เช้าวันนี้ หลังจากสอนการทำผักกาดดองให้กับคนช่วยงานในเต็นท์หมายเลข ๙ เพื่อเอาไว้ใช้ทำอาหารเลี้ยงประชาชนที่เดินทางมากราบพระบรมศพ เมื่อเห็นว่าพวกเขาพอจะทำได้เองแล้วจึงปล่อยให้ทำกันไป
ช่วงบ่ายออกเดินทางไป ป.ป.ช. เพื่อยื่นหนังสือขอสำเนาสำนวนคดี เจ้าพนักงานรัฐละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรา ๑๕๗ โดยมีสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติและกรรมการมหาเถรเป็นผู้ถูกกล่าวหา ซึ่งพุทธะอิสระได้ไปยื่นกล่าวโทษเอาไว้ตั้งแต่วันที่ ๒ ก.พ. ๕๙ ล่วงเลยมาเป็นเวลา ๑ ปีเศษแล้ว ก็ยังไม่เห็นคืบหน้าอะไร
วันนี้พุทธะอิสระจึงมายื่นหนังสือขอสำนวนนั้นกลับไปดำเนินการในศาลสงฆ์ เพื่อมอบให้ท่าน ผอ.สำนักพุทธคนใหม่พิจารณาบรรจุเรื่องพระลิขิต ๕ ฉบับ ที่สมเด็จพระสังฆราชองค์ก่อนได้ทรง โจทก์เจ้าลัทธิผีบุญให้ต้องอาบัติปาราชิก ข้อหายักยอกทรัพย์และอวดอุตริมนุสธรรม ด้วยเพราะคดีภิกษุผู้ต้องอาบัติปาราชิกไม่มีอายุความ เมื่อต้องอาบัติปาราชิกแล้ว ไม่ว่าจะกี่ปีกี่ชาติ ก็ยังมีสภาพเหมือนผีหัวขาดอยู่เช่นนั้น จนกว่าจะยอมรับอาบัติ
เหตุผลที่ฉันรีบเร่งดำเนินการทางศาลสงฆ์เพื่อเอาผิดแก่เจ้าลัทธิกบฏผีบุญตัวนี้ก็เพราะ
๑. จะได้หยุดยั้งภิกษุสงฆ์องค์เณร ที่ถูกชักชวนให้เดินทางมาร่วมชุมนุมด้วยข้ออ้างว่ามาเพื่อสวดมนต์ ทั้งที่แท้จริงแล้วก็คือถูกระดมมาปกป้องเจ้าลัทธิผีบุญนั่นเอง
๒. เพื่อทำให้เจ้าหน้าที่เขาดำเนินการบังคับใช้กฎหมายได้อย่างสะดวกขึ้น จักได้ไม่ถูกพระภิกษุสงฆ์องค์เณรมาขัดขวาง แต่ถ้าพระเณรรู้แล้วว่าเจ้าลัทธิเป็นอลัชชี ขาดจากความเป็นพระไปนานแล้ว แต่ก็ยังขืนให้การช่วยเหลือคนผิด เจ้าหน้าที่รัฐจะได้ดำเนินการจับกุมได้เลย
๓. เพื่อให้พระธรรมวินัยศักดิ์สิทธิ์ เป็นหลักในการปกครองคณะสงฆ์ได้อย่างแท้จริง
๔. จักได้เป็นบรรทัดฐานให้สังคมได้เห็นว่าไอ้อีมันผู้ใดหากบังอาจมาย่ำยีพระธรรมวินัย จักต้องได้รับโทษทัณฑ์จากเจ้าคณะปกครอง และกฎหมายบ้านเมืองอย่างแน่นอน
หลังจากได้พบท่านผู้อำนวยการสำนักการข่าวและกิจการพิเศษ คุณสุทธิ บุญมี ลงมารับเรื่อง แล้วฉันได้กำชับว่า ขอความกรุณาช่วยเร่งรัดในขบวนการพิจารณาอนุมัติให้นำสำนวนกรณีพระลิขิตและความผิดละเมิดมาตรา ๑๕๗ ที่ฉันขอ พุทธะอิสระจักได้นำไปยื่นเรื่องให้กับท่าน ผอ.สำนักพุทธ เพื่อดำเนินการต่อไป
พุทธะอิสระ