วันจันทร์ที่ ๒๗ ที่ผ่านมา ขณะเดินทางกลับจากเต็นท์หมายเลข ๙ ท้องสนามหลวง ฉันได้สั่งให้ผู้หมวดกุดชี่ โทรไปหาท่านวรณัน ศรีล้ำ รองโฆษกดีเอสไอเพื่อเสนอแนวคิดว่า
เพื่อให้มันง่ายขึ้น เป็นไปได้ไหม หากดีเอสไอจะนำสำนวนสอบสวนกรณีพระลิขิตสมเด็จพระญาณสังวร อดีตสมเด็จพระสังฆราช ทรงมีพระลิขิตกล่าวโทษต่อหัวหน้ากบฏผีบุญธัมมชโย ว่าต้องอาบัติปาราชิก ในข้อหาอวดอุตริมนุสธรรมและยักยอกทรัพย์ และต่อมามีขบวนการพยายามบิดเบือนกล่าวหาว่าพระลิขิตเป็นของปลอม
ต่อมาพุทธะอิสระได้ไปยื่นให้ผู้ตรวจการแผ่นดินรัฐสภาวินิจฉัยว่าพระลิขิตเป็นของจริงหรือไม่
และมีผลบังคับใช้ตามกฎหมายหรือไม่
และหากเป็นของจริง มีผลบังคับใช้ตามกฎหมาย ใครจะเป็นผู้รับผิดชอบดำเนินการให้เป็นไปตามพระลิขิต
ต่อมาเมื่อผู้ตรวจการแผ่นดินรัฐสภาได้มีคำวินิจฉัยว่า พระลิขิตเป็นของจริง
มีผลบังคับใช้ตามกฎหมาย
และผู้ที่รับผิดชอบปฏิบัติให้เป็นไปตามพระลิขิตคือสำนักงานพระพุทธศาสนา และมหาเถรสมาคม
เมื่อได้คำวินิจฉัยที่สมบูรณ์แล้ว ผู้ตรวจการแผ่นดินรัฐสภาได้ส่งคำวินิจฉัยพร้อมพระลิขิตไปยังหน่วยงาน ๓ หน่วยงาน คือ สำนักนายกรัฐมนตรีเพื่อทราบ
มหาเถรสมาคมและสำนักงานพระพุทธศาสนา เพื่อปฏิบัติให้เป็นไปตามพระลิขิต
อีกทั้งผู้ตรวจการแผ่นดินรัฐสภายังได้แนะนำให้หัวหน้า คสช.ใช้มาตรา ๔๔ จัดการกับเจ้าลัทธิกบฏผีบุญตัวนี้ด้วย
ในเวลาต่อมา พุทธะอิสระได้นำเอาคำวินิจฉัยของผู้ตรวจการแผ่นดินรัฐสภา ไปแจ้งความกล่าวโทษแก่สองหน่วยงาน คือสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติและมหาเถรสมาคม ในฐานความผิดตามมาตรา ๑๕๗
ดีเอสไอได้รับเรื่องเอาไว้พร้อมทำการสืบสวนสอบสวนว่าคดีมีมูลหรือไม่ จนสามารถรวบรวมหลักฐานได้สมบูรณ์ ที่สามารถเอาผิดกับผู้ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ได้
ในเวลาต่อมา ดีเอสไอได้ส่งสำนวนให้กับ ป.ป.ช.เพื่อดำเนินการตรวจสอบเอาผิดกับนายพนม ศรศิลป์ ผอ.สำนักพุทธ ในฐานะเลขาธิการมหาเถรสมาคมที่ไม่นำคำวินิจฉัยของผู้ตรวจการแผ่นดินเข้าสู่ที่ประชุมมหาเถรสมาคม เพื่อพิจารณาดำเนินการกับเจ้าลัทธิกบฏผีบุญให้พ้นจากผ้าเหลือง
ฉันได้ถาม พ.ต.ท.วรณัน ศรีล้ำ ว่า จะเป็นไปได้ไหม หากดีเอสไอจะมอบสำนวนพระลิขิตให้กับ ผอ.สำนักพุทธคนใหม่ เพื่อนำเข้าที่ประชุมมหาเถรสมาคม ดำเนินการทางศาลสงฆ์ต่อเจ้าลัทธิกบฏผีบุญ ควบคู่กันไปกับศาลอาญาทางโลก อะไรๆ มันจะได้จบลงโดยไม่สิ้นเปลือง
พ.ต.ท.วรณัน ศรีล้ำ แจ้งต่อฉันว่า ตามระเบียบองทางหน่วยงาน เมื่อสำนวนถูกส่งยังหน่วยงาน ป.ป.ช.แล้ว จึงถือว่าเป็นเอกสิทธิ์ของ ป.ป.ช. หน่วยงานดีเอสไอไม่สามารถนำสำนวนนั้นกลับมาดำเนินการใดๆ ในทางศาลสงฆ์ได้ นอกเสียจากผู้เป็นเจ้าของเรื่องคือหลวงปู่จะทำหนังสือร้องขอสำนวนนั้นส่งให้สำนักพุทธดำเนินการด้วยตนเอง
ฉันจึงแจ้งต่อรองโฆษกดีเอสไอว่าฉันจะลองประสาน ป.ป.ช.ขอสำเนาสำนวนเพื่อดำเนินการในทางศาลสงฆ์สืบไป
งานนี้คงต้องออกแรงอีกซักรอบแล้วล่ะพี่น้อง
พุทธะอิสระ