สังฆัมภันเต ปะวาเรมิ ทิฏเฐนะ วา สุเตนะ วา ปะริสังกายะ วา วะทันตุ มัง อายัสมันโต อะนุกัมปัง อุปาทายะ ปัสสันโต ปฏิกกะริสสามิฯ
ทุติยัมปิ ภันเต สังฆัง ปะวาเรมิ ทิฏเฐนะ วา สุเตนะ วา ปะริสังกายะ วา วะทันตุ มัง อายัสมันโต อะนุกัมปัง อุปาทายะ ปัสสันโต ปฏิกกะริสสามิฯ
ตะติยัมปิ ภันเต สังฆัง ปะวาเรมิ ทิฏเฐนะ วา สุเตนะ วา ปะริสังกายะ วา วะทันตุ มัง อายัสมันโต อะนุกัมปัง อุปาทายะ ปัสสันโต ปฏิกกะริสสามิฯ
ข้าพเจ้าขอปวาราณาต่อท่านและหมู่สงฆ์ ถ้าได้เห็นก็ตาม ถ้าได้ยินก็ตาม หรือระแวงสงสัยก็ตาม ขอท่านผู้เจริญทั้งหลาย จงเมตตาว่ากล่าวตักเตือนแก่ข้าพเจ้า ด้วยจิตที่หวังดีเอ็นดู ให้ข้าพเจ้ารู้สึกตัว จักได้เปลี่ยนแปลงนิสัย แก้ไขพฤติกรรมในโอกาสต่อไป
—————————————–
Pot Vitaya ….ขอกราบไขข้อข้องใจจากผู้ทรงปัญญา หรือจากหลวงปู่ที่ลูกเคารพรักและบูชาด้วยครับ .. ผู้ไม่แจ่มชัดขอร้องไม่ต้อง Reply..นะครับ..และทีส่งคำถามมาในf ก็เพราะข้าพเจ้ามิได้มาที่วัดเลยครับ..
… หลายสิ่งท่านสั่งสอนท่านอบรมมานาน ทางด้านผู้นำแห่งจิตวิญญาณ และน้อมรับสั่งสมฝึกฝนอบรมมา
.. การรับรู้ว่าตัวเองเป็นร่างกายที่อ่อนแอ เกิดแล้วตาย นั่นคือมายาร่างกายและความตายคือมายาหนึ่งเดียว เราไม่สามารถมีเพียงด้านหนึ่งด้านใดได้ เราต้องการเก็บมายาด้านหนึ่งและลบอีกด้านไป แต่มันเป็นไปไม่ได้ เราทำได้แต่เก็บหรือปล่อยมันไปทั้งหมดเท่านั้น…
… ร่างกายและความตายเป็นส่วนหนึ่งของมายาที่สร้างโดยอัตตาที่ไม่รู้จักต้นกำเนิดแท้แห่งชีวิต มันจึงสร้างมายาว่าเราคือกายเรา คือเรือนกายที่มีความหนาแน่น และถูกคุกคามอยู่ตลอดเวลา…
…. ไม่เคยเห็นภาพหลวงปู่ อย่างที่ปรากฏ ในการไปเจริญมนต์ที่ศิราชอย่างค่ำคืนที่ผ่านมาเลย แต่ก่อนมาไม่ว่าเรื่องราวใหญ่โตปานใด แม้กับความตายของหลวงปู่เอง ท่านก็ไม่เคยแสดงความระย่อและหวั่นไหว
เหตุการครานี้ที่เป็นอดทำให้ ศิษย์ที่ไม่ค่อยได้เรื่องที่พยามฝึกตนอดที่จักสงสัยใคร่รู้คำตอบเสียมิได้….
… กราบมาด้วยความเคารพอย่างยิ่ง..
—————————————–
Gawin Sirawitwongsa สาธุ ภันเต ลูกพญาราชสีห์ท่านหนึ่งเล่าว่า คืนวันที่ 13 ตค ที่ รพ.ศิริราช มีผู้ถ่ายวีดีโอเห็น”น้ำตา”ของหลวงปู่ แล้วมีผู้ “นินทา”
เมื่อผมเห็นวีดีโอนี้ ก็คิดว่า หลวงปู่ “รักและอาลัยในหลวง” มาก ถึงกับมีน้ำตา ซึ่งไม่น่าจะได้เห็น และพระระดับครูบาอาจารย์ ไม่น่าจะมีน้ำตา
พระเวสสันดร ซึ่งเป็นพระชาติสุดท้ายที่พระพุทธเจ้า ทรงบำเพ็ญทานปรมัตถ์บารมี ก็มีครอบครัว มีอารมณ์เช่นคนทั่วไป เพียงแต่มีคุณธรรมมากกว่าคนทั่วไป แม้ในชาติสุดท้ายของพระพุทธเจ้า ก่อนออกบวช ก็มีครอบครัวและมีอารมณ์เหมือนคนทั่วไป
พระอนาคามี ท่านตัดสังโยชน์ (กิเลสอันผูกใจสัตว์, ธรรมที่มัดสัตว์ไว้กับทุกข์ หรือผูกกรรมไว้กับผล) ได้ 5 อย่างคือตัดกามราคะ (ความกำหนัดในกาม, ความติดใจในกามคุณ) และตัดปฏิฆะ (ความกระทบกระทั่งในใจ, ความหงุดหงิดขัดเคือง) ฉะนั้น จะไม่มีความรักใคร่โกรธเคืองหรือเสียใจ ให้เห็นอีกแล้ว แต่พระอริยบุคคลตั้งแต่พระโสดาบันที่ตัดสังโยชน์ได้ 3 หรือ พระอนาคามีที่ตัดสังโยชน์ได้ 5 ก็จะเข้าสู่ “สาวกภูมิ” คือไม่อาจเป็นพระโพธิสัตว์ได้
แต่หลวงปู่พุทธอิสระ ท่านปรารถนาโพธิญาณ ถึงจะมีภูมิความรู้สูงเพียงใด ก็ยังมีอารมณ์ความรู้สึกเหมือนปุถุชนครับ และการที่เห็น “น้ำตา” ของท่าน ยิ่งแสดงให้เห็นถึงคุณธรรมของหลวงปู่ได้ชัดเจนมากที่สุดว่า ท่านรักและอาลัย “ในหลวง” ผู้ประเสริฐสุดเป็นคนดีที่สุด ที่ทั้งโลกนี้ ไม่มีใครเปรียบเทียบได้
สำหรับผู้ที่เห็น “น้ำตา” ของหลวงปู่แล้วเข้าใจไม่ถูกต้อง เป็นเพราะมองด้านเดียวและยังไม่เข้าใจความรู้ในพุทธศาสนามากเพียงพอ จึงคิดตัดสินจากตาที่เห็นด้วยความรู้ความเข้าใจชองตนเอง จึงอยากบอกชาวพุทธที่ดีทุกท่านว่า ควรหาความรู้ในพุทธศาสนา”ที่ถูกต้อง”ให้มาก เพราะนอกจากจะรู้เท่าทันคนเลวที่อาศัยการนุ่งห่มเหลือง มาแสวงหาเลี้ยงชีพ และทำลายพระศาสนา กันอย่างมากมายอยู่ในขณะนี้
หลวงปู่ ท่านเป็นพระลูกวัดที่ไม่มีพัดยศไม่มีสมณศักดิ์ แต่ได้มาสวดมนต์ถวาย “ในหลวง” ตั้งแต่ปี ่58 และทำสาธารณะประโยชน์ โดยการขุดสระขุดลอกทางน้ำ ให้ชาวบ้านในถิ่นทุรกันดาร เพื่อบรรเทาความทุกข์ยากความเดือดร้อนของชาวบ้าน หลายต่อหลายสถานที่ด้วยกัน ในขณะที่ คนนุ่งห่มเหลืองอื่นๆที่ ครอบครองรถหรูที่ผิดกฎหมายทุกขั้นตอน หรือที่มีข่าวว่ามีทรัพย์สินถึง 4.4 ล้านล้านบาท หรือพวกที่มีพัดยศมีสมณศักดิ์สูงๆ กลับไม่เคยมีใครทำความดีเช่นนี้เลย แม้แต่คนเดียว ก็คงจะพอคิดกันได้แล้วนะครับ ว่าใครเป็น “พระดี”
—————————————–
พุทธะอิสระ:
ขอบคุณและขอบใจ ที่คุณผู้ใช้นามว่า Gawin Sirawitwongsa
ช่วยกรุณาเขียนอธิบายความให้กับผู้ที่ไม่รู้ ผู้ที่ไม่เข้าใจ และผู้ที่จ้องจะจับผิดในพฤติกรรมของฉัน ให้ได้เข้าใจอย่างถูกต้อง
ที่จริงฉันก็ไม่มีเวลามาสนใจต่อการตำหนิติด่าของคนทั้งหลายที่เขาเห็นฉันร้องไห้ให้แก่การที่แผ่นดินไทยต้องสูญเสียพ่อผู้ยิ่งใหญ่ ผู้ทรงจากโลกนี้ไป
ต่อให้มีคนคอยจับผิดฉันมากขนาดไหน ฉันก็ไม่รู้สึกอายเลยที่จะแสดงความเสียใจต่อการจากไปของพ่อผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐของแผ่นดิน
ส่วนถ้าจะมีคนถามว่าเป็นพระแล้วร้องไห้ได้หรือ
ตอบว่า ก็ขนาดพระอานนท์พุทธอุปัฏฐาก ที่เป็นพระอริยบุคคลชั้นพระโสดาปัตติผลแล้ว ท่านยังไปยืนแอบร้องไห้เลย ในคืนวันที่องค์พระผู้มีพระภาคเจ้าจักปรินิพพาน
สาอะไรกับฉันที่เป็นพระปุถุชน อีกทั้งยังบวชด้วยจิตปรารถนาพุทธภูมิเท่านั้น หาได้ต้องการเป็นพระอริยเจ้าดังที่นักบวชบางคนในสมัยนี้เขาพยายามเสแสร้งแกล้งทำกันจนบางคนได้เป็นถึงอรหอยไปแล้วก็มี
เมื่อบวชเพราะต้องการบำเพ็ญบารมี หากฉันไม่มีอารมณ์ ความรู้สึก แล้วฉันจักรับรู้ถึงความทุกข์ยากเดือดร้อนของสรรพสัตว์ได้กระนั้นหรือ
แต่ยังไงก็ต้องขอปวารณากับพวกท่านทั้งหลายว่า
หากฉันทำผิดทำพลาดอะไรไป ก็โปรดว่ากล่าวตักเตือนฉันได้ ด้วยจิตที่หวังดีและเอ็นดู
เพื่อให้ฉันได้มีโอกาสเปลี่ยนแปลงนิสัย แก้ไขพฤติกรรมสืบไป