เห็นข่าวท่านผู้นำเดินทางกลับจากสหรัฐ พอลงจากเครื่องบินแล้วต้องมาให้สัมภาษณ์สื่อด้วยสีหน้าแววตาที่อิดโรย
คำถามแรกแทนที่สื่อจะถามว่า ท่านไปสหรัฐได้ทำงานอะไรมาบ้าง ท่าทีของโลกที่เขามองท่านนายก มองรัฐบาลคสช. มองประเทศไทย มองสถานการณ์ของบ้านเมืองเราเป็นอย่างไร
———————————————-
ท่านได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนภายหลังเดินทางกลับจากการเข้าร่วมการประชุมสหประชาชาติสมัยสามัญ ครั้งที่ 17 ณ นครนิวยอร์ค ประเทศสหรัฐอเมริกา
เกี่ยวกับกรณีเรื่องที่มีการนำตัวละครของวรรณคดีไทย มาแสดงในรูปแบบสื่อบันเทิงว่า
การแสดงโขนวรรณคดีไทยถือได้ว่าเป็นศิลปะชั้นสูง ซึ่งต้องใช้ความชำนาญการและการฝึกฝนจากครูบาอาจารย์ ที่มีการสืบทอดเป็นประเพณีมาอย่างยาวนาน ถือได้ว่าการแสดงเหล่านี้ เป็นวัฒนธรรมไทยที่ควรจะอนุรักษ์รักษาไว้โดยคนรุ่นสมัยใหม่ด้วย อย่างไรก็ตาม การปรับเปลี่ยนการแสดงละครวรรณคดีไทยนั้น ต้องคำนึงถึงประโยชน์และความเหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญ รวมถึงเคารพประเพณีวัฒนธรรมของการแสดงจากครูบาอาจารย์ที่สืบกันเรื่อยมาเป็นเวลายาวนานอีกด้วย
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวถึงเรื่อง ความเดือดร้อนของประชาชนจากสถานการณ์อุทกภัยที่เกิดในหลายจังหวัดในช่วงที่ผ่านนี้มาว่า รัฐบาลได้มีการสั่งการให้ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ รวมทั้งเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วน ร่วมมือกันระดมกำลังลงพื้นที่ให้ความ ช่วยเหลือประชาชนเพื่ือบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่ ซึ่งการดำเนินงานของเจ้าหน้าที่ในช่วงระยะที่ผ่านมา มีผลงานที่ดี ประชาชนในพื้นที่เกิดความพอใจ และ ยังได้รับความร่วมมือจากคนในพื้นที่เป็นอย่างดีอีกด้วย
และให้สัมภาษณ์ถึงกรณีคณะกรรมการพิจารณาความรับผิดทางแพ่ง ที่มีอธิบดีกรมบัญชีกลางเป็นประธาน พิจารณาสอบข้อเท็จจริงความรับผิดทางละเมิดโครงการรับจำนำข้าว น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี สรุปตัวเลขความเสียหายที่ต้องจ่ายจำนวน 35,717 ล้านบาท ว่าขั้นตอนต่อไปรัฐบาลมีหน้าที่นำเข้าสู่กระบวนการอย่างเดียว ตามพ.ร.บ.ความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. 2539 ที่ใช้มากว่า 5 พันคดีแล้ว
“ไม่ได้แกล้งใคร ไม่ได้เลือกปฏิบัติอะไรใคร มันมีหน้าที่อยู่ถ้ารัฐบาลไม่ดำเนินการ ก็จะถูกดำเนินการตามมาตรา 157 ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และต้องทำให้ทันอายุความที่จะสิ้นสุดภายในเดือนก.พ.60 ผมไม่ได้ไปเร่งรัดอะไร กฎหมายเขาเขียนไว้อย่างนั้น” นายกฯ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เรื่องนี้มีที่มาจากการร้องทุกข์กล่าวโทษ ใครมีหน้าที่ก็ทำไป ส่วนการตัดสินเป็นเรื่องของศาล ไม่ใช่เรื่องของตน รวมทั้งตั้งคณะกรรมการพิจารณาความรับผิดทางแพ่งแบบจีทูจี ในส่วนของนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์ และพวก นั้นก็เป็นหน้าที่รัฐบาลซึ่งได้มีการตรวจสอบ 2 ฤดูการผลิต ในปี 55/56 และปี 56/57 ตามที่ ป.ป.ช.และหน่วยงานที่ตรวจสอบให้สอบ และทำตามคำสั่งศาล ส่วนการจะไปดำเนินการสอบสวนเพิ่มเติมอย่างไร มันก็มีสิทธิ สามารถทำได้ ผู้ถูกกล่าวหา ก็อุทธรณ์ได้
“แล้วมันผิดตรงไหน หรือไม่ต้องเข้ากระบวนการเลย แล้วเอารัฐบาลผมไปรับโทษแทน คิดให้มันถูกต้อง อย่าไปฟังสิ่งที่มันอ้างไปอ้างมา เอาหลักฐาน เอากฎหมายมาว่ากัน เวลานี้ประชาชนสับสนไปหมด กฎหมายไม่เป็นกฎหมายไปหมด เขาจะแกล้งเรื่องอะไร” นายกฯ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวถึงกรณีที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ หลังมีผู้ร้องต่อ ป.ป.ช. ทั้งในเรื่องการสร้างฝาย ที่ อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ และ การประมูลงานก่อสร้างของกองทัพภาค 3 ซึ่งเกี่ยวข้องกับ พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา ปลัดกระทรวงกลาโหม และครอบครัว ว่า เรื่องน้องชาย ก็ส่วนน้องชาย เป็นคนละคน ส่วนที่ตนถูกโจมตีไปด้วยนั้น ก็โจมตีไป เพราะโดนทุกวันอยู่แล้ว แต่อย่าทำผิดกฎหมายกับตนก็แล้วกัน
ผู้สื่อข่าวถามว่า นายกฯห่วงหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า แล้วคุณห่วงน้อง ห่วงญาติพี่น้องคุณหรือไม่ และเรื่องที่ถูกโจมตีเหล่านั้น จริงหรือเปล่า พิสูจณ์หรือยังว่ามันผิด โดยในเรื่องการทำธุรกรรมบริษัทนั้น ยังไม่รู้ว่าถูก หรือผิด
“เขาคงไม่โง่หรอก แต่ผมก็ไม่รับประกันแทนอยู่แล้ว เพราะเป็นเรื่องของเขา ที่ต้องรับผิดชอบไป เพียงแต่ว่ามันจะถูกจับตา นี่ โน่น คือพอมีอะไรขึ้นมา ผมก็จะต้องโดน แล้วมาบอกว่ารัฐบาลไม่เอาใจใส่ มันคนละประเด็น อยากจะสอบก็สอบไป แต่อย่าไปเอาเรื่องที่เกิดขึ้นมาตีกันอีกว่าทางนี้ก็เป็น จะทำไปเพื่ออะไร” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
นายกฯ กล่าวอีกว่า เมื่อมีการฟ้องร้อง ก็ให้สอบไป ตนคงไม่ทำตัวแบบที่มันเกิดๆ มาหรอก อะไรที่ตัดสินแล้วหลุด ตัวเองถูก ตัวเองดี นั้นชอบกระบวนการศาลยุติธรรม แต่ถ้าไม่หลุดแล้วด่าศาล คนแบบนี้มันอยู่ได้ยังไงประเทศไทย ก็ปล่อยให้เขาทำลายต่อไปแล้วกัน ตนก็ทำได้แค่นี้
———————————————-
พุทธะอิสระ:
ท่านพูดได้ถูกต้องที่สุดในทุกประเด็น โดยเฉพาะ ทุกคนก็มีญาติ มีพ่อแม่พี่น้อง มีคนที่รักและห่วงใย ใครๆ ก็รักพี่รักน้อง แต่ด้วยภารธุระที่ท่านนายกต้องแบกรับไว้ไม่ใช่แค่ผู้บริหารประเทศอย่างเดียว ยังต้องมีพันธกิจที่จะต้องเป็นบุคคลต้นแบบที่สง่างามให้คนทั้งแผ่นดินทำตามและภาคภูมิใจได้ทุกย่างก้าว
เหมือนที่คนไทยทั้งโลกมีความภาคภูมิใจที่แผ่นดินไทยมีพระเจ้าแผ่นดินผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐยิ่ง ผู้ทรงสง่างามทั้งการทรงงาน การตรัส และพระราชดำริ ล้วนเพื่อประโยชน์ของ อนาประชาราษฎร์ทั้งนั้น
ตลอดเวลา ๒ ปีกว่าที่ผ่านมาท่านนายกประยุทธ์ และครอบครัวของท่านได้พิสูจน์ให้คนไทยได้เห็นว่า
ครอบครัวและตัวท่านได้ทำสิ่งที่สง่างามให้คนไทยได้จับต้องได้จริง ซึ่งจัดเป็นต้นแบบและความภาคภูมิใจของพวกเราทุกคนและกล้าที่จะกล่าวขานถึงสืบไป
ส่วนเรื่องกรณีน้องชายและครอบครัวของเขาท่านก็ปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรมและมาตรการทางสังคมไปเถิด เพราะสัตว์โลกต้องเป็นไปตามกรรมอยู่แล้ว
ส่วนที่อดีตนายกปูออกมาเรียกร้องว่า
“ทุกอย่างที่นายกฯยืนยันออกมาจากปากท่านว่าการดำเนินการที่เกี่ยวข้องกับคดีดิฉันเป็นไปตามกฎหมาย ไม่ได้กลั่นแกล้ง ก็อยากให้นายกฯใช้หลักคิดและให้ความเป็นธรรมกับดิฉันเหมือนที่ท่านให้ความเป็นธรรม และปกป้องน้องชายท่าน รวมทั้งคนที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นพวกเดียวกับท่าน เพราะกฎหมายมีไว้บังคับใช้กับทุกคน ไม่ใช่เลือกปฏิบัติกับฝั่งดิฉันเพียงฝ่ายเดียว”
การที่อดีตนายกปูออกมาโวยวายเช่นนี้ ก็เป็นธรรมดาของคนเผ่าพันธุ์นี้ ที่ไม่เคยมองเห็นความผิดของตนเองเลย ไม่ว่าจะเป็นอลัชชีธัมมชโยจนถึงบรรดาศิษย์ของมัน
มันมักจะกล่าวโทษผู้อื่นทำให้พวกเขาต้องได้รับทุกข์โทษผลกรรมชั่วทั้งนั้น พวกเขาไม่เคยยอมรับผลจากการกระทำของตนเองเลย
ท่านนายกก็อย่าไปให้ความใส่ใจ
แต่ก็ต้องให้หน่วยงานที่รับผิดชอบออกมาอธิบายความให้สังคมได้เข้าใจ สังคมเขาพร้อมที่จะรับฟังข้อเท็จจริงอยู่แล้ว
อะไรที่พวกอดีตรัฐบาลของนายกปูออกมาพูด รัฐบาลโดยทีมโฆษกก็ต้องใช้ข้อกฎหมายออกมาอธิบายความให้สังคมได้เข้าใจ เขาจะได้ไม่เข้าใจผิด
ถ้าจะสู้กับคนพวกนี้เราต้องใช้ความจริงเท่านั้นถึงจะเอาชนะพวกชอบบิดเบือนได้ ไม่ว่าจะยังไงพวกเราคนไทยผู้มีหัวใจรักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ก็พร้อมที่จะปกป้องคนดีอย่างท่านผู้นำอยู่แล้ว
พุทธะอิสระ