เห็นข่าวนายขจรศักดิ์ พุทธานุภาพ อัยการพิเศษฝ่ายสอบสวน ๓ สำนักงานการสอบสวน ออกมากล่าวว่า กรมสอบสวนคดีพิเศษดีเอสไอได้มีการประชุมกันสองเรื่อง
๑. เรื่องการเตรียมความพร้อม การออกหมายค้นและการสอบสวนการส่งตัวผู้ต้องหา
๒. เรื่องการทำหน้าที่ของเจ้าคณะปกครองว่าได้ปฏิบัติตามหน้าที่หรือไม่ รวมทั้งกลุ่มที่คอยช่วยเหลือผู้กระทำความผิด ว่ามีพฤติกรรมเข้าข่ายหรือไม่
ผู้สื่อข่าวถามว่าหมายถึงใครบ้าง นายขจรศักดิ์กล่าวว่า ได้แก่กลุ่มที่เกี่ยวข้องกับผู้ปกครองคณะสงฆ์ ไล่ตั้งแต่รักษาการแทนเจ้าอาวาส เจ้าอาวาสวัดธรรมกาย และเจ้าคณะผู้ปกครอง ตามลำดับชั้น และกลุ่มผู้ช่วยเหลือผู้ต้องหาด้วย
ทั้งนี้คงต้องมานั่งไล่กันเลยว่า ใครบ้างที่ไม่ทำตามหน้าที่ในการนำตัวพระธัมมชโยมาให้เจ้าหน้าที่ ไล่ตั้งแต่เจ้าคณะใหญ่หนกลางจนถึงระดับล่าง หากไม่ดำเนินการนำตัวพระธัมมชโยออกมา ก็ต้องรับผิดชอบทางกฎหมายด้วย เพราะทุกคนต้องทำหน้าที่ ถ้าเราปฏิบัติหน้าที่ช่วยกันก็จะไม่มีปัญหาอะไร นอกจากนี้กลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการฟอกเงินยังมีอยู่ เพราะหลักฐานปรากฏก็จะต้องมาดูกันว่า สมควรเบิกเป็นคดีหรือไม่
เหล่านี้คือส่วนหนึ่งของคำให้สัมภาษณ์แก่ผู้สื่อข่าว ของนายขจรศักดิ์ พุทธานุภาพ อัยการพิเศษฝ่ายการสอบสวน ๓
———————————————————-
โถ…พุทธะอิสระก็บอกมานานแล้วว่า หากเจ้าคณะหนกลาง เจ้าคณะภาค เจ้าคณะจังหวัด เจ้าคณะอำเภอ เจ้าคณะตำบล ช่วยกันทำหน้าที่อย่างซื่อตรงและรักษาพระธรรมวินัย รักษากฎหมาย กฎมหาเถรสมาคม อย่างแท้จริง มีหรือเจ้าลัทธิธรรมกาย จะลอยนวลหลอกเงินชาวบ้านอยู่ได้ถึงทุกวันนี้
แต่ที่เจ้าลัทธิธรรมกายยังสามารถลอยนวลอยู่ได้ทั้งที่เป็นปาราชิก ละเมิดพระธรรมวินัย ทำผิดกฎหมายบ้านเมือง ผิดกฎหมายเถรสมาคม ก็เพราะเจ้าคณะปกครองแต่ละคนต่างล้วนได้รับเงินรับทองจากเจ้าลัทธิธรรมกายโดยถ้วนหน้า แล้วใครล่ะจะกล้าจับผู้มีพระคุณของพวกเขาส่งเจ้าหน้าที่ล่ะคุณอัยการ
ไม่ทราบว่า คุณอัยการจะรู้หรือไม่ว่า พุทธะอิสระพยายามส่งเรื่องร้องเรียน แจ้งความร้องทุกข์แก่เจ้าคณะปกครองในกรณีเจ้าลัทธิธรรมกายละเมิดพระธรรมวินัย ละเมิดกฎหมาย ละเมิดกฎมหาเถรสมาคม ไปหลายครั้ง ตั้งแต่
๑ กันยายน ๒๕๕๘
ยื่นหนังสือร้องเรียนแก่ คณะกรรมการมหาเถรสมาคม และ มหาเถรสมาคม เจ้าคณะตำบล เจ้าคณะอำเภอ เจ้าคณะภาค ๑ เจ้าคณะจังหวัด
เรื่อง ขอให้เร่งสนองงานตามพระวินิจฉัยสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก และตามพระธรรมวินัย พุทธบัญญัติของปาราชิกสิกขาบทที่ ๒ กรณีให้สึกพระเทพญาณมหามุนี หรือ พระราชภาวนาวิสุทธิ์ หรือพระไชยบูลย์ ธมฺมชโย
๑๓ ตุลาคม ๒๕๕๘
ยื่นหนังสือติดตามเร่งรัดครั้งที่ ๑ ตามที่ส่งเรื่องไว้ ณ วันที่ ๑ ก.ย. ๕๙
แก่ สมาคม เจ้าคณะตำบล เจ้าคณะอำเภอ เจ้าคณะภาค ๑ เจ้าคณะจังหวัด
๓๐ พฤษภาคม ๒๕๕๙
ยื่นหนังสือแก่ เจ้าคณะภาค ๑ วัดชนะสงคราม
เรื่อง ขอให้ถอดถอนพระเทพญาณมหามุนีออกจากตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย หรือ พักจากตำแหน่งหน้าที่เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย และขอได้ดำเนินอธิกรณ์ตามกฎนิคหกรรม ด้วยข้อกล่าวหาต้องอาบัติปาราชิก สิกขาบทที่ ๔ อย่างเร่งด่วน
๒๐ มิถุนายน ๒๕๕๙
ยื่นหนังสือแก่ เจ้าคณะภาค ๑ (วัดชนะสงคราม) เจ้าคณะใหญ่หนกลาง (วัดพิชยญาติการาม)
เรื่องขอให้ถอดถอนพระเทพญาณมหามุนีออกจากตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายและพระอุปัชฌาย์ หรือ พักจากตำแหน่งหน้าที่เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย และ พระอุปัชฌาย์ด้วยเหตุล่วงละเมิดจริยาพระสังฆาธิการ และ จริยาพระอุปัชฌาย์ กรณีร้ายแรง
และร้องทุกข์กล่าวโทษให้ดำเนินนิคหกรรมแก่พระเทพญาณมหามุนี เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ต้องอธิกรณ์ว่าอาบัติปาราชิก
๑๑ กรกฎาคม ๒๕๕๙
ยื่นหนังสือ แก่ เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี (วัดเขียนเขต) เจ้าคณะอำเภอคลองหลวง(วัดมงคลพุการาม) เจ้าคณะตำบลคลองสี่ (วัดสว่างภพ)
เรื่อง ขอให้ลงโทษพระเทพญาณมหามุนีอย่างใดอย่างหนึ่งฐานล่วงละเมิดจริยาพระสังฆาธิการและจริยาพระอุปัชฌาย์กรณีร้ายแรงเป็นอาจิณ ตามกฎมหาเถรสมาคม ฉบับที่ ๒๔ (พุทธศักราช ๒๕๔๑) ว่าด้วยการแต่งตั้งถอดถอนพระสังฆาธิการ และ กฎมหาเถรสมาคม ฉบับที่ ๑๗ (พุทธศักราช ๒๕๓๖) ว่าด้วยการแต่งตั้งถอดถอนพระอุปัชฌาย์
และยื่นอธิกรณ์ ด้วยการโจทก์หรือกล่าวหาเป็นหนังสือ เพื่อให้ดำเนินอธิกรณ์แก่พระเทพญาณมหามุนีตามกฎมหาเถรสมาคม ฉบับที่ ๑๑ (พุทธศักราช ๒๕๒๑) ว่าด้วยการลงนิคหกรรม
๑๐ สิงหาคม ๒๕๕๙
ยื่นหนังสือแก่ เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี (วัดเขียนเขต) เจ้าคณะอำเภอคลองหลวง (วัดมงคลพุการาม) เจ้าคณะตำบลคลองสี่ (วัดสว่างภพ) เจ้าคณะภาค ๑ (วัดชนะสงคราม) เจ้าคณะใหญ่หนกลาง (วัดพิชยญาติการาม)
เรื่อง ขอให้เร่งรัดและขอทราบผลการดำเนินการพิจารณา กรณีพระเทพญาณมหามุนี
๑.การพิจารณาอธิกรณ์ตามกฎนิคหกรรม และ
๒.การพิจารณาความผิดกรณีล่วงละเมิดจริยาพระสังฆาธิการ
———————————————————-
แม้พุทธะอิสระจะพยายามไปยื่นหนังสือร้องทุกข์กล่าวโทษแก่เจ้าลัทธิธรรมกาย ให้แก่เจ้าคณะปกครองตามลำดับชั้นมาเกือบ ๒ ปีแล้ว อีกทั้งยังได้ให้ทนายทำหนังสือทวงถามไปเป็นระยะๆ แต่ทุกอย่างก็เงียบหายเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ฉะนั้นการที่คุณอัยการออกมาบอกว่าคงจะถึงเวลาที่จะบังคับใช้กฎหมายเอากับเจ้าคณะปกครองที่ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่กันบ้างแล้ว
พุทธะอิสระก็บอกว่า มันควรจะเป็นเช่นนั้นมาตั้งนานแล้ว เพราะแต่ละคน ไล่ตั้งแต่สมเด็จไปจนถึงเจ้าอาวาส ล้วนมีเงินเดือนกันทุกคน แต่กลับไม่ทำหน้าที่ตามกฎหมายกำหนด ทั้งยังไม่เอื้อเฟื้อต่อพระธรรมวินัยอีกต่างหาก
ฉันล่ะชื่นใจนักที่เจ้าคุณประยุทธ์ได้รับพระมหากรุณาโปรดเกล้าขึ้นเป็นสมเด็จ จักได้เข้าไปปฏิรูปการทำงานของมหาเถรสมาคมเสียที อลัชชีจะได้หมดไป
ที่จริงก็ไม่อยากจะเขียนทำลายบรรยากาศในงานไว้อาลัยต่อการจากไปของพ่อดอก
แต่เพราะมีบรรดาเพื่อนๆ พระด้วยกันสอบถามมาหลายรูปว่าทำไมพุทธะอิสระถึงได้เงียบไป กลัวอะไร ยอมแพ้แล้วหรือ หรือมีใบสั่ง
เมื่อมีผู้ทวงถามมามากจึงไม่อยากให้เสียน้ำใจ เลยเอาเสียหน่อย ทั้งที่ก็เกรงจะกระทบต่อทานบารมี วิริยะบารมี ขันติบารมี สัจจะบารมี และอธิษฐานบารมี
แต่พอใคร่ครวญอย่างถี่ถ้วนดูแล้วว่า การช่วยให้พระธรรมวินัยมั่นคง สังฆมณฑลสะอาดขึ้น กติกาสังคมศักดิ์สิทธิ์ขึ้น ผู้คนในแผ่นดินรู้ดีรู้ชั่ว แยกแยะถูกผิดได้ชัดเจน
เหล่านี้ก็ถือว่าเป็นการทำให้บารมีที่กำลังบำเพ็ญอยู่ชัดเจนแข็งแรงได้เหมือนกัน
พุทธะอิสระ