาติสุดท้าย วันนี้กลายเป็นนักโทษชายที่ถูกเจ้าหน้าดีเอสไอจับกุมและแจ้ง ๖ ข้อกล่าวหา ดังนี้

(1) “นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จด้วยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน” อันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 มาตรา 14 (1) และ (5)

(2) “ฉ้อโกงประชาชน” อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 343

(3) “ฟอกเงิน” อันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 มาตรา 3 มาตรา 5 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 343

(4) “กระทำชำเราเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี โดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม” อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 277

(5) “กระทำอนาจารเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี โดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม” อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 279

(6) “ปราศจากเหตุอันสมควรพรากเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี ไปเสียจากบิดา มารดา ผู้ปกครอง ผู้ดูแล เพื่อการอนาจาร” อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 317

https://www.prachachat.net/general/news-7685

http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx…

นี่ยังไม่นับรวมคดีแพ่งที่ ผู้หญิงผู้เคยมีเพศสัมพันธ์กับอรหอยคำจนเกิดลูกชาย ฟ้องเรียกค่าเสียหายค่าเลี้ยงดูถึง ๑๔๐ ล้าน

ส่วนคดีความทางพระธรรมวินัย อรหอยลวงโลกก็ถูกข้อกล่าวหาว่าต้องอาบัติปาราชิกในข้อหาเสพเมถุน

ข้อหาลักทรัพย์
ข้อหาอวดอุตริมุนสธรรม
โดนข้อหาเสพเมถุนกับเด็กผู้หญิงชื่อ ญ ตั้งแต่ปี ๕๒

จนเจ้าคณะจังหวัด เจ้าคณะอำเภอ เจ้าคณะตำบล คณะสงฆ์ปกครองของจังหวัดศรีสะเกษ มีมติลงทัณฑ์ด้วยอาบัติปาราชิกแก่อรหอยเณรคำตั้งแต่ปี ๕๖

แม้จะมีทั้งพยานบุคคล พยานวัตถุ และข้อกล่าวหามากมายเห็นปานนี้

แต่ก็ยังมีบรรดาสาวกผู้มีปัญญาน้อย ผู้ลุ่มหลงงมงาย มโนไปว่า อรหอยของพวกเขากำลังจะชดใช้วิบากกรรมแต่ชาติปางก่อน
เพื่อชาตินี้จะได้หมดสิ้นวิบากกรรมทั้งหลาย จักได้เป็นชาติสุดท้ายแก่อรหอยของพวกเขาอย่างแท้จริง

ไอ้ที่หลงผิดงมงายหนักกว่าชาวบ้าน คือพวกนักบวชที่นุ่งห่มผ้ากาสาวพัสตร์ ผู้ศึกษาพระธรรมวินัย ที่ควรจะเป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน สามารถแยกแยะดีชั่วถูกผิด บุญบาป กุศล อกุศล แล้วทำตนเป็นต้นแบบที่ถูกตรงให้แก่ชาวบ้าน

กลับตรงกันข้าม นักบวชผู้งมงายเหล่านั้นยังทำตัวมืดบอด เห็นแต่ประโยชน์ มองแต่ผลที่ตนได้ ไม่ใส่ใจถูกผิดดีชั่ว

ทำตัวมั่วอยู่กับลาภสักการะ มิได้ให้ประโยชน์ทางปัญญา ชี้ถูกชี้ผิดแก่ชาวบ้านเลย

ทั้งยังทำต้นแบบที่ละเมิดคำสอนของพระบรมศาสดา ที่ทรงห้ามไม่ให้ภิกษุเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับโลกธรรมทั้ง ๘ คือ

ได้ลาภ – เสื่อมลาภ
ได้ยศ – เสื่อมยศ
มีสรรเสริญ – มีนินทา
มีสุข – มีทุกข์

นักบวชพวกนี้แหละที่ควรต้องกำจัดให้พ้นไปจากสังฆมณฑล

หากขืนปล่อยไว้จักกลายร่างเป็นสมีคำ ๒ ๓ ๔ ๕ และอีกไม่รู้เท่าไหร่ที่จะตามมา

และพระพุทธศาสนานี้คงจะรกไปด้วยอลัชชีเต็มบ้านเต็มเมือง

พุทธะอิสระ