โพลไม่ติดใจ “ป้อมฮาวาย” สนใจโกงจำนำข้าวมากกว่า ป.ป.ท.เร่งเครื่องสางคดี สัปดาห์หน้าตั้งอนุกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริงเรียกค่าเสียหายอีก 80% ได้หลายคณะ “หมอวรงค์” ซัด “ยิ่งลักษณ์” ไม่สำนึก ทั้งที่เป็นต้นเหตุให้ประเทศเสียหาย
ดร.นพดล กรรณิกา ประธานชมรมขับเคลื่อนวิชาการเพื่อวิจัยความสุขชุมชน สำนักวิจัยซูเปอร์โพล (SUPER POLL) เปิดผลสำรวจเรื่อง โพลฮาวายกับคดีทุจริตจำนำข้าว และประเด็นการเมืองสำคัญอื่นๆ กรณีศึกษาตัวอย่างประชาชนทุกสาขาอาชีพ จำนวน 1,314 ตัวอย่าง ดำเนินโครงการระหว่างวันที่ 4-7 ตุลาคม ที่ผ่านมา
ถามถึงวัตถุประสงค์ที่รับรู้จากคณะทำงานความมั่นคง กระทรวงกลาโหม ที่เหมาลำการบินไทยไปฮาวาย โดยพบว่า ประชาชนจำนวนมาก หรือร้อยละ 44.8 ระบุไปทำงานด้านความมั่นคงของชาติ รองลงมาคือ ร้อยละ 22.4 ระบุทำงานด้านรักษาผลประโยชน์ชาติ เช่น แก้ค้ามนุษย์
การประมงผิดกฎหมาย
ความปลอดภัยและความมั่นคงทางทะเล
ต่อต้านการก่อการร้าย
และความมั่นคงในอาเซียน,
ร้อยละ 18.9 ระบุกระชับความสัมพันธ์ร่วมมือกับ สหรัฐอเมริกา
ในขณะที่ร้อยละ 7.2 ระบุเพื่อเสริมสร้างความร่วมมือด้านความมั่นคงของอาเซียน
และร้อยละ 6.7 ระบุไปเที่ยว ตามลำดับ
ที่น่าสนใจคือ เมื่อถามถึงเกมการเมืองกับการโจมตี คณะทำงานความมั่นคงกลาโหมไปฮาวาย โดยผลสำรวจพบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 58.9 มองว่าเป็นเกมการเมือง
เพราะต้องการโจมตีคนใกล้ชิดนายกรัฐมนตรี
ต้องการลดความน่าเชื่อถือต่อรัฐบาล
ฝ่ายตรงข้ามต้องการหันเหความสนใจของประชาชน
และต้องการโจมตี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
แต่เริ่มจากคนใกล้ชิดก่อน และเป็นความขัดแย้งภายในกันเอง เป็นต้น
ในขณะที่ร้อยละ 41.1 ระบุไม่ใช่เกมการเมือง เพราะ เป็นความไม่เหมาะสมของการใช้จ่ายงบประมาณเหมาลำ
ต้องการให้ทุกอย่างเป็นไปตามหลักจริยธรรมทางการเมือง และเพราะพลังสังคมตรวจสอบเข้มข้น เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 64.4 พอใจค่อนข้างมากถึง มากที่สุด
ต่อข่าวสารชี้แจงกรณีเหมาลำไปฮาวายด้านความมั่นคง ในขณะที่ร้อยละ 35.6 พอใจค่อนข้างน้อย ถึง ไม่พอใจเลย
ที่น่าพิจารณาคือ ประชาชนส่วนใหญ่หรือร้อยละ 65.3 สนใจเกาะติดคดีจำนำข้าว มากกว่าข่าวเหมาลำไป ฮาวาย
ในขณะที่ร้อยละ 34.7 สนใจเกาะติดข่าวเหมาลำไปฮาวายมากกว่า
นอกจากนี้ จากกระแสข่าวที่ให้นักการเมืองต้องรับผิดชอบมูลค่าความเสียหายร้อยละ 20 ในคดีทุจริตจำนำข้าว
ประชาชนส่วนใหญ่หรือร้อยละ 42.1 ระบุนักการเมืองควรรับผิดชอบอยู่ระหว่างร้อยละ 80-100%
รองลงมาคือ ร้อยละ 26.2 ระบุควรรับผิดชอบร้อยละ 50-80
และร้อยละ 20.0 ระบุควรรับผิดชอบอยู่ระหว่างร้อยละ 20-50% ตามลำดับ
นอกจากนี้ ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 79.4 ระบุศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองควรพิจารณาคดีทุจริตจำนำข้าวที่มีนักการเมืองพัวพัน ในขณะที่ร้อยละ 20.6 ระบุศาลแพ่ง
ตามด้วยสวนดุสิตโพล ได้ทำการสำรวจตัวอย่างประชาชนจากทุกสาขาอาชีพจำนวน 1,287 คน พบว่าร้อยละ 74.36 ยังเชื่อมั่นในตัวลุงตู่ เพราะเป็นผู้นำที่มีความซื่อสัตย์ จงรักภักดี พูดจริงทำจริง มีความมุ่งมั่นในการทำงานเพื่อบ้านเมือง
นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม อดีต ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯที่ระบุขอความเห็นใจ เพราะโครงการรับจำนำข้าวเป็นการช่วยเหลือชาวนานั้นว่า กรณีนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์พูดที่ศาล แต่ในวันเดียวกัน ทนายความบริษัท ซิงตั๊กกรุ๊ป ที่ประมูลข้าวเหนียวจากคลังของรัฐ 500 ล้าน มายื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้า คสช.ให้เอาผิดการปลอมข้าวเสื่อมคุณภาพในข้าวเหนียวที่ซุกอยู่ในกองข้าวที่บริษัทนี้ประมูลได้ ถือเป็นการย้ำถึงการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าว ยังไม่รับรวมเรื่องจีทูจี และชาวนาฆ่าตัวตาย เพราะโครงการขาดสภาพคล่อง เอานั่งร้านซุกในกองข้าว และอื่นๆ
—————————————————-
ไม่ว่าจะเป็นการทุจริตโครงการจำนำข้าวก็ดี
ทุจริตโครงการบริหารจัดการน้ำในยุคสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ก็ดี
หรือทุจริตโครงการบ่อบำบัดน้ำเสียคลองด่านก็ดี
หรือการหลีกเลี่ยงภาษีในการซื้อขายและโอนหุ้น “ชินคอร์ป” ของตระกูลชินวัตร
มีเหตุอันควรสงสัยว่าก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ ๓๓,๑๐๘ ล้านบาท
หรือการให้เงินกู้แก่รัฐบาลสหภาพพม่าของ “เอ็กซิมแบงก์”
ส่อเอื้อประโยชน์โดยมิชอบแก่ “ชินคอร์ป” ประมาณ ๑,๐๐๐ ล้านบาท
ทุจริตโครงการก่อสร้าง “ห้องแล็ปกลาง” ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ น่าเชื่อว่ามี
“นายหน้า” ได้รับผลประโยชน์ประมาณ ๓๐๐ ล้านบาท
ทุจริตโครงการจัดซื้อระบบสายพานลำเลียงและเครื่องตรวจวัตถุระเบิด CTX ๙๐๐๐ น่าเชื่อว่าก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐประมาณ ๓,๐๐๐ ล้านบาท
ทุจริตโครงการจัดซื้อท่อร้อยสายไฟฟ้าใต้ดินในสนามบินสุวรรณภูมิ
น่าเชื่อว่าก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐประมาณ ๒๐๐ ล้านบาท
ทุจริตการซื้อขายที่ดินบริเวณถนนรัชดาภิเษก (ระหว่างคุณหญิงพจมาน ชินวัตร กับกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน)
น่าเชื่อว่าก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐประมาณ ๗๗๒ ล้านบาท
ทุจริตโครงการออกสลากพิเศษแบบเลขท้าย ๒ ตัวและ ๓ ตัวหรือ “หวยบนดิน”
น่าเชื่อว่าก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐประมาณ ๓๗,๗๐๙ ล้านบาท
ทุจริตการจัดซื้อกล้ายาง ๙๐ ล้านต้นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
น่าเชื่อว่าก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐประมาณ ๑,๔๔๐ ล้านบาท
ทุจริตการจัดซื้อรถ-เรือดับเพลิงของกทม.
น่าเชื่อว่าก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐประมาณ ๑,๙๐๐ ล้านบาท
ทุจริตการปล่อยเงินกู้โดยมิชอบของผู้บริหารธนาคารกรุงไทย
น่าเชื่อว่าก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐประมาณ ๕,๑๘๕ ล้านบาท
ทุจริตการแก้ไขสัญญาเพื่อลดส่วนแบ่ง–ค่าบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่แบบเติมเงิน(Prepaid)
น่าเชื่อว่าก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐประมาณ ๗๑,๖๗๗ ล้านบาท
ทุจริตการแก้ไขสัญญาปรับลดส่วนแบ่ง–แก่ บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน)
เพื่อเอื้อประโยชน์แก่บริษัทเอกชน
น่าเชื่อว่าก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐประมาณ ๗๐๐ ล้านบาท
ทุจริตการออกพระราชกำหนดภาษีสรรพสามิตในกิจการโทรคมนาคม
น่าเชื่อว่าก่อให้เกิดความเสียหายแก่ บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) ประมาณ ๓๐,๖๖๗ ล้านบาท
ทุจริตโครงการก่อสร้างระบบขนส่งทางรถไฟฟ้าเชื่อมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ หรือ “แอร์พอร์ตลิงค์” ของการรถไฟแห่งประเทศไทย
น่าเชื่อว่าก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐประมาณ ๑,๒๐๐ ล้านบาท
ทุจริตโครงการบ้านเอื้ออาทร (ระยะที่ ๔) ของการเคหะแห่งชาติ
น่าเชื่อว่าก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐประมาณ ๔๑๕ ล้านบาท
และความเสียหายที่ไม่อาจประเมินเป็นเงินได้อีกราว ๓,๐๐๐ ล้านบาท
หรือพฤติกรรมที่ญาติผู้มีอำนาจเข้ามาแสวงหาผลประโยชน์ต่องบประมาณแผ่นดิน ซึ่งมีมาทุกยุคทุกสมัยก็ดี
แม้การฝากลูกหลานผู้มีอำนาจ เข้ารับราชการโดยง่ายดาย ซึ่งก็มีมาทุกยุคเหมือนกัน
การใช้จ่ายงบประมาณของรัฐอย่างสุรุ่ยสุร่าย ก็มีมาทุกยุคทุกสมัยเช่นกัน
หรือกรณีกันยาฮาวายที่ฝ่ายไม่เอาคสช.พยายามดาหน้ากันออกมาขยายผล ชนิดจิกกัดไม่ปล่อย ซึ่งถ้ามองกันด้วยหัวใจเที่ยงธรรม มูลค่าความเสียหายหรือยังไม่รู้ว่าจะเสียหายเท่าไหร่ก็ยังเทียบไม่ได้กับโคตะนะทุจริต สารพัดโครงการของรัฐบาลที่อ้างตัวว่ามาจากการเลือกตั้ง
ทั้งหมดนี้ ไม่มีคนไทยคนไหนชื่นชอบชื่นชมดอก
ยกเว้นพวกที่ได้ประโยชน์
ไหนๆ ก็ประกาศว่าจะปราบโกง กำจัดทุจริตคอรัปชั่น ให้หมดไปจากแผ่นดินไทยกันทั้งสองฝ่ายแล้ว
พวกเราประชาชนคนไทยไทยก็อยากเรียกร้องรัฐบาลและกลุ่มที่ไม่เอารัฐบาล ที่กำลังจะพยายามตรวจสอบการทุจริตในโครงการต่างๆ ของรัฐ
ลองช่วยตรวจสอบย้อนหลังการทุจริตไปซัก ๑๐ ปีประเทศไทยเป็นไง
พวกเราจะได้รู้สึกสบายใจ มั่นใจว่า ทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายไม่เอาคสช. หวังดีต่อบ้านเมืองอย่างบริสุทธิ์ใจจริงๆ
ไม่ได้ตรวจสอบเพราะต้องการกลั่นแกล้งกันทางการเมือง
เพราะไม่ว่าจะเป็นเงิน ๒๐ ล้านค่าเหมาเครื่องบิน หรือเงิน ๕ แสนล้านที่มีการทุจริตโครงการจำนำข้าว หรือเงิน ๓ แสนล้านในโครงการบริหารจัดการน้ำของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ประชาชนทุกคนที่เสียภาษีเขามีสิทธิที่จะทวงถามตามดูว่า พวกคุณๆ ทั้งหลายเอาเงินเขาไปใช้อะไร
พวกเราคนไทยผู้มีหัวใจรักชาติ ก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่า ข่าวเน่าๆ แบบนี้มันไม่ควรจะเกิดขึ้นมาทำลายความสุขแก่คนไทยอีกต่อไป
พุทธะอิสระ
ขอบคุณข้อมูลประกอบจาก
ไทยโพสต์
คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.)