วันนี้มีแขกผู้ทรงเกียรติมาเยี่ยมเยียนที่เต็นท์หมายเลข ๙

0
190

ตั้งแต่เช้าลูกหลานชาวแจ้งวัฒนะในจังหวัดฉะเชิงเทรา ที่ประกอบด้วยคนพุทธ มุสลิม และคนกรุงเทพ และวัดอ้อน้อย ช่วยกันนำเอาคุกกี้แซนวิช กาแฟ เครื่องดื่ม มาเลี้ยงตั้งแต่ ๖ โมงเช้า จนถึง ๘ โมง

พอถึง ๘ โมงเช้า เมนูแกงมัสมั่นไก่แสนอร่อยของพี่น้องมุสลิมและชาวจังหวัดฉะเชิงเทรา เลี้ยงจนถึง ๑๑ โมงเช้า

ต่อด้วยก๋วยเตี๋ยวต้มยำทะเลของวัดอ้อน้อยและเฉาก๊วยของลูกหลานฉะเชิงเทราจนถึงบ่าย ๒ โมง

ทั้งที่มีคนมายืนเข้าแถวรออาหารอยู่จำนวนมาก แต่ก็ต้องหยุดเพราะกองอำนวยการเขาสั่งให้เลี้ยงอีกทีตอน ๔ โมงถึง ๒ ทุ่ม
ซึ่งก็ไม่เข้าใจวิธีคิดของเจ้าหน้าที่เหมือนกัน ทั้งที่การเข้ากราบพระบรมศพ ประชาชนหาได้เข้าออกพร้อมกันไม่

หลายคนต้องยืนเข้าแถวเพื่อจะเข้าไปถวายสักการะพระบรมศพตั้งแต่เช้า พวกเขาก็ยังไม่ได้กินข้าว พอออกจากพระบรมมหาราชวังก็บ่าย ๒ โมงแล้ว แต่ละเต็นท์หยุดแจกอาหารเสียอีก
หลายคนหิวแทบเป็นลม ไม่รู้จะไปหาข้าวหาน้ำที่ไหนกิน
ฉันไม่รู้ว่าพวกเจ้าหน้าที่เขาคิดอะไรกันอยู่ แต่ที่รู้ๆ ประชาชนลำบาก

ระหว่างที่พัก เต็นท์หมายเลข ๑ โดยกรมประชาสงเคราะห์นำปลานิลแดดเดียวมาให้ที่เต็นท์หมายเลข ๙ ร้อยกิโล

ฉันจึงสั่งให้ทอดเตรียมไว้เลี้ยงและเตรียมผัดน้ำพริกพะแนงน่องไก่
ระหว่างที่กำลังผัดเคี่ยวน้ำพริกพะแนงอยู่นั้น ท่านโพธิรักษ์และบริวารเดินทางมาเยี่ยมที่เต็นท์หมายเลข ๙

ซึ่งก็ทราบว่าท่านเดินทางมาเป็นครั้งที่ ๒ แล้ว ครั้งแรกท่านมาไม่พบฉัน แต่ครั้งนี้ท่านก็มาพบอีก

เรานั่งคุยกันในหลายเรื่อง จนน้ำพริกพะแนงได้ที่ฉันหันไปมองท่านโพธิรักษ์คงจะรู้ใจฉันเลยขอตัวกลับ

สำหรับฉันแล้ว ท่านโพธิรักษ์และสันติอโศกนับว่าเป็นกลุ่มที่รักชาติและสถาบันพระมหากษัตริย์โดยไม่มุ่งหวังสิ่งใดตอบแทน ใครจะมองกลุ่มสันติอโศกเป็นเช่นไรฉันไม่สนใจที่จะรับรู้ แต่ฉันมองว่าพวกเขากตัญญูต่อแผ่นดิน ก็เพียงพอแล้ว

มาพูดถึงกับข้าวกันต่อ

พะแนงน่องไก่ ๒๐๐ กิโล เลยกลายเป็นเมนูอร่อยที่มีผู้คนเข้าแถวมารับแจกอาหารยาวที่สุดอีกมื้อหนึ่ง

พุทธะอิสระ